Trend / ขาขึ้น-ขาลงของบริษัท ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ไล่ตั้งแต่แผนการตลาด ตัวผลิตภัณฑ์หรือบริการ ต่อเนื่องไปจนถึงสภาพเศรษฐกิจ สถานการณ์โลกและเทรนด์ต่าง ๆ โดยบริษัทที่ขึ้นมาได้แล้วก็ควรต่อยอดเพื่อให้รักษาขาขึ้นเอาไว้ให้นาน ๆ

เหมือนหนึ่งในบริษัทสัญชาติอังกฤษที่กล่าวถึงต่อไปนี้ ซึ่งหลังสถานการณ์โลกเข้าทางช่วงล็อกดาวน์ก็เดินหน้าสานต่อ จนปีนี้ผงาดขึ้นมาติด 1 ใน 100 บริษัทมูลค่าสูงสุดในหุ้นอังกฤษ

ความน่าสนใจของบริษัทนี้ยังไม่หมดแค่นั้น เพราะนี่คือบริษัทที่ต่อยอดมาจากงานอดิเรกของเพื่อนสนิทวัยเด็ก และเริ่มต้นจากร้านเล็ก ๆ จนยากจะเชื่อว่าปัจจุบันพัฒนาเป็นบริษัทมูลค่าหลายพันล้านปอนด์

บริษัทที่ว่าคือ Games Workshop เครือร้านบอร์ดเกมและสินค้าที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ สัญชาติอังกฤษ ที่เริ่มจาก จอห์น พีก, สตีฟ แจ็คสัน และเอียน ลีฟวิ่งสโตน กลุ่มเพื่อนที่เคยเรียนโรงเรียนเดียวกัน ซึ่งจับมือกันทำธุรกิจ

หลังทั้งสามปรึกษากันแล้วก็มาลงตัวที่ บอร์ดเกม เกมจำลองวางแผนการรบ อิงจากเรื่องจินตนาการและตำนานต่าง ๆ ที่เพิ่มอรรถรสด้วยการวางหุ่นตัวเล็ก ๆ ลงไปด้วย แต่ทุนยังมีไม่มากช่วงเริ่มต้นในปี 1975 จึงต้องขายผ่านการสั่งซื้อทางไปรษณีย์ไปก่อน

ไม่นานจากนั้นร้านที่ซื้อขายบอร์ดเกมทางไปรษณีย์ของเพื่อนทั้ง 3 ในชื่อ Games Workshop ก็ทำเงินได้มากขึ้น หลังเกม Dungeons & Dragons ที่นำเข้าจากสหรัฐฯ ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า จนนำมาสู่การเปิดร้านสาขาแรกที่ย่านแฮมเมอร์สมิทในกรุงลอนดอน ในปี 1978

ถัดจากนั้น อังกฤษเข้าสู่การเผชิญความวุ่นวายและปัญหาทางเศรษฐกิจ และสังคม ไล่ตั้งแต่เงินเฟ้อ การประท้วงของสหภาพแรงงาน ไปจนถึงการก่อการร้าย บีบให้นายกรัฐมนตรีหญิง มาร์กาเร็ต แทตเชอร์ ต้องใช้มาตรการแข็งกร้าวเข้าจัดการ โดยผลที่ตามมาคือประชาชนจำนวนไม่น้อยเลือกอยู่ในบ้านเพื่อลดค่าใช้จ่ายและหนีความวุ่นวาย

สถานการณ์ดังกล่าวทำให้คนหันไปเล่นบอร์ดเกมและเกมจำลองวางแผนการรบกันมากขึ้น ช่วยให้ยอดขายของ Games Workshop ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จนนำมาสู่การคิดค้นเกมของบริษัทอย่าง War Hammer ขึ้นมาเอง เพื่อลดการนำเข้าและมีสินค้าภายใต้แบรนด์ตัวอย่างจริงจัง  

ปรากฏว่า War Hammer ขายดีและเป็นพระเอกช่วงขาขึ้นในยุค 80 ทำให้ Games Workshop ขยายสาขาได้ต่อเนื่อง และมีทุนไปร่วมก่อตั้งบริษัทผลิตฟิกเกอร์กับสีทาฟิกเกอร์สำหรับประกอบการเล่นบอร์ดเกม และซื้อบริษัทนี้มาเป็นของตัวเองในที่สุด

ปี 1994 Games Workshop มาถึงอีกหมุดหมายสำคัญทางธุรกิจด้วยการทำไอพีโอในตลาดหุ้นอังกฤษ แต่น่าเสียดายว่ากลุ่มผู้ก่อตั้งทั้ง 3 ได้วางมือขายหุ้นให้กลุ่มทุนอีซีไอของอังกฤษไปแล้ว

จากนั้นแม้ Games Workshop ก็มีขึ้นมีลงไม่ต่างจากบริษัทอื่น ๆ แต่ก็ยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจและเพิ่มช่องทางทำเงินใหม่ ๆ เช่น ขายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ในบอร์ดเกมเพื่อให้พัฒนาเป็นหนัง ซีรีส์ อนิเมชั่น รวมไปถึงเกมออนไลน์ต่าง ๆ ขณะเดียวกันก็ไม่ทิ้งบอร์ดเกมสายลึกและฟิกเกอร์ที่เป็นธุรกิจหลัก

ขาขึ้นของ Games Workshop มาถึงอีกครั้ง ช่วงปี 2017 หลัง Stranger Things ซีรีส์แนวลึกลับย้อนยุคที่กลุ่มตัวละครหลักในเรื่องเล่นบอร์ดเกม Dungeons & Dragons ทำให้คนรุ่นใหม่อยากลองเล่นจนพากันไปซื้อเกมนี้และบอร์ดเกมอื่น ๆ

ขาขึ้นของ Games Workshop มาถึงอีกครั้งช่วงโลกติดล็อกดาวน์จากสถานการณ์โควิด โดยปี 2020 ที่ยังล็อกดาวน์กันอยู่ Games Workshop ทำยอดขายได้หลายร้อยล้านปอนด์ เพิ่มจากปีก่อนหน้าถึง 70% ท่ามกลางขาขึ้นของบริษัทในกลุ่มเดียวกันที่ผลิตของในกิจกรรมทำเพื่อฆ่าเวลา เช่น บอร์ดเกม ตัวต่อ Lego และงานประดิษฐ์-งานฝีมือต่าง ๆ

ปี 2022 ที่สถานการณ์โควิดซาลงไปแล้ว แต่คนที่ได้เล่น War Hammer บอร์ดเกมอื่น ๆ รวมไปถึงที่หลงเสน่ห์การระบายสีและปรับแต่งฟิกเกอร์ ก็ยังเพิ่มขึ้นจนส่งผลดีต่อยอดขายของ Games Workshop และบริษัทก็ให้รางวัลพนักงานด้วยการแจกโบนัสเฉลี่ยถึงคนละ 5,000 ปอนด์ (ราว 217,000 บาท)

ขาขึ้นดังกล่าวทำให้ Games Workshop ทำกำไรได้มากขึ้น จนแซงหน้า Google อีกด้วย

ปี 2023 Games Workshop มีข่าวดีอีก หลังขายลิขสิทธิ์ War Hammer บอร์ดเกมดังสุดของบริษัทให้ Amazon Prime Video ในเครือยักษ์อี-คอมเมิร์ช Amazon นำไปสร้างหนังและซีรีส์

โดยมี เฮนรี่ คาวิลล์ นักแสดงดังชาวอังกฤษที่วางมือจากบทซูเปอร์แมนแล้วมารับบทนำ ท่ามกลางการรายงานว่า Games Workshop มีรายได้จากลิขสิทธิ์คอนเทนต์ในปีนั้นเพิ่มอีก 30 ล้านปอนด์ (ราว 1,300 ล้านบาท)

ปี 2024 ธุรกิจของ Games Workshop ยังโตไม่หยุด โดยมีรายงานว่า ยอดขายเพิ่มต่อเนื่อง ส่งราคาหุ้นตั้งแต่เปิดปีมาเพิ่ม 43% ดันมูลค่าบริษัทเพิ่มเป็น 4,600 ล้านปอนด์ (ราว 200,000 ล้านบาท) เพิ่ม 4 เท่าจากปี 2019 ท่ามกลางการคาดการณ์ว่า ไม่เกินสิ้นปีสถานะของบริษัทในตลาดหุ้นอังกฤษน่าจะสูงขึ้นไปอีก

จากพัฒนาการทั้งหมดนำมาสู่การคาดการณ์ต่อเนื่องว่า Games Workshop จะเป็น 1 ใน 3 บริษัทใหม่ที่ได้เลื่อนขึ้นเป็นหุ้นของบริษัทมูลค่าสูงสุด 100 ในตลาดหุ้นอังกฤษ หรือ FTSE 100

เรื่องราวของ Games Workshop ยังมีอีก 3 ประเด็นน่าสนใจ ประเด็นแรกคือแม้เริ่มต้นและพัฒนามาจากงานอดิเรก ซึ่งคนส่วนใหญ่มองว่าไร้สาระ แต่หากทำอย่างจริงจัง และเดินหน้าต่อยอดจากเทรนด์หรือปัจจัยบวก ที่สุดก็จะประสบความสำเร็จจนถึงขั้นขึ้นเป็นบริษัทชั้นนำของประเทศ

ส่วนประเด็นที่ 2 คือ เป็นความสำเร็จของกลุ่มผู้หลงใหลในสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างมาก โดยไม่สนว่าใครจะว่าเชย หรือ Geek    

ส่วนประเด็นสุดท้ายคือ สื่อว่าปัจจุบันตลาดของเล่นผู้ใหญ่ (Kiddult) และผู้ที่จริงจังกับงานอดิเรก (Hobbyist) ถือเป็นตลาดใหญ่มีมูลค่ามหาศาล โดยหลักฐานคือ การที่ปัจจุบัน Games Workshop มีสาขาทั่วโลกถึงกว่า 500 แห่ง และขึ้นมาเป็น 1 ใน 100 บริษัทกลุ่ม FTSE 100 นั่นเอง/theguardian, bbc, theconversation, gamesworkshop

 


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer