ตลาดกาแฟพร้อมดื่มในไทย ปี 2024 มูลค่า 26,095 ล้านบาท วัยทำงานและคนรุ่นใหม่ขับเคลื่อนเติบโตยาวยันปี 2034 กลุ่มพรีเมียมแข่งสนุก ศักยภาพของตลาดยังไม่ได้รับการตอบสนองอย่างเต็มที่ แบรนด์เดินหน้ามุ่งสร้างความแตกต่างด้วยแพ็กเกจจิ้ง
คุณสุภนัฐ รัตนทิพ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เต็ดตรา แพ้ค (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า จากข้อมูลของ Tetra Pak Compass ‘ตลาดกาแฟพร้อมดื่ม (Ready-to-drink หรือ RTD)’ ปี 2023 ปริมาณการบริโภคทั่วโลกอยู่ที่ 7,600 ล้านลิตร เติบโต 3.3% ซึ่งแบ่งเป็นภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกสัดส่วน 75% โดยมีอาทิ ญี่ปุ่น เกาหลี สหรัฐอเมริกา และทั่วทั้งยุโรป เป็นตลาดใหญ่
ประเทศไทย ปริมาณการบริโภคเครื่องดื่ม (ไม่รวมน้ำเปล่า) ปี 2023 อยู่ที่ 15,864 ล้านลิตร แบ่งเป็นสัดส่วนกาแฟ 11% หรือ 1,570 ล้านลิตร แตกย่อยเป็นกาแฟร้อน 1,367 ล้านลิตร และกาแฟพร้อมดื่ม 203 ล้านลิตร โดยคาดการณ์อัตราเติบโตปี 2023-2026 เฉลี่ยอยู่ที่ 3.5%
ขณะที่มูลค่าตลาดกาแฟพร้อมดื่มในไทย ปี 2024 อยู่ที่ 26,095 ล้านบาท คาดการณ์อัตราเติบโตปี 2024-2034 เฉลี่ยอยู่ที่ 9% และคนไทยมีการบริโภคกาแฟเฉลี่ยปีละ 300 แก้ว ปัจจัยสนับสนุนการเติบโตมาจากผู้บริโภคกลุ่มวัยทำงานและเจเนอเรชัน Z (12-26 ปี) มีความต้องการเครื่องดื่มกาแฟที่ให้ความสะดวกและมีคุณภาพสูงเพิ่มมากขึ้น ตลอดจนช่องทางการขายกลุ่มร้านสะดวกซื้อที่ขยายตัวสูง
ข้อมูลจากงานวิจัย Thailand Demand Space Research ยังชี้ให้เห็นว่ากลุ่มผู้บริโภคไทยกว่าครึ่งยังไม่เคยทดลองเครื่องดื่มที่เป็นกาแฟพร้อมดื่มในรูปแบบอื่น ๆ การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคและศักยภาพของตลาดที่ยังไม่ได้รับการตอบสนองอย่างเต็มที่นี้ นับเป็นโอกาสสำคัญในการทำตลาด สำหรับทั้งผู้ประกอบการที่ต้องการขยายธุรกิจและผู้เล่นรายใหม่ที่มองหาช่องทางเข้าสู่ตลาดกาแฟพร้อมดื่ม
ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ในตลาดกาแฟพร้อมดื่ม ยังสามารถแบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก ตลาดแมส ราคาขายเฉลี่ย 10 บาทต่อชิ้น ไซซ์จำหน่ายเฉลี่ย 180-200 มิลลิลิตร ตลาดพรีเมียม ราคาขายเฉลี่ย 30 บาทต่อชิ้น ไซซ์จำหน่ายเฉลี่ย 200-1,000 มิลลิลิตร
ซึ่งตลาดพรีเมียม เป็นกลุ่มที่มีความหลากหลายของผลิตภัณฑ์และแบรนด์มุ่งสร้างความแตกต่างด้วยแพ็กเกจจิ้ง ไม่ว่าจะเป็น กระป๋อง, ขวดพลาสติก, กล่องกระดาษ ซึ่งอย่างหลังกำลังได้รับความสนใจ เนื่องจากตอบโจทย์ในเรื่องความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม
โดย เต็ดตรา แพ้ค บริษัทผู้นำด้านโซลูชันบรรจุภัณฑ์และกระบวนการผลิตอาหารระดับโลก ได้วางตำแหน่งในการเข้าไปร่วมมือกับลูกค้าเพื่อค้นหาช่องทางในการสร้างความแตกต่างและเพิ่มมูลค่าในผลิตภัณฑ์ ใช้ประโยชน์จากเทรนด์ผู้บริโภคและไม่พลาดโอกาสใหม่ ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในตลาดกาแฟพร้อมดื่ม
คุณสุภนัฐ รัตนทิพ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เต็ดตรา แพ้ค (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันกล่องบรรจุภัณฑ์ เต็ดตรา พริสมา อะเซ็ปติก ของเต็ดตรา แพ้คมีให้เลือกหลากหลายขนาด (200 มล., 250 มล., 300 มล., 330 มล.) เพื่อให้เหมาะกับกลุ่มตลาดเป้าหมายและโอกาสในการบริโภคที่แตกต่างกัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับผลิตภัณฑ์กาแฟพร้อมดื่มระดับพรีเมียมและมีมูลค่าเพิ่ม บรรจุภัณฑ์ที่สร้างสรรค์เหล่านี้ผสมผสานเทคโนโลยีระดับโลกในการผลิตและบรรจุแบบปลอดเชื้อเข้ากับรูปทรงปริซึมของกล่องที่เป็นเอกลักษณ์และการออกแบบที่คำนึงถึงความสะดวกสบายในการบริโภค
อีกทั้งบทบาทของบริษัทได้ขยายไปไกลเกินกว่าแค่ผู้ให้บริการโซลูชันบรรจุภัณฑ์ บริษัทได้กลายเป็นพันธมิตรที่ได้รับความไว้วางใจผ่านความสำเร็จที่พิสูจน์ให้เห็นแล้วในธุรกิจกาแฟพร้อมดื่มทั่วโลก
อย่างวันที่ 3 ธ.ค. 2024 บริษัทได้จัดงานอีเวนต์และสัมมนาออนไลน์เรื่อง ‘มิติใหม่ของการดื่มกาแฟ: ปลดล็อกโอกาสการเติบโตตลาดกาแฟพร้อมดื่มกับเต็ดตรา แพ้ค’ ให้แก่ผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่ม (F&B) ในประเทศไทย พร้อมเผยให้เห็นถึงโอกาสสำคัญในตลาดกาแฟพร้อมดื่ม
โดยในงานอีเวนต์ยังมีกิจกรรมการเสวนาแบบใกล้ชิดและการทดลองชิมกาแฟพร้อมดื่มที่น่าสนใจจากหลายประเทศ โดยผู้เข้าร่วมงานได้สัมผัสประสบการณ์ผลิตภัณฑ์กาแฟพร้อมดื่มที่มีเอกลักษณ์ซึ่งบรรจุอยู่ในกล่องเต็ดตรา แพ้คที่ไม่เหมือนใคร เน้นย้ำถึงโซลูชันบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืนของบริษัทที่สอดคล้องกับการตระหนักถึงสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มมากขึ้นในหมู่ผู้บริโภค แต่ในขณะเดียวกันยังต้องรักษามาตรฐานสูงสุดในด้านการปกป้องคุณภาพของอาหารและความสะดวกสบายในการใช้งานควบคู่กันไป
–


