Tesco (เทสโก้) ชื่อนี้ที่ทุกคนคุ้นเคย เพราะแบรนด์นี้เป็นแบรนด์ซูเปอร์มาร์เก็ตยักษ์ใหญ่ แต่รู้หรือไม่ว่า Tesco เป็นแบรนด์เก่าแก่ของสหราชอาณาจักรที่ก่อตั้งมาเป็นเวลากว่า 100 ปี

ปัจจุบัน Tesco เป็นผู้ค้าปลีกรายใหญ่ที่สุดของสหราชอาณาจักรและใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ ของโลก มีส่วนแบ่งกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ของภาคซูเปอร์มาร์เก็ตในสหราชอาณาจักร

Tescoก่อตั้งขึ้นในปี 1919 ใน East End (อีสต์เอนด์) ของลอนดอน โดย Jack Cohen (แจ็ค โคเฮน) นักธุรกิจชาวอังกฤษผู้ก่อตั้งเครือซูเปอร์มาร์เก็ตT esco โดยถือได้ว่าเขาเป็นผู้นำตลาดซูเปอร์มาร์เก็ตในสหราชอาณาจักร

 

Jack Cohen ผู้ก่อตั้งอาณาจักรTesco

Jack Cohen เกิดในครอบครัวชาวยิวในลอนดอน เมื่อยังเด็กเขาได้เรียนรู้การตัดเสื้อกับพ่อของเขาก่อนที่จะอาสาเข้าร่วม Royal Flying Corps ในปี 1917 ซึ่งเขาใช้ทักษะการตัดเย็บของเขาในฐานะผู้ผลิตผ้าใบสำหรับลูกโป่งและเครื่องบินอื่น ๆ

ภาพ Jack Cohen

แต่หลังจากรับใช้ใน Royal Flying Corps ในสงครามโลกครั้งที่ 1 เสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาลังเลที่จะกลับไปตัดเย็บอีกครั้ง เขาจึงได้เปลี่ยนมาเปิดแผงขายของในตลาดในแฮกนีย์ของกรุงลอนดอนในปี 1919

และเขาก็เล็งเห็นโอกาสในการเติบโตของธุรกิจนี้ ประกอบกับการที่เขาต้องการทำให้อาหารราคาไม่แพงและเข้าถึงได้ทุกคน เขาจึงค่อย ๆ ขยายกิจการโดยทั้งขายของในราคาถูกและค่อย ๆ จับมือเป็นพันธมิตรร่วมกับร้านอื่น ๆ

จนในที่สุดในปี 1924 เขาได้สร้างชื่อแบรนด์ Tesco ขึ้นจากชื่อย่อของซัปพลายเออร์พันธมิตรหลักอย่าง T.E. Stockwell และตัวอักษรสองตัวแรกของนามสกุลของเขา โดยผลิตภัณฑ์ own-brand ตัวแรกที่ขายได้นั่นก็คือTesco Tea

แต่ถึงจะขายผลิตภัณฑ์ได้แล้ว ธุรกิจการค้าในตลาดก็เริ่มยากที่จะขยาย เขาจึงได้เปลี่ยนรูปแบบร้านเป็นอย่างที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน ซึ่งในยุคสมัยนั้นถึงว่ามีความแปลกใหม่มากที่สุด และในที่สุดร้านเทสโก้แห่งแรกก็เปิดให้บริการในปี 1929 ใน Burnt Oak, Edgware ทางตอนเหนือของลอนดอน

หลังจากนั้นไม่นาน ร้านTescoก็ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ จนสามารถเปิดสาขาที่สองได้สำเร็จภายใน 2 ปีต่อมา และ 8 ปีต่อมา Jack Cohen ก็ได้เป็นเจ้าของร้านTescoหลายร้อยแห่งทั่วสหราชอาณาจักร เนื่องจากประสบการณ์ทางการตลาดและความกล้าหาญที่จะทำธุรกิจใหม่ ๆ ของเขานั่นเอง

เรื่องราวของธุรกิจ Tesco

การเติบโตของบริษัทส่วนใหญ่มาจากการเข้าซื้อกิจการ โดยTescoเริ่มเข้าซื้อกิจการบริษัทอื่น ๆ ในปี 1950 ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ยังคงดำเนินต่อไปจนถึงทุกวันนี้ ในขณะที่จุดสนใจเดิมอยู่ที่ร้านขายของชํา บริษัทได้ขยายพอร์ตโฟลิโอใหม่ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า หนังสือ เฟอร์นิเจอร์ ของเล่น อิเล็กทรอนิกส์ ซอฟต์แวร์ บริการทางการเงิน และอื่น ๆ อีกมากมาย

