แม้ว่าผู้บริโภคชาวไทยจะคุ้นเคยกับสินค้าราคาถูกจากจีนผ่านแพลตฟอร์มอย่าง Shopee, Lazada และ TikTok Shop อยู่ก่อนแล้ว และการทะลักเข้ามาของสินค้าจีนก็เป็นประเด็นที่ไทยพยายามพูดถึงมาโดยตลอด แต่โมเดลการขายตรงถึงผู้บริโภคของ Temu ถือเป็นอีกสัญญาณเตือนหนึ่งที่ไทยต้องหันมาตระหนักเรื่องการนำเข้าสินค้าจากจีนอย่างจริงจัง

เมื่อไม่นานมานี้ เราจะเห็นโฆษณาของแอป Temu ผ่านตากันบ่อยมากในโซเชียลมีเดีย เพราะความพยายามในการจะบุกตลาดไทยของอีคอมเมิร์ซจีนรายนี้

Temu คืออะไร

Temu คือ แพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์ที่มีจุดขายด้วยราคาที่ต่ำ ทำหน้าที่เป็นตลาดกลาง แพลตฟอร์มจะรวมผู้ขายชาวจีนไว้ แล้วส่งสินค้าถึงมือลูกค้าทั่วโลกในรูปแบบตรงจากโรงงาน

มาพร้อมสโลแกนของแอป “ช้อปเหมือนเศรษฐีพันล้าน” หมายความว่า ด้วยราคาที่ต่ำจนเหมือนได้ฟรีนี้  ผู้ใช้สามารถกดช้อปปิ้งได้จำนวนมาก ๆ เหมือนเศรษฐีที่ลืมคิดเรื่องราคาไปเลย

ด้วยสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจากวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ในจีน บริษัทอาศัยจังหวะที่คนรัดเข็มขัดทุ่มเงินมหาศาลทำการตลาดบนโซเชียลมีเดีย เพื่อสร้างการรับรู้ถึงส่วนลดพิเศษที่แทบจะเหมือนแจกฟรี มาดึงดูดลูกค้าให้เข้าไปซื้อของในแพลตฟอร์ม  เพราะรู้ว่าเวลานั้นคนมองหาสินค้าคุ้มค่าคุ้มราคา พอลูกค้าได้มาทดลองใช้และติดใจเรื่องราคาแสนถูก ก็จะแวะเวียนกลับมาเป็นลูกค้าประจำ (แต่ไม่สามารถการันตีได้ว่าราคาแสนถูกนี้จะอยู่ไปอีกนานหรือไม่  หรือเป็นเพียงช่วงเผาเงินดึงคนเข้าแพลตฟอร์มเท่านั้น)

Temu เป็นของใคร

“Colin Huang” วัย 44 ปี ผู้ก่อตั้ง Pinduoduo (PDD Holdings) เป็นตลาดออนไลน์เกมยอดนิยมที่เชื่อมโยงผู้ซื้อและผู้ขายในจีน และเป็นบริษัทที่อยู่เบื้องหลังเว็บไซต์ช้อปปิ้ง Temu เมื่อไม่นานมานี้เขาถูกจัดอันดับให้เป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในจีน ด้วยทรัพย์สินสุทธิ 48,600 ล้านดอลลาร์ แทนที่ “จง ซานซาน” เจ้าพ่อธุรกิจน้ำดื่มของจีน ผู้ก่อตั้งและประธานบริษัทเครื่องดื่ม Nongfu Spring ซึ่งครองตำแหน่งดังกล่าวมาตั้งแต่เมษายน 2021

แต่ครองตำแหน่งบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในจีนได้เพียงไม่นาน PDD Holdings บริษัทแม่ของ Temu ก็สูญเสียมูลค่าตลาด 5 หมื่นล้านดอลลาร์ (PDD Holdings มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 128,790 ล้านดอลลาร์)  Huang จึงเสียตำแหน่งมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในจีนไปในเวลาชั่วสัปดาห์ ทรัพย์สินของ Colin Huang ร่วงลง 14,100 ล้านดอลลาร์ เหลือ 33,500 ล้านดอลลาร์ ตามดัชนี Bloomberg Billionaires เขาร่วงลงมาอยู่ในอันดับ 4 ของจีน และอันดับ 48 ของโลก

Colin Huang ประวัติ

Colin Huang ไม่ได้มีประวัติมาจากตระกูลมหาอำนาจ แต่สร้างฐานะตนเองขึ้นมาเองทั้งหมด บิดาของเขาทำงานในโรงงาน ครอบครัวไม่ได้มีฐานะ แต่ความฉลาดปราดเปรื่องทำให้เขามีวันนี้ได้ ก่อนหน้านี้ Huang เคยเป็นวิศวกรที่ Google และเคยทำงานเพื่อขยายบริการของ Google ในประเทศจีนด้วย เขาจึงเห็นลู่ทางในธุรกิจออนไลน์

ก่อนหน้านี้ Colin Huang ได้เริ่มต้นธุรกิจอื่น ๆ หลายอย่าง ชีวิตในวัยเรียนคือเด็กหัวกะทิคนหนึ่ง Huang สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์จากมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน และฝึกงานที่บริษัทไมโครซอฟท์ในปักกิ่งและซีแอตเทิล ก่อนจะเริ่มต้นอาชีพที่บริษัท Google ในสหรัฐอเมริกาในปี 2004 ซึ่งนับเป็นช่วงเวลาที่บริษัท Google กำลังเริ่มเติบโต

Huang เป็นผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องคนหนึ่ง เขาได้ก่อตั้งแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ Ouku.com ในปี 2007 และบริษัทเกมออนไลน์ในชื่อ Xinyoudi ในปี 2011และแพลตฟอร์ม Pinduoduo

Financial Times เคยตั้งฉายาให้กับ Colin Huang ว่า “ราชาอินเทอร์เน็ตผู้ลึกลับแห่งเซี่ยงไฮ้” แม้ Huang จะก้าวลงจากตำแหน่งประธาน PDD Holdings ในเดือนมีนาคม 2021 แต่ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่  และเมื่อกันยายน 2022 บริษัทได้เปิดตัว Temu เพื่อแข่งขันกับ Shein ที่เป็นของมหาเศรษฐีจีนชาติเดียวกัน

ความสำเร็จของ Temu

Temu เปิดตัวในสหรัฐอเมริกาปี 2022 เพียงแค่ช่วงเวลาสองปีเท่านั้น ก็ได้รับความนิยมประสบความสำเร็จในทันที แม้จะต้องเผชิญกับการตรวจสอบอย่างเข้มงวดจากรัฐบาล เพราะข้อกังวลในการใช้ช่องโหว่ทางการค้านำเข้า และคุณภาพและแหล่งที่มาของผลิตภัณฑ์ก็ตาม

การประสบความสำเร็จในสหรัฐฯ ได้นั้น ส่วนหนึ่งคือความกล้าเล่นใหญ่ ทุ่มเงินซื้อโฆษณา Super Bowl 30 วินาที ซึ่งต้องใช้งบโฆษณามากถึง 21 ล้านดอลลาร์ และ Temu ยังลงโฆษณาเพิ่มอีก 3 ชิ้นหลังจบเกม การตัดสินใจในครั้งนั้นทำให้ชาวอเมริกันจำนวนมากได้รู้จักแบรนด์ Temu เป็นครั้งแรก ความสำเร็จสะท้อนออกมาผ่านตัวเลขผู้ใช้งานทะลุ 104 ล้านคนในสหรัฐอเมริกาภายในเวลาไม่ถึงปี พร้อมทั้งมียอดดาวน์โหลดมากกว่า 130 ล้านครั้ง ขณะที่ Temu.com มียอดผู้เยี่ยมชม 286.6 ล้านครั้งต่อเดือน

ซึ่งคู่แข่งยักษ์ใหญ่ที่มาก่อนอย่าง Shein ยังมีผู้ใช้งานเพียง 13.7 ล้านคน ในสหรัฐอเมริกา (74.7 ล้านคนทั่วโลก น้อยกว่าฐานผู้ใช้ของ Temu ในสหรัฐอเมริกา)

