MG เปิดตัวเก๋งไฮบริด 5 ประตู สบโอกาสเซกเมนต์เดียวโตสวนตลาดรถยนต์นั่งฮวบตลอดครึ่งแรก 2024 ประเมินเข้ามาทดแทนกลุ่มสันดาปเดิมทั้งหมดหลังจากนี้ ลงทุนไลน์ผลิตในไทยต่อเนื่อง พร้อมร่วมนโยบายส่งเสริมรถยนต์ไฮบริด

คุณซู๋ว์ หยิ่น กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ครึ่งแรก (ม.ค. – มิ.ย.) ปี 2567 ยอดขายตลาดรถยนต์นั่งอยู่ที่ประมาณ 300,000 คัน ลดลง 25% – 30% แล้วแต่เซกเมนต์ กลุ่มมาร์เก็ตแชร์สูงก็จะได้รับผลกระทบมากเป็นเงาตามตัว อย่างรถกระบะ และ B-Segment หรือรถเก๋ง ซึ่งเป็นตลาดหลักของกลุ่มรถยนต์นั่ง

อย่างไรก็ตาม บริษัทเชื่อว่าตลาดรถยนต์นั่งจะกลับมาดีขึ้นในไตรมาส 4/2024 ตามธรรมชาติการใช้จ่ายของผู้บริโภคไทย การอนุมัติสินเชื่อที่ผ่อนคลายความเข้มงวดลง สถานการณ์ NPL ที่เริ่มนิ่งขึ้น

และยังไงบริษัทก็ต้องพัฒนาโปรดักต์เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน จึงเลือกเดินหน้าตามแผนธุรกิจที่วางไว้ และทำให้เป็นแบรนด์สร้างการรับรู้แก่ผู้บริโภค

ตลาดรถเก๋ง ราคาไม่ได้แตกต่างจากเมื่อ 10 ปีที่แล้ว เนื่องการแข่งขันที่สูงในตลาด โดยคุณภาพและเทคโนโลยีก็พัฒนาขึ้นมาแบบก้าวกระโดด มีความคุ้มค่าทางการใช้งาน

ครึ่งแรก ปี 2567 ไฮบริดเป็นเซกเมนต์ในตลาดรถยนต์นั่งที่เติบโตสวนกระแสขาลงของทุกกลุ่ม วันที่ 20 ส.ค. 2567 บริษัทจึงเปิดตัว ‘All New MG3 Hybrid+’ ราคาขาย 559,900 – 599,900 บาท มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 1.5+ มอเตอร์ไฟฟ้า 194 แรงม้า ขุมพลังไฮบริดมากถึง 8 โหมด สามารถขับได้ไกลสูงสุดมากกว่า 800 กิโลเมตร มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 26.2 กิโลเมตรต่อลิตร พร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังที่จุได้ถึง 293 ลิตร และขยายได้สูงสุดถึง 1,037 ลิตร

โดยเทรนด์การใช้รถพลังงานทางเลือกที่มีมากขึ้น ทำให้ผู้บริโภคในกลุ่มสันดาปมองว่าไฮบริดเป็นทางเลือกที่ดีในการปรับตัวรับช่วงเปลี่ยนผ่าน ฐานลูกค้าในตลาดจึงยังเป็นกลุ่มเดิม แต่เป็นไฮบริดเข้ามาทดแทนสันดาป

นโยบายส่งเสริมรถยนต์ไฮบริดจากรัฐ บริษัทมีความยินดีและพร้อมเข้าร่วม เพราะเป็นการสร้างความเท่าเทียมให้กับค่ายยานยนต์ข้ามชาติจากทุกประเทศ หลังที่ผ่านมานโยบายต่าง ๆ เป็นการเอื้อให้บริษัทสัญชาติจีนส่วนใหญ่

ปี 2567 บริษัทมีการลงทุน 750 ล้านบาท เพื่อปรับไลน์ผลิตรองรับการผลิตรุ่น All New MG3 Hybrid+ เชื่อมั่นว่าจะขยายการลงทุนจนถึงกรอบกำหนดได้รับมาตรการสนับสนุนปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตที่จะให้อยู่ในระดับคงที่ในช่วงปี 2571 – 2575 จากเดิมอัตราภาษีจะเพิ่มขึ้น 2% ทุก 2 ปี ซึ่งบริษัทเข้าร่วมจะต้องมีการลงทุนจริง โดยบริษัทผู้ผลิตรถยนต์และ/หรือบริษัทในเครือในประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2567 – 2570 ไม่น้อยกว่า 3,000 ล้านบาท

บริษัทตั้งเป้ายอดขาย All New MG3 Hybrid+ อยู่ที่ 1,000 คันต่อเดือน คิดเป็นสัดส่วน 50% ของยอดขายรถยนต์ต่อเดือนทั้งหมดของบริษัท เริ่มส่งมอบผ่านโชว์รูมเอ็มจีกว่า 150 แห่งทั่วประเทศ ภายในต้นเดือนกันยายน 2567

ทั้งมีแผนเปิดตัวรถยนต์ใหม่อย่างน้อย 2 รุ่นต่อปี โดยโมเดลรถยนต์นั่งสันดาปเดิมจะถูกปรับเป็นไฮบริดทั้งหมดหลังจากนี้


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer