ธุรกิจค้าปลีก เตรียมและปรับตัวอย่างไร ในยุค AI จากมุมมองสยามพิวรรธน์ ภาครัฐ และยักษ์ไอทีระดับโลก
การทรานส์ฟอร์มธุรกิจเพื่อรับมือกับ AI กลายเป็นสิ่งที่ทุกภาคธุรกิจต้องเตรียมทั้งความพร้อม และคว้าโอกาสในการนำ AI มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และศักยภาพของธุรกิจ ทำให้ไม่พลาดโอกาสในการสร้างรายได้ที่เพิ่มขึ้น ในยุคที่เทคโนโลยีเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าการนำ AI มาใช้ย่อมมีความท้าทายทั้งในเรื่องของข้อมูล (Data) และทีมงาน (Talent) ทำให้นอกจากการเลือกใช้เทคโนโลยีแล้ว การให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะของคนจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

ภายในงาน “AI Transformation in Retail” หนึ่งในเวทีย่อยครั้งแรกของ Techsauce Global Summit 2024 ที่กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) และพันธมิตรระดับโลกในอีโคซิสเตมส์ ทั้ง ไมโครซอฟท์ กูเกิล คลาวด์ และไวซ์ไซท์ ต่างมาร่วมแชร์มุมมองที่น่าสนใจของการนำ AI มาช่วยขับเคลื่อนธุรกิจ

อักเซล วินเทอร์ ประธานบริหารสายงานดิจิทัล บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด และ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็กซ์โพเนนเชียล จำกัด บริษัทเทคโนโลยีในเครือกลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ บรรยายให้เห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้นว่า ภาคธุรกิจที่มีความต้องการนำ AI มาใช้งาน ควรมีกลยุทธ์และเป้าหมายที่ชัดเจน เพื่อให้ทั้งองค์กรมุ่งไปในทิศทางเดียวกัน
“การที่จะประสบความสำเร็จในการนำ AI มาใช้งานภายในธุรกิจ ไม่เฉพาะอุตสาหกรรมค้าปลีก แต่รวมถึงทุก ๆ องค์กร นอกจากการกำหนดแนวทางนำไปใช้ที่ชัดเจนแล้ว ยังมีอีก 2 ส่วนที่สำคัญไม่แพ้กันคือบุคลากรที่พร้อมเรียนรู้ไปด้วยกัน และการเลือกนำเครื่องมือมาใช้งานที่เหมาะสม เพราะแต่ละธุรกิจมีความต้องการนำไปใช้ที่แตกต่างกัน”
นอกจากนี้ ยังคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นจาก AI ในช่วง 5 ปี ข้างหน้าว่า จะเข้ามาขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมการเรียนรู้ และการปรับตัวสำหรับพนักงานในองค์กร ต่อเนื่องไปถึงการที่ข้อมูลเชิงลึกถูกขับเคลื่อนด้วย AI ที่จะมาช่วยวิเคราะห์ข้อมูลให้การตัดสินใจมีความแม่นยำมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ต้องมีการกำกับดูแลจริยธรรมของ AI ให้มีประสิทธิภาพ
ที่สำคัญ และทุกคนรับรู้ได้ คือการมี AI จะเข้ามาช่วยลดต้นทุนเป็นอย่างมาก เปิดโอกาสให้ธุรกิจสามารถนำกลับมาต่อยอดลงทุนทางธุรกิจใหม่ พร้อมกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และบริการด้วย AI ให้มีประสิทธิภาพ และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องจับตาดูต่อเนื่อง คือการพัฒนาเทคโนโลยี AI ของบรรดาผู้ให้บริการระดับโลก รวมถึงบรรดาเครื่องมือโอเพนซอร์สต่าง ๆ ที่จะเข้ามาช่วยให้การวางกลยุทธ์ในการนำ AI มาใช้งาน เพราะเทคโนโลยีนี้จะกลายมาเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อน S-Curve ในการสร้างรายได้ และนวัตกรรมในอนาคต
ธุรกิจ Retail ขับเคลื่อนด้วย AI บนพื้นฐานของ Personalization

ปานเทพย์ นิลสินธพ ประธานบริหารสายงานประสบการณ์ลูกค้า บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ให้มุมมองเพิ่มเติมเกี่ยวกับการนำ AI มาใช้งานภายในธุรกิจค้าปลีก โดยที่ผ่านมา ศูนย์การค้าเริ่มปรับรูปแบบการสื่อสารกับลูกค้าในมุมการสร้างประสบการณ์เฉพาะบุคคลมากขึ้น สิ่งที่ AI เข้ามาช่วยคือการทำ Personalization ที่ละเอียดมากขึ้น และประหยัดต้นทุนมากกว่าเดิม
“ที่ผ่านมาการสร้างประสบการณ์ให้ลูกค้าจะเริ่มตั้งแต่ก่อนลูกค้าเข้ามาเดินห้าง ขณะอยู่ที่ห้าง และหลังจากกลับไป ซึ่งในช่วงก่อนและหลังปัจจุบันจะใช้การสื่อสารผ่านออนไลน์เป็นหลัก ด้วยการทำคอนเทนต์ในลักษณะของรูปภาพและข้อความ ดังนั้น การมี AI มาช่วยสร้างเนื้อหาเฉพาะบุคคลจะช่วยสร้างการมีส่วนร่วมกับลูกค้าได้มากขึ้น และนับเป็นข้อดีที่ Generative AI เข้ามาช่วยได้ทันที”
ถัดมาในศูนย์การค้าที่เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวของกลุ่มสยามพิวรรธน์ AI เข้ามาช่วยทำลายกำแพงด้านภาษาในการสื่อสาร เนื่องจากเป็นศูนย์การค้าที่มีชาวต่างชาติจากหลายประเทศ ดังนั้นเมื่อสามารถเตรียมข้อมูล รายละเอียดต่าง ๆ ไว้พร้อม การเพิ่มเครื่องมือสื่อสารที่นำ AI มาช่วยเรียบเรียงข้อมูลจะช่วยให้พนักงานสามารถสื่อสารกับลูกค้าได้มากกว่าภาษาอังกฤษและจีน และสร้างความพึงพอใจแก่ลูกค้าที่เข้ามาภายในศูนย์การค้าได้
สำหรับในแง่ความท้าทายในการนำ AI มาใช้งาน ปานเทพย์มองในเรื่องการนำไปใช้ควบคู่กับการนำเสนอสิทธิประโยชน์ของลูกค้าที่เข้ามาภายในศูนย์การค้าที่มีความซ้ำซ้อน เพราะมีทั้งการนำเสนอเรื่องของโปรโมชันห้างฯ มีโปรบัตรเครดิตแยกเฉพาะรายบุคคล
ดังนั้น การรวบรวมข้อมูลเหล่านี้เข้ามา และมอบข้อเสนอที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าจะช่วยสร้างประโยชน์เป็นอย่างมาก รวมทั้งการบริหารจัดการ Supply Chain ที่สามารถนำ AI เข้ามาช่วยวิเคราะห์ข้อมูลการสต๊อกสินค้าในแต่ละ SKU ไปจนถึงการคำนวณเรื่องแวร์เฮาส์และโลจิสติกส์ในการส่งสินค้าให้ลูกค้าได้รวดเร็วที่สุด ซึ่งจะกลับมาตอบโจทย์ในเรื่อง ESG ในแง่การลดการปล่อยของเสียจากการขนส่งด้วย

ขณะที่ วสุพล ธารกกาญจน์ Chief Operation Officer บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) ชี้ให้เห็นบทบาทของ AI ว่าจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงวิธีการเข้าถึงเทคโนโลยี เพราะกลายเป็นว่าเทคโนโลยีจะเข้าใจในภาษาของมนุษย์ และสามารถที่จะคิดและมีเหตุผลเหมือนมนุษย์คิดได้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยในการออกแบบประสบการณ์การใช้งานในด้าน UX (User Experience) และ UI (User Interface) ทำให้สามารถใช้งานได้อย่างสะดวกรวดเร็วมากที่สุด เพราะเกิดการเรียนรู้ ทำให้เราสามารถนำ AI เข้าไปตอบโจทย์ใน Use Case ที่เมื่อก่อนเห็นว่ามีปัญหา แต่มีข้อจำกัดในเรื่องการลงทุน ซึ่ง AI เข้าไปช่วยได้ในต้นทุนที่ต่ำลง

ประเด็นที่ขาดไม่ได้ในการนำ AI มาใช้งาน คือพื้นฐานการมี Machine Learning เพราะยังเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ AI สามารถรู้จักลูกค้า ในจุดนี้ พุฒิ ตั้งตระกูลวงศ์ Strategic Technology Lead บริษัท Google Cloud ให้ข้อมูลว่า ในยุคที่มี Gen AI เข้ามา จะช่วยให้การจัดการข้อมูลเพื่อนำมาวิเคราะห์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ คืออย่าคาดหวังว่าการนำ AI เข้ามาจะช่วยแก้ไขปัญหาได้ 100% เพื่อก้าวข้ามปัญหาควรเริ่มนำ AI มาใช้งานจากโปรเจกต์เล็ก ๆ พร้อมกับพัฒนาคนให้เข้าใจ AI มากขึ้น เพราะเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงเร็วมาก ๆ ทำให้ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้ มีพนักงานที่ใฝ่รู้ และองค์กรส่งเสริม ในการนำ Data มาใช้อย่างเหมาะสม

เพียงแต่ในการนำ AI มาใช้งานส่วนที่ต้องระมัดระวัง คือเรื่องการเข้าใจความสามารถของ AI แต่ละตัว โดย วรัทธน์ วงศ์มณีกิจ Chief Product Officer บริษัท ไวซ์ไซท์ (ประเทศไทย) ชี้ว่า การผสมผสาน AI ที่เป็นทั้งรูปแบบเดิม ๆ อย่างการวิเคราะห์ข้อมูล และ Gen AI ที่นำมาสร้างสรรค์เนื้อหา จะช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงและเชื่อมต่อข้อมูลได้ไร้รอยต่อมากยิ่งขึ้น เพราะปัจจุบันพฤติกรรมการช้อปปิ้งของผู้บริโภคไม่ได้เกิดขึ้นเพียงจุดใดจุดหนึ่ง แต่เป็นการร้อยเรียงข้อมูลจากทั้งโลกออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกัน ถ้ามีการนำข้อมูลแต่ละจุดเข้ามารวมกันจะช่วยให้สามารถเข้าใจลูกค้า และนำเสนอประสบการณ์ที่ดีมากขึ้น

ดร.ชินาวุธ ชินะประยูร ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) มองว่า การปรับใช้ AI ให้เข้ากับ Ecosystem ตามเทรนด์เป็นเรื่องสำคัญมาก เนื่องจากคนเริ่มให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนผ่าน Green Transition เพื่อนำไปสู่เป้าหมาย Net Zero ซึ่งต้องทำไปพร้อมกับ Digital Transformation
ขณะที่ประเทศไทยจะเข้าสู่ Aging Society แบบเดียวกับญี่ปุ่น จำนวนประชากรไทยกำลังจะลดลงเรื่อย ๆ แต่ต้องการ Production เท่าเดิม จึงจำเป็นต้องมีเครื่องมือเพื่อสร้าง Productivity AI จะช่วยให้เกิด Digital Transformation เร็วขึ้น
รวมทั้งการเร่งพัฒนาบุคลากรที่มีความรู้ด้าน AI และดึง Talents จากต่างประเทศเข้ามา ทั้งการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน หรือ Data center และการพัฒนากลยุทธ์เพื่อนำ AI มาขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจไทย
การอยู่รอดในยุค AI จำเป็นต้องมีความเข้าใจในบริบทที่จะสื่อสารกับ AI และมีความรู้ทางเทคนิคที่จะตอบโต้กับ AI รวมทั้งทักษะในการสื่อสารเชิงตรรกะ (logical skill) และการสร้างผลลัพธ์ที่แตกต่าง (creative skill)
ดร. ชินาวุธ ให้ข้อมูลทิ้งท้ายถึง AI Transform ว่า เราควรที่จะสร้างแนวคิดให้เห็นว่า AI จะเข้ามาเป็นผู้ช่วย ทำให้งานมีโปรดักทิวิตี้สูงขึ้น และอยู่รอดในยุคถัดไป โดยเฉพาะการสร้างให้คนที่ไม่เข้าใจเทคโนโลยีสามารถเรียนรู้และเข้าใจได้ โดยไม่จำเป็นที่ต้องเขียน Prompt เป็น แต่สั่งให้ AI เขียน Prompt ได้ ทำให้สามารถอยู่รอดในยุคของ AI ได้
–
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้
Website : Marketeeronline.co /
