Life / ในทุกประเทศย่อมต้องมีธุรกิจใหญ่ ๆ ที่สำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และธุรกิจใหญ่ ๆ เหล่านั้นก็บริหารและควบคุมดูแลโดยตระกูลดังตระกูลใหญ่ ทำให้ตระกูลเหล่านี้เป็นที่รู้จักและคนส่วนใหญ่ของแต่ละประเทศให้ความสนใจ
ความเป็นตระกูลใหญ่มีคนมากมายอาจทำให้สมาชิกบางคนขัดแย้งกันถึงขั้นแตกคอและบานปลายกลายเป็นโศกนาฏกรรม ซึ่งเมื่อถูกนำมาเล่าใหม่ผ่านนิยาย หนัง และซีรีส์ จึงเข้มข้นสะเทือนอารมณ์

The Grand Family ถือเป็นคอนเทนต์ญี่ปุ่นที่เข้าข่ายนี้ โดยเวอร์ชั่นซีรีส์ปี 2007 เล่าถึงครอบครัวมันเปียว หนึ่งในตระกูลใหญ่ของญี่ปุ่นช่วงยุค 60 ที่ความมั่งคั่งมาจากธุรกิจธนาคารและอุตสาหกรรมเหล็ก
ซึ่งดูแลโดย ไดสุเกะ มันเปียว ผู้เป็นพ่อ และ เทปเป ผู้เป็นลูกคนโต ที่รับบทโดย คินยะ คิตาโอนิ นักแสดงชายรุ่นใหญ่และ ทาคูยะ คิมูระ นักแสดงหนุ่มขวัญใจคนยุค 90 ตามลำดับ
หากเสาหลักคู่นี้ส่งเสริมกันและกันทั้งสองธุรกิจย่อมเจริญก้าวหน้า แต่มันกลับตรงกันข้าม เพราะ ไดสุเกะ มันเปียว หาทางขัดแข้งขัดขาไปจนกระทั่งวางกับดักสกัดลูกชายคนโตตลอด ทำให้การพาโรงงานเหล็กในความดูแลของคู่ปรับร่วมชายคาไปสู่ความสำเร็จเป็นงานยากเย็นแสนเข็ญ
ระหว่างทางที่ The Grand Family เวอร์ชั่นนี้ดำเนินไป ผู้ชมจะได้รับรู้เกร็ดประวัติศาสตร์การฟื้นฟูเศรษฐกิจญี่ปุ่นในยุค 60 เช่น ความสำคัญของอุตสาหกรรมเหล็ก กับ การควบรวมกิจการธนาคาร
และขาดไม่ได้เลยคือดราม่าไม่รู้จบของครอบครัวมันเปียว ต่อเนื่องไปถึงความลับดำมืดต่าง ๆ ซึ่งที่สุดจบลงด้วยเหตุการณ์สุดช็อก ตรงตามนิยายต้นฉบับ ซึ่งว่ากันว่า นำมาจากความขัดแย้งของตระกูลผู้ก่อตั้งธนาคารโกเบ ซึ่งปัจจุบันคือ ซูมิโตโม่ หนึ่งในธนาคารใหญ่ของญี่ปุ่น
จึงไม่แปลกที่ The Grand Family เวอร์ชั่นนี้ที่เป็นซีรีส์เวอร์ชั่นที่ 2 ถัดจากเวอร์ชั่นแรกเมื่อปี 1974 จะเป็นซีรีส์เรตติ้งสูงสุดของญี่ปุ่นในปี 2007 และมีการทำเวอร์ชั่นที่ 3 ตามออกมาอีกในปี 2021
อีกประเด็นน่าสนใจของ The Grand Family เวอร์ชั่นปี 2007 คือข้อคิด 4 ข้อที่แทรกอยู่
เป็นเบอร์ใหญ่ต้องคิดใหญ่: ข้อคิดแรกคือการตั้งเป้าหมายไว้สูงเพื่อความสำเร็จครั้งใหญ่ และยังเป็นการคิดเพื่อส่วนรวมอีกด้วย โดยฉากที่สะท้อนข้อคิดนี้คือ เทปเป มันเปียว ย้ำหลายครั้งว่าต้องสร้างเตาหลอมใหม่ให้เสร็จให้ได้ เพื่อให้ญี่ปุ่นมีเหล็กคุณภาพดีขึ้นมาใช้ผลิตรถยนต์ และส่งออกไปสหรัฐฯ
เทปเป มันเปียว ทำทุกทางเพื่อผลักดันโครงการนี้ เพราะเขารู้ว่า หากสำเร็จ นอกจากบริษัทเหล็กของเขาจะก้าวหน้าและชื่อเสียงดีขึ้นแล้ว เศรษฐกิจญี่ปุ่นจะเติบโตผ่านอุตสาหกรรมหนักและกลับสู่เวทีโลกได้อย่างเต็มภาคภูมิเสียที
อยากคว้าใจใครต้องให้เสียใจก่อน: ข้อคิดต่อมาจากซีรีส์ญี่ปุ่นเรื่องนี้ ซึ่งในไทยดูได้ทาง Netflix คือการซื้อใจพนักงานในบริษัทของ เทปเป มันเปียว ซึ่งมีให้เห็นอยู่ตลอดในฉากที่เขาเข้าบริษัท
ไล่ตั้งแต่การอยู่ที่โรงงานเหล็กจนดึกดื่นเมื่อมีงานสำคัญ และการกินมื้อกลางวันในโรงอาหารร่วมกับพนักงาน ตรงข้ามกับผู้บริหารระดับสูงส่วนใหญ่ซึ่งมักไปกินมื้อหรู ๆ ตามภัตตาคาร จนถึงอีกฉากสำคัญที่เขาซื้อใจพนักงานระดับล่างได้ ๆ
หลังเชื่อใจแล้ว พนักงานทุกคนในบริษัทเหล็กของ เทปเป มันเปียว ไม่ใช่แค่ทุ่มเททำงานแบบสุดตัว แต่ยังถึงขั้นไปช่วยกู้วิกฤตใหญ่จนเสียชีวิตอีกด้วย
ไม่ใช้ต้นทุนชีวิตเป็นข้ออ้าง: ตลอดที่ซีรีส์แชมป์เรตติ้งของญี่ปุ่นปี 2007 ดำเนินไป ผู้ชมจะได้เห็นว่า เทปเป มันเปียว ทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยไม่ต่างจากมนุษย์เงินเดือนร่วมรุ่นร่วมชาติ ทั้งที่ด้วยความมั่งคั่งของตระกูล เขาสามารถจ้างผู้บริหารมือดีมาบริหารแทน หรือปล่อยให้น้องชายมาบริหารก็ได้
นี่นำมาสู่ข้อคิดที่ 3 นั่นคือ ไม่ใช้ต้นทุนชีวิตเหนือกว่าผู้อื่นเป็นข้ออ้างไม่ทำงาน ซึ่งก็ใกล้เคียงกับบรรดาทายาทตระกูลใหญ่ในหลายประเทศที่ยังคงทำงานเพื่อบริหารบริษัท และพัฒนากิจการของครอบครัว
อย่าปล่อยให้ระยะห่างสร้างปัญหา: ข้อคิดสุดท้ายซึ่งยังเป็นอุทาหรณ์จากซีรีส์ The Grand Family ด้วย คืออย่าปล่อยให้ระยะห่างสร้างปัญหา ซึ่งสะท้อนออกมาผ่านความขัดแย้งระหว่าง เทปเป มันเปียว กับพ่อ จากการที่ฝ่ายแรกคิดว่าฝ่ายหลังไม่รักจนถึงขั้นชิงชัง ขัดขวางทุกทาง
และฝ่ายหลังก็แสดงออกให้เห็นชัดเจนว่า เกลียดอีกฝ่ายแบบเข้าไส้และพร้อมทำทุกอย่างเพื่อเอาชนะ
เมื่อเรื่องดำเนินไป ความขัดแย้งดังกล่าวซึ่งมีที่มาจากความลับดำมืดเรื่องใครคือพ่อแท้จริงของ เทปเป มันเปียว ก็ทำให้เขาและพ่อห่างกันออกไปเรื่อย ๆ จนรอยร้าวในครอบครัวยากที่จะประสาน
ท้ายเรื่อง เทปเป มันเปียว ปลีกตัวออกจากสมาชิกในครอบครัว และตัดสินใจทำเรื่องสุดช็อก แต่เรื่องอาจจบอย่างมีความสุข
หรืออย่างน้อยก็ตัดไฟไม่ให้ต้องจบแบบสะเทือนไปทั้งครอบครัว ตรงตามชื่อไทยที่ว่า เลือดล้างตระกูล ถ้าเทปเป มันเปียว กับพ่อหันหน้ามาคุยกันเพื่อปรับความเข้าใจ ต่างคนต่างไปใช้ชีวิตของตัวเอง และปล่อยอดีตให้เป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว
–
