SISB โรงเรียนนานาชาติแห่งเดียวในตลาดหลักทรัพย์ไทยที่กำลังเจอกับความท้าทายทั้งรายได้และการขยายสาขา
ปี 2554 โรงเรียนนานาชาติ SISB โดยบริษัท เอสไอเอสบี จำกัด (มหาชน) ได้ถูกก่อตั้งขึ้นภายใต้ชื่อโรงเรียน “นานาชาติสิงคโปร์กรุงเทพ”
เจ้าของและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร คือเคลวิน โคว ชาวสิงคโปร์ที่มาทำธุรกิจในเมืองไทยและมองเห็นโอกาสทางธุรกิจทางการศึกษาของโรงเรียนอินเตอร์ ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงเวลานั้น
จากสาขาแรกที่มีนักเรียนเพียง 35 คน
23 ปีผ่านไป ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 บริษัทฯ มีจำนวนโรงเรียนนานาชาติรวม 6 แห่ง และมีจำนวนนักเรียนรวมอยู่ที่ 4,197 คน (72.7% คือนักเรียนไทย 27.3% เป็นต่างชาติ)
สาขาทั้งหมดคือที่ประชาอุทิศ สุวรรณภูมิ ธนบุรี เชียงใหม่ นนทบุรี และระยอง
ตั้งแต่ปี 2561 SISB เป็นสถาบันการศึกษาในประเทศไทยแห่งแรกและแห่งเดียวที่เข้าไปอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ และสามารถสร้างรายได้และผลกำไรอย่างต่อเนื่อง
ปี 2563 รายได้ 1,077 ล้านบาท กำไร 160 ล้านบาท
ปี 2564 รายได้ 1,075 ล้านบาท กำไร 209 ล้านบาท
ส่วนปี 2565 รายได้ 1,344 ล้านบาท กำไร 369 ล้านบาท
และปี 2566 รายได้ 1, 940 ล้านบาท กำไร 654 ล้านบาท
ครึ่งปีแรก 2567 รายได้ 1,150 ล้านบาท กำไร 422 ล้านบาท
ในปี 2567 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายจะมีจำนวนนักเรียนรวมแตะระดับ 4,600 คน และเตรียมแผนขยายจำนวนที่นั่งในโรงเรียนนานาชาติสาขาปัจจุบันรวมกว่า 1,500 ที่นั่ง
ปัจจุบันกำลังมีการขยายพื้นที่นั่งเพิ่มเติมในโรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์กรุงเทพเฟสที่ 3 รวมทั้งกำลังขยายอาคารเรียนในสาขาธนบุรี คาดว่าทั้ง 2 แห่งจะเปิดบริการได้ในไตรมาสแรกปี 2569
กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของSISBคือเด็กนักเรียนตั้งแต่ระดับอนุบาล-ระดับมัธยมปลาย ช่วงอายุตั้งแต่ 2 ปี-18 ปี
แน่นอนว่าเป็นกลุ่มที่ผู้ปกครองมีรายได้สูงเพราะค่าเทอมต่อปีของโรงเรียนอยู่ที่ระดับราคาประมาณ 4-8 แสนบาท
Key Success สำคัญของโรงเรียนแห่งนี้
1. สามารถขยายสาขาได้อย่างรวดเร็วไปยังทำเลต่าง ๆ ที่กลุ่มลูกค้าอยู่หนาแน่น รวมทั้งการขยายไปในต่างจังหวัดที่มีกำลังซื้อด้วย เพื่อให้กลุ่มลูกค้าสามารถเข้าถึงโรงเรียนนานาชาติของกลุ่มSISBได้มากขึ้น
2. ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการทำธุรกิจโรงเรียนมากกว่า 20 ปี
3. ถึงแม้ตัวเลขเด็กเกิดใหม่จะลดลงแต่คนรุ่นใหม่ที่ฐานะดีก็นิยมส่งลูกเข้าเรียนโรงเรียนนานาชาติ แทนโรงเรียนเอกชนเพิ่มขึ้น
4. โรงเรียนสามารถขึ้นค่าเทอมเพิ่มขึ้นได้เรื่อย ๆ โดยผู้ปกครองยินดีจ่าย เป็นการรับเงินล่วงหน้าแต่ให้บริการทีหลัง (จ่ายก่อนเข้าเรียน)
แต่ปัญหาความท้าทายของ SISB ที่น่าสนใจ คือการเป็นโรงเรียนนานาชาติในตลาดหลักทรัพย์ฯ นั้นนักลงทุนอาจต้องการโรงเรียนที่สร้างรายได้โตเร็ว ๆ ในขณะที่ผู้ปกครองอาจจะต้องการให้โรงเรียนโตแบบมีคุณภาพ

ดังนั้น ผู้บริหารต้องหาจุดที่เหมาะสม และนักลงทุนต้องเข้าใจว่าในเรื่องการศึกษาคุณภาพของโรงเรียนต้องมาก่อน
เพราะเมื่อโรงเรียนดี ผู้ปกครองมั่นใจ นักเรียนก็สามารถศึกษาไปได้ต่อเนื่องถึง 16 ปี (จากอนุบาลจนจบมัธยมปลาย) โดยไม่เปลี่ยนใจไปโรงเรียนนานาชาติที่อื่นซึ่งตอนนี้เมืองไทยมีให้เลือกมากมาย
(ตัวเลขจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาภาคเอกชนระบุว่าปี 2567 มีถึง 249 แห่ง)
และเมื่อนั้นความยั่งยืนในเรื่องรายได้และกำไรก็จะตามมาเอง
–
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้
Website : Marketeeronline.co /