ปัจจุบันTescoทำรายได้มากถึง 68.19 พันล้านปอนด์ ในปีงบประมาณสิ้นสุดวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2024 เติบโตมากขึ้นถึง 4.4%

ซึ่งนอกจากTescoจะทำธุรกิจเป็นของตัวเองแล้ว ยังซื้อกิจการต่าง ๆ อย่าง Burnards 19 แห่งในปี 1955 หรือ Adsega 47 แห่ง เพื่อเป็นการขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างก้าวกระโดดมากยิ่งขึ้นนั่นเอง

เรียกได้ว่าTescoเป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในอุตสาหกรรมค้าปลีกอย่างปฏิเสธไม่ได้ ด้วยการเข้าถึงและอิทธิพลที่กว้างขวาง จนได้เติบโตขึ้นเป็นยักษ์ใหญ่ด้านการค้าปลีกที่มีร้านค้าหลายพันแห่งในหลายประเทศ

และถึงแม้จะมีอิทธิพลและชื่อเสียงเรียบร้อยแล้ว Tescoก็ยังคงปรับตัวและพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ราคาที่จับต้องได้ และการมุ่งเน้นที่ความพึงพอใจของลูกค้า จึงเป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมถึงสามารถรักษาตำแหน่งในฐานะผู้นำของอุตสาหกรรมได้สำเร็จ

ปัจจัยที่ทำให้Tescoประสบความสำเร็จ

สำหรับร้านค้าปลีก ทำเลที่ตั้งถือเป็นเรื่องสำคัญมาก ร้านค้าTescoจึงอยู่ในที่ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ นอกจากนี้ สินค้าของTescoจะต้องมีความพร้อมในการวางจำหน่ายอยู่เสมอ นั่นทำให้ชั้นวางสินค้าจะถูกเปลี่ยนใหม่ตลอดเวลา อีกทั้งยังมีบัตรสมาชิกอย่าง Clubcard ที่คอยดึงดูดให้ลูกค้ากลับมาซื้ออีกครั้ง ทั้งหมดนี้เป็นกลยุทธ์หลัก ๆ ที่ใช้เพื่อดึงดูดลูกค้าใหม่ ๆ และรักษาลูกค้าเก่า ๆ ให้คงอยู่ตลอดเวลานั่นเอง

ในส่วนของโซเชียลมีเดียและการประชาสัมพันธ์ Tescoมีความกระตือรือร้นอย่างมากในเครือข่ายโซเชียล เช่น Facebook และ YouTube ซึ่งใน Facebook มีผู้กดถูกใจมากกว่า 2 ล้านคน และหากลูกค้ามีข้อสงสัยหรือข้อร้องเรียนเกี่ยวกับบริษัท พวกเขาสามารถโพสต์บน Facebook และTescoจะตอบกลับภายในระยะเวลาอันสั้น เรียกได้ว่าTescoเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่มีการเติบโตอยู่เสมอและพยายามรักษาภาพลักษณ์แบรนด์ได้เป็นอย่างดี

ความยากลำบากของTescoในการขยายธุรกิจ

แม้ว่าจะดำเนินกิจการไปได้ด้วยดีในสหราชอาณาจักร แต่ในต่างประเทศบางที่กลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1960 Tescoได้ขยายธุรกิจด้วยการซื้อกิจการ อย่างสาธารณรัฐเช็กที่เปิดกิจการใน 1996 ซึ่งปัจจุบันมีร้านค้ามากกว่า 300 แห่ง Tescoได้เปิดร้านแห่งแรกในสาธารณรัฐเช็กโดยซื้อกิจการของ Kmart ของบริษัทในสหรัฐฯ ในประเทศและเปลี่ยนเป็นร้านค้าของTesco

หรือในฮังการีที่เปิดตัวในปี 1994 หลังจากซื้อกลุ่มซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดเล็กในท้องถิ่นที่ซื้อขายในชื่อ S-Market ซึ่งตั้งอยู่ในเมือง Szombathely ทางตะวันตกของฮังการี ปัจจุบัน Tesco มีร้านค้ามากกว่า 200 แห่ง

แต่กิจการในประเทศอื่นๆ กลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะTescoต้องเผชิญกับความท้าทายในประเทศนั้นๆ อย่างในฝรั่งเศสที่Tescoเป็นเจ้าของร้านค้าปลีกอาหารฝรั่งเศสชื่อ Catteau ระหว่างปี 1993 ถึง 1997 ซึ่งดำเนินการร้านค้า 92 แห่ง และได้ดำเนินกิจการร้าน Vin Plus โดยขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่แล้วก็ได้ปิดตัวลงในปี 2010 เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป

หรือในญี่ปุ่นที่ได้เริ่มดำเนินการครั้งแรกในปี 2003 ซึ่งTescoได้นําแนวทางที่เน้นไปที่ร้านค้าหัวมุมเล็กๆ ที่ดำเนินการคล้ายกับรูปแบบ Express แทนที่จะเปิดไฮเปอร์มาร์เก็ต แต่ในปี 2011 Tescoได้ประกาศขายร้านค้าญี่ปุ่นของตนให้กับแบรนด์ ÆON หลังจากเปิดเผยว่า กิจการของTescoนั้นมีเพียงครึ่งหนึ่งของร้านค้าในพื้นที่มหานครโตเกียวเท่านั้นที่ทำกำไรได้ ซึ่งส่วนแบ่งการตลาดในประเทศไม่เคยสูงกว่า 1 เปอร์เซ็นต์

ในปี 2002 Tescoได้ดำเนินกิจการในมาเลเซีย ด้วยการเปิดไฮเปอร์มาร์เก็ตแห่งแรก และได้ร่วมมือกับกลุ่มบริษัทท้องถิ่น Sime Darby Berhad ซึ่งถือหุ้น 30% การดำเนินงานของTesco ในมาเลเซียดูดำเนินไปได้ด้วยดี

แต่ในปี 2020 Tescoได้ตกลงที่จะขายธุรกิจมาเลเซียให้กับ Charoen Pokphand Group ในประเทศไทยในราคา 10.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงหนี้สิน ซึ่งปัจจุบันนี้ได้เปลี่ยนชื่อกิจการเป็น Lotus’s (โลตัส)

หรือในโปแลนด์ที่Tescoได้เข้าสู่ตลาดโปแลนด์ในปี 1995 โดยเข้าซื้อกิจการเครือข่ายซูเปอร์มาร์เก็ตในท้องถิ่น ซึ่งในปี 1998 เป็นปีที่การดำเนินกิจการในโปแลนด์ถึงจุดสูงสุด บริษัทดำเนินการจากร้านค้ารูปแบบต่างๆ กว่า 450 แห่งรวมถึงบริการชอปปิงออนไลน์ แต่ในเวลาต่อๆ มาTescoได้ขาดทุนสุทธิหลายปีและแม้จะมีการลดต้นทุนอย่างกว้างขวางและความพยายามในการปรับปรุงรูปแบบธุรกิจแล้ว ผลลัพธ์ที่ได้ก็ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ Tescoเลยได้ขายกิจการทั้งหมดในโปแลนด์ให้กับ Salling Group เครือท้องถิ่นในโปแลนด์

ส่วนในสหรัฐอเมริกา Tescoได้เข้าสู่ตลาดร้านขายของชําในปี 2007 ผ่านการเปิดร้านสะดวกซื้อในเครือใหม่ชื่อ Fresh & Easy บนชายฝั่งตะวันตก (แอริโซนา แคลิฟอร์เนีย และเนวาดา) แต่กิจการต้องเผชิญกับภาวะทางการเงิน ทำให้ต้องปิดตัวลงในปี 2015

หรืออย่างในประเทศไทยที่Tescoได้เข้ามาเปิดกิจการในปี 1998 และดำเนินกิจการผ่านร้านค้า 380 แห่ง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการร่วมทุนกับเจริญโภคภัณฑ์ และตั้งชื่อการดำเนินงานว่า “Tesco Lotus” ซึ่งกิจการนี้ดำเนินไปได้ด้วยดี สามารถให้บริการลูกค้า 20 ล้านคนทุกเดือน และ 97% ของสินค้ามาจากประเทศไทย

และในปี 2013 การดำเนินงานในประเทศไทยสร้างรายได้ 3 พันล้านปอนด์และเป็นหนึ่งในธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดของบริษัทนอกสหราชอาณาจักร แต่ในเวลาต่อมาTescoก็ได้ตกลงขายกิจการในไทยให้กลุ่มเจริญโภคภัณฑ์ ในราคา 10.6 พันล้านดอลลาร์ รวมหนี้สิน ซึ่งได้เปลี่ยนชื่อเป็น Lotus’s อย่างที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน


เรื่อง : ภริดา มุทิตาภรณ์


ที่มา:

Click to access Case-Tesco-PLCformatv.pdf

https://www.reuters.com/article/markets/us/factbox-key-facts-about-tesco-idUSTRE65720Y/

https://www.tescoplc.com/about/our-history/

https://www.investopedia.com/news/how-many-companies-does-tesco-own/

16 Facts About Tesco

https://www.bbc.co.uk/news/business-68776913

https://en.wikipedia.org/wiki/Tesco

https://en.wikipedia.org/wiki/Jack_Cohen_(businessman)

อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ 
Website : Marketeeronline.co / Facebook : www.facebook.com/marketeeronline


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer