Thyssenkrupp Steel ทำความรู้จักยักษ์เหล็กแกร่งสองร้อยปี ถึงคราวกร่อนต้องปลดเกือบครึ่งบริษัท
Trend / 2024 กลายเป็นปีแห่งฝันร้ายทางเศรษฐกิจของเยอรมนี โดยช่วงกันยายนยักษ์ยานยนต์ Volkswagen ประกาศปลดพนักงานหลักแสน จากหลายปัญหาที่ประดังเข้ามา และพอใกล้สิ้นปี ยักษ์ในอีกธุรกิจก็ประกาศข่าวร้ายแบบเดียวกัน
Thyssenkrupp Steel ปีกธุรกิจเหล็กในเครือ Thyssenkrupp Group ประกาศว่า ในอีก 6 ปีจากนี้พนักงานราว 11,000 คน จะทยอยถูกปลดออกไป โดยนี่ถือเป็นข่าวใหญ่ในเยอรมนี เพราะเป็นการปลดพนักงานครั้งใหญ่เกือบครึ่งบริษัท
ขณะที่ตัวบริษัท Thyssenkrupp Steel ก็มีความน่าสนใจ โดยนอกจากมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจประเทศแล้ว ยังผ่านร้อนผ่านหนาวมานานถึง 213 ปี

ประวัติความเป็นมาของ Thyssenkrupp Steel เริ่มจากกิจการเหล็กตระกูล Krupp ที่ Friedrich Krupp รับช่วงต่อจากพ่อกับยาย โดยเขามุ่งทำธุรกิจนี้อย่างจริงจังและครบวงจร ซึ่งจากนั้นเขาก็ทำได้ตามเป้า และเหล็กจากโรงงานตระกูล Krupp ก็ถูกนำไปใช้ในการพัฒนาโครงสร้างต่าง ๆ ของประเทศ
การจับธุรกิจเหล็กยิ่งเพิ่มความมั่งคั่งให้ตระกูล Krupp ผ่านสายสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับรัฐบาลไม่ว่าพรรคไหนจะได้ปกครองประเทศ และแนวคิดการเมืองใดจะได้เป็นใหญ่ แต่ก็ไม่มีใครคาดคิดว่า ต่อมาเรื่องนี้จะกลายเป็นปัญหาถึงขั้นทำให้ผู้บริหารต้องหมดอิสรภาพนานหลายปี และกลายเป็นตราบาปขององค์กร
ตลอดช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งพรรคนาซีขึ้นมาปกครองเยอรมนี เหล็กจากโรงงานของตระกูล Krupp ถูกนำไปใช้เป็นยุทธปัจจัยต่าง ๆ จึงต้องมีการหล่อและถลุงเหล็กมหาศาลโดยใช้กำลังคนมากมาย ซึ่งในจำนวนนี้ก็มีแรงงานทาสจากทั้งเชลยศึกและชาวยิวรวมอยู่ด้วย
เมื่อเยอรมนีแพ้สงคราม ฝ่ายสัมพันธมิตรจึงมีการนำตัวบรรดาผู้ที่เกี่ยวข้องกับพรรคนาซีขึ้นศาลซึ่งในจำนวนนี้มี Alfried Krupp ผู้บริหารของบริษัทเหล็ก Krupp ตลอดช่วงสงครามโลกรวมอยู่ด้วย โดยเขาถูกตัดสินจำคุกหลายปีในข้อหาร่วมมือกับนาซีและใช้แรงงานทาส
หลังพ้นมรสุมช่วงนั้นมาได้บริษัทเหล็ก Krupp ก็กลับมาเติบโตอีกครั้ง และยังถือเป็นฟันเฟืองสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเยอรมนี ด้วยการป้อนเหล็กให้กับการฟื้นฟู-ก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานและอุตสาหกรรมสำคัญของประเทศ เช่น ยานยนต์ที่ Volkswagen เป็นเบอร์ใหญ่
ข้ามมาปี 1999 บริษัทเหล็ก Krupp ก็ใหญ่ขึ้นไปอีก หลังควบรวมกับ Thyssen บริษัทเหล็กร่วมชาติของตระกูล Thyssen เกิดเป็นThyssenkrupp Steelขึ้น และอีกหลายปีจากนั้นธุรกิจก็ขยับขยายต่อเนื่องไปสู่กิจการอื่น ๆ ที่ต้องใช้เหล็กเป็นส่วนประกอบสำคัญ

ไล่ตั้งแต่บันไดเลื่อน ลิฟต์ ไปจนถึงเรือดำน้ำ ซึ่ง ณ จุดสูงสุด เมื่อปี 2015 Thyssenkrupp ถือเป็นบริษัทระดับต้น ๆ ของทั้งเยอรมนีและยุโรป โดยมีบริษัทในเครือกว่า 600 แห่ง และปีกธุรกิจเหล็กใหญ่ติด 1 ใน 10 ของโลก
ขณะที่ลิฟต์และบันไดเลื่อนภายใต้แบรนด์ Thyssenkrupp ก็กระจายไปตามอาคารสถานที่ทั่วโลก โดยเฉพาะตามห้างสรรพสินค้าและสนามบินใหญ่ๆ

มาปี 2024 Thyssenkrupp Group เผชิญวิกฤตอีกครั้ง โดยไตรมาสแรกปี 2024 ยอดขายลดลง และลดลงต่อเนื่องมาตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายปี 2023 และปีกที่ขาดทุนหนักที่สุดคือธุรกิจเหล็กภายใต้การบริหารของ Thyssenkrupp Steel
ข้ามสู่ไตรมาส 3 ปี2024 สถานการณ์ของThyssenkrupp Steelก็ยังยิ่งเลวร้ายลง ท่ามกลางการคาดการณ์ว่าเมื่อถึงสิ้นปีตัวเลขขาดทุนจะอยู่ที่ 1,600 ล้านดอลลาร์ (ราว 55,400 ล้านบาท) จนทำให้ Bernhard Osburg พร้อมด้วยบอร์ดบริหารอีก 5 คนต้องลาออกไปเพื่อแสดงความรับผิดชอบที่ไม่สามารถกู้วิกฤตได้ และนำมาสู่การประกาศปลดพนักงาน 11,000 คน ซึ่งคิดเป็น 40% ของพนักงานทั้งหมด

วิกฤตใหญ่ครั้งล่าสุดของThyssenkrupp Steelเกิดจากหลายสาเหตุประกอบกัน เริ่มจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นจากสถานการณ์พลังงานที่สืบเนื่องมาจากสงครามในยุโรปอีกต่อหนึ่ง ตามด้วยการหดตัวของตลาดรถอีวีจึงทำให้ปริมาณเหล็กที่จะส่งให้โรงงานของค่ายรถลดลงตามไปด้วย
ประกอบกับเจอเหล็กราคาถูกจากเอเชีย โดยเฉพาะจากจีนที่ทะลักเข้ามา และจุดอ่อนต่าง ๆ อีกมากมาย เช่น การขาดแคลนองค์ความรู้ เทคโนโลยีที่เริ่มล้าหลัง และการขาดแคลนอุปกรณ์ นอกจากนี้ ยังได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์อีก อันเป็นปัญหาที่ทุกบริษัทในเยอรมนีกำลังเผชิญ

สถานการณ์ของThyssenkrupp Steelยังเป็นการชี้ให้เห็นว่า เศรษฐกิจของเยอรมนีกำลังทรุดหนักหลังขาลงของบริษัทใหญ่ ที่เริ่มจาก Volkswagen ขาดทุนต้องลดกำลังการผลิต จึงต้องลดการสั่งเหล็กจากThyssenkrupp Steelตามไปด้วย โดยมีความเป็นไปได้สูงว่าจากนี้ จะมีอีกหลายบริษัทขาดทุน ต้องหาทางลดรายจ่าย จนที่สุดต้องปลดพนักงานกลุ่มใหญ่
เรื่องของ Thyssenkrupp Steel ยังมีอีกประเด็นให้ติดตามต่อ เพราะมีรายงานว่าThyssenkrupp Steelอาจถูกแยกเป็นเอกเทศหรือขายออกไปจาก Thyssenkrupp Group เพื่อตัดปีกธุรกิจที่วิกฤตหนัก
หากเป็นเช่นนั้นThyssenkrupp Steelอาจตกไปเป็นของบริษัท EPCG บริษัทพลังงานสัญชาติเชคของ Daniel Kretinsky มหาเศรษฐีอันดับต้น ๆ ของเชคที่มีเส้นสายในรัฐบาลเชค ซึ่งปัจจุบันถือหุ้นใน Thyssenkrupp Group อยู่ 20% / cnn, dw, wikipedia, euronews
–
Website : Marketeeronline.co / Facebook : www.facebook.com/marketeeronline