ด้วยตัวเลขเหล่านี้ Temu ขึ้นเป็นแอปช้อปปิ้งอันดับ 1 ในสหรัฐอเมริกาทั้งใน Google Play Store และ Apple App Store ทันที ยอดดาวน์โหลด 42% มาจากสหรัฐฯ ส่วนประเทศที่ได้รับความนิยมรองลงมา คือ สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี และสเปน

แพลตฟอร์มพยายามจะสร้างความแตกต่างให้ตนเองด้วยการอัดโปรโมชันลดราคา สิทธิพิเศษ เช่น การขอเคลมสินค้า รับประกันการจัดส่งเร็ว คำอธิบายสินค้าหรือพัสดุไม่ตรงปก หรือหากมีการบริการลูกค้าที่แย่ ซึ่งหากเกิดความผิดพลาดแพลตฟอร์มจะไปเก็บค่าปรับกับผู้ขาย และค่าปรับอาจสูงถึง 5 เท่าของราคาสินค้านั้น

สร้างความไม่พอใจแก่ซัปพลายเออร์

ชื่อเสียงของบริษัท Temu ไม่ค่อยไปในทางที่ดีนัก ทั้งข้อกล่าวหาเรื่องการชำระเงินค่าผลิตภัณฑ์ของแพลตฟอร์ม และการบังคับให้พนักงานทำงานล่วงเวลา ทั้งนี้ยังไม่มีหลักฐานยืนยันออกมาอย่างชัดเจน

ไทยเตรียมรับมืออย่างไร

Temu ทำแอปพลิเคชันรองรับภาษาไทย แล้วนำเสนอผลิตภัณฑ์จีนโดยตรงให้กับผู้ซื้อชาวไทย โดยไม่ผ่านคนกลาง คือสต๊อกสินค้าไว้ยังโรงงานตามที่ต่าง ๆ ในไทย แล้วจัดส่งสินค้าไปถึงมือผู้ซื้อเลย ทั้งยังทำธุรกรรมด้วยสกุลเงินบาทไทย ล่อตาล่อใจด้วยการจัดส่งฟรี และการรับประกันคืนเงิน

ความน่ากังวล คือ ส่วนลดใน Temu ที่สูงถึง 90% จะทำให้เกิดสงครามราคาที่ดุเดือด ธุรกิจขนาดเล็กของคนไทยจะตกอยู่ในสภาวะถูกบีบคั้น เพราะไม่ว่าอย่างไรก็ลดราคาสู้กับผู้ขายบนแพลตฟอร์มไม่ได้ รัฐบาลควรเข้มงวดในเรื่องกำแพงภาษีสินค้าจากจีนมากขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้สินค้าจีนที่ไม่ได้มาตรฐานทะลักเข้ามาในประเทศไทย และส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่เศรษฐกิจในภาพใหญ่

ซึ่งประเทศอื่น ๆ เริ่มกันไปอย่างจริงจังแล้ว เช่น สหภาพยุโรปที่เริ่มดำเนินการจัดเก็บภาษีนำเข้ากับพัสดุจากผู้ค้าปลีกออนไลน์จากจีนอย่างจริงจัง เช่น Shein, AliExpress และ Temu จากที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้เสียภาษี เพื่อปกป้องธุรกิจในประเทศ จากการขายตัดราคาของผู้ค้าปลีกเหล่านี้ ซึ่งทำให้แพลตฟอร์มราคาถูกอาจต้องพิจารณากลยุทธ์การขายใหม่

ปัจจุบัน Temu มีให้บริการใน 78 ประเทศ มีโมเดลการฝากขายแบบเต็มรูปแบบดังเช่น AliExpress, Lazada, Shopee, Amazon

ทั้งนี้ แพลตฟอร์ม TEMU ในประเทศไทย กำลังอยู่ในขั้นตอนประสานงานกับฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อปฏิบัติตามข้อเรียกร้องของฝ่ายไทย ในการจัดตั้งบริษัทและลงทะเบียนอย่างเป็นทางการ


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer