อาคารสำนักงานให้เช่า อัปเกรดสู่ A+ พร้อมมุ่งสู่ความยั่งยืน เพื่อสิ่งแวดล้อม เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ปรับใหญ่ ทั้งสาทรสแควร์, ปาร์คเวนเจอร์ รองรับทิศทางใหม่
คุณวิทวัส คุตตะเทพ ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายโครงการเชิงพาณิชยกรรม กลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่อพาณิชยกรรม บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ FPT กล่าวว่า ตลาดออฟฟิศให้เช่าในย่านศูนย์กลางธุรกิจกรุงเทพฯ (CBD) นอกจากเกรด A, B ช่วงหลังมีเซกเมนต์ A+ เพิ่มเข้ามา จากอาคารสำนักงานเปิดใหม่ทั้งที่ก่อสร้างแล้วเสร็จในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา และเตรียมเปิดตัวในปีนี้ สร้างการแข่งขันที่สูงขึ้นในตลาด เกิดราคาเช่าพื้นที่ที่กว้างขึ้น
ทั้งพฤติกรรมผู้บริโภคในตลาด ความต้องการเช่าพื้นที่ออฟฟิศยังขยายตัวไม่มาก แต่ก็มีโอกาสเติบโตอยู่บ้าง หลังอัตราคนกลับมาทำงานที่ออฟฟิศเต็ม 5 วันต่อสัปดาห์ฟื้นตัวถึง 75-80%
ขณะที่ผู้เช่าใหม่ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มที่ขยับขยายจากเกรด B ไปเกรดที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม การเลือกต่อสัญญาเช่าพื้นที่ของผู้เช่ากลุ่มเดิมก็ยังเป็นทางเลือกแรก เพราะมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการย้ายออฟฟิศใหม่ ผู้ประกอบการเพียงต้องพร้อมปรับตัวอาคารให้ตอบโจทย์อยู่เสมอ
ปัจจัยหลักในการใช้ตัดสินใจเช่าออฟฟิศของผู้บริโภค ยังอยู่ที่คุณภาพอาคาร, ประสบการณ์ใช้งานพื้นที่, โลเคชั่น ซึ่งอย่างหลังทำให้อาคารที่อยู่ในพื้นที่ยุทธศาสตร์ของ CBD กรุงเทพฯ อยู่แล้ว ก็ยังมีข้อได้เปรียบ
ขณะที่ความยั่งยืนก็กลายมาเป็นปัจจัยภาคบังคับ โดยเฉพาะกลุ่มองค์กรข้ามชาติซึ่งเป็นสัดส่วนผู้เช่าหลักในกลุ่มออฟฟิศเกรด A+, A ซึ่งอาคารสร้างใหม่ทุกแห่งในเกรดดังกล่าว ล้วนอยู่ในมาตรฐานสากลอาคารสีเขียวอยู่แล้ว
ส่วนของ เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) มีธุรกิจหลัก 3 กลุ่ม คือ อสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัย, เพื่ออุตสาหกรรม และเพื่อพาณิชยกรรม อย่างหลังมีออฟฟิศให้เช่าเกรด A อยู่รวม 5 แห่ง อัตราเช่าพื้นที่เฉลี่ย 90% เน้นบริหารงานร่วมกับรีเทลหรือโรงแรมในรูปแบบมิกซ์ยูส
ไม่ว่าจะเป็น เอฟวายไอ เซ็นเตอร์, สามย่านมิตรทาวน์, สีลม เอจ และภายใต้ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์โกลเด้นเวนเจอร์ (Gvreit) ได้แก่ ปาร์คเวนเชอร์, สาทรสแควร์ ซึ่งเน้นบริหารงานร่วมกับรีเทลหรือโรงแรมในรูปแบบมิกซ์ยูส
ซึ่งการแข่งขันที่สูงขึ้นในตลาดออฟฟิศให้เช่ากรุงเทพฯ ทำให้บริษัทต้องปรับตัวเพื่อให้มีความสามารถในการแข่งขันอยู่เสมอ และสามารถรักษาการต่อสัญญาในกลุ่มผู้เช่าเดิม ซึ่งตอนนี้อยู่ที่ 90%
โดยตั้งแต่ต้นปี 2024 บริษัททุ่มงบประมาณ 200 ล้านบาท เร่งดำเนินการโครงการยกระดับคุณภาพอาคาร (Asset Enhancement Initiative: AEI) 2 แห่ง สาทรสแควร์ และ ปาร์คเวนเชอร์ ที่ส่งมอบประสบการณ์และบริการที่ดีให้แก่ผู้เช่าและผู้ใช้อาคารมาต่อเนื่อง ประมาณ 14 ปีแล้วทั้งสองแห่ง
ปัจจุบันสาทรสแควร์ดำเนินการปรับโฉมเสร็จเรียบร้อย ส่วนปาร์คเวนเชอร์จะแล้วเสร็จในเดือนกันยายน 2024
ทั้ง 2 อาคารยกระดับนวัตกรรมการให้บริการและคุณภาพอาคารด้วยกลยุทธ์ 5 มิติ ครอบคลุมทั้ง Space, Community และ Sustainability และไม่ได้เป็นไปเพื่อการปรับขึ้นอัตราค่าเช่าที่ยังคงเป็นไปตามกลไกตลาด
การปรับโฉมที่เปลี่ยนแปลงชัดเจนของทั้งสองอาคาร อาทิ ระบบควบคุมการเข้า-ออกอาคารและการจัดการผู้มาติดต่อสามารถแสดงตนด้วยการสแกนใบหน้า (Face Recognition) หรือสแกน QR Code ผ่านแอปพลิเคชันมือถือ
ระบบจัดการการเข้า-ออกรถยนต์ภายในอาคารจอดรถที่สามารถตรวจและอ่านป้ายทะเบียนแบบอัตโนมัติ (License Plate Recognition) ชำระค่าจอดรถผ่านระบบออนไลน์ (e-Payment) พร้อมติดตั้งจุดให้บริการ EV Charger สำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า
เพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมงานวิศกรรมอาคารและการจัดการพลังงานภายในอาคาร มี Motion Censor จับความเคลื่อนไหวสำหรับเปิด-ปิดไฟอัตโนมัติในพื้นที่ใช้งานน้อย สร้างสรรค์พื้นที่สีเขียวและรีเทลรองรับการใช้ชีวิตของผู้ใช้งานอาคารทั้งวัน ไม่ว่าจะเป็นเวลางานและนอกเวลางาน
อย่าง สาทรสแควร์ ที่มีการผสานผนังใหม่สีเงินเมทัลลิกที่สะท้อนความทันสมัยและมีพลัง เพิ่มเติมด้วยการติดตั้งจอ LED ขนาดใหญ่ สร้างสีสันมิติใหม่ที่เป็นตัวตนจุดเด่นสำคัญของอาคาร ตลอดจนการจัดกิจกรรมเชื่อมสัมพันธ์ในเทศกาลและโอกาสพิเศษต่าง ๆ โดยชักชวนผู้เช่าและผู้ใช้อาคารให้มีส่วนร่วมในการสร้างสังคมน่าอยู่ในอาคาร
ด้าน เอฟวายไอ เซ็นเตอร์, สามย่านมิตรทาวน์, สีลม เอจ นับเป็นโครงการที่ถือว่ายังไม่ถึงรอบต้องปรับปรุงใหญ่ แต่อยู่ในแผนงานสำหรับอนาคต ตลอดจนการสร้างโปรเจกต์ใหม่หรือเข้าลงทุนของทั้งกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่อพาณิชยกรรมเช่นกัน
.
อ่านเทรนด์สำนักงานให้เช่า: https://marketeeronline.co/archives/368532
–



