ไจแอ้น ลูกชิ้นระเบิด จากตลาดนัดตำบลท่าอิฐ สู่ One Bangkok

ลูกชิ้นทอดไจแอ้น กำลังบุกเมืองด้วยรูปแบบที่หลากหลาย รถเข็น, มอเตอร์ไซค์พ่วงข้าง, ซุ้ม, เคาน์เตอร์ ฯลฯ  ตามตลาดนัด, หน้าโรงเรียน, หน้ามหาวิทยาลัย, แหล่งชุมชน, ปั๊มน้ำมัน, ห้างสรรพสินค้า และแม้กระทั่งอภิมหาโครงการขนาดใหญ่ใจกลางกรุงอย่าง One Bangkok  

จุดเริ่มต้นของแบรนด์ไจแอ้นเกิดขึ้นเมื่อ 16 ปีก่อน จากความรู้สึกอิ่มตัวในการทำงานของอนพ วัฒนกูล พนักงานประจำฝ่ายการตลาดบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าระดับโกบอลแบรนด์ ที่ลาออกมาทำธุรกิจของตนเอง

การตัดสินใจทิ้งเงินเดือนเลข 6 หลัก มาเป็นพ่อค้าขายลูกชิ้นทอดในตลาดนัดในตำบลท่าอิฐ อำเภอปากเกร็ด นนทบุรี เลยเกิดขึ้น 

 วันนี้ ไจแอ้นมีแฟรนไชส์มากกว่า 2,500  สาขา และกำลังมี “เคทีซี พี่เบิ้ม” มาร่วมกันสร้างโอกาส สร้างงาน สร้างอาชีพ ให้กับคนตัวเล็กที่ “ใจสู้” ไม่ท้อถอย

ตามไปอ่าน  Success Story ของไจแอ้น ลูกชิ้นระเบิด จากตลาดนัดตำบลท่าอิฐ สู่ One Bangkok 

อนพ วัฒนกูล ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการบริษัทอร่อยระเบิดจำกัด เจ้าของลูกชิ้นทอด ไจแอ้น ลูกชิ้นระเบิด พร้อมด้วยลูกชาย สารัช วัฒนกูล ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาด  และ เรือนแก้ว เกษมสวัสดิ์ศรี สายงานสินเชื่อรถยนต์ “เคทีซี” ได้ร่วมกันให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางการร่วมมือเพื่อการเติบโตในการขยายสาขาแฟรนไชส์ของลูกชิ้นไจแอ้น ที่สำนักงานใหญ่ ในซอยท่าอิฐ จังหวัดนนทบุรี

16 ปีบนเส้นทางของ ไจแอ้น ลูกชิ้นระเบิด เริ่มขึ้นจากวิธีคิดของผู้ชายคนนี้   

การตลาดต้องอยู่ในตลาด

เมื่อมีความคิดจะทำธุรกิจของตนเอง อนพได้ใช้โอกาสในช่วงปีสุดท้ายที่ทำงานให้กับบริษัท (ในตอนนั้นเขามีหน้าที่ดูแลฝ่ายขายทั่วประเทศไทย) เดินตลาดในทุกจังหวัดที่ได้มีโอกาสไปทำงาน ไม่ว่าจะเป็นตลาดเล็ก ตลาดใหญ่ ถนนคนเดิน โรงเรียน มหาวิทยาลัย และห้างสรรพสินค้า เพื่อมองหาลู่ทางของสินค้าที่จะลงทุน   

 โดยมีความเชื่อและประสบการณ์เรื่องการตลาดที่ว่า “การตลาดต้องอยู่ในตลาด” ไม่ใช่ที่โต๊ะทำงาน  และเขาก็ได้พบว่า

สินค้าหลายตัวเช่นกล้วยทอด ขนมไข่นกกระทา ข้าวโพด ปลาหมึกราว ลูกชิ้นปิ้ง และลูกชิ้นทอด ล้วนมีศักยภาพในตัว เพราะจะมีอยู่ในทุก ๆ ตลาดที่ไป และยังเป็นสินค้าที่อยู่ในตลาดมาเป็นระยะเวลายาวนาน จึงไม่ใช่เป็นสินค้าแฟชั่นที่มาแล้วไปจากตลาดอย่างรวดเร็วแน่นอน

 สินค้าเหล่านี้จะมีชาวบ้านเป็นคนขาย  ไม่มีการสร้างแบรนด์ ไม่มีการพัฒนาจุดขายให้ดูโดดเด่นน่ารับประทาน ไม่มีการทำการตลาดใด ๆ จึงมองว่าสินค้าเหล่านี้มีโอกาสโต หากได้ลงไปพัฒนารูปแบบใหม่ ๆ และทำหน้าร้านให้น่าสนใจสวยงามขึ้น  

เขาเริ่มศึกษาขนมไข่นกกระทาก่อนเป็นตัวแรก โดยใช้เวลาวันเสาร์และอาทิตย์ไปเรียนทำขนมไข่นกกระทาที่มติชนสร้างอาชีพ และได้ฝึก ได้เรียนรู้ ได้ทดลองทำอยู่พักใหญ่ แต่ก็ยังไม่ตอบโจทย์ จึงเปลี่ยนมาเริ่มศึกษากล้วยทอดแทน โดยตระเวนชิมไปในหลายแห่ง ๆ ทั่วประเทศ

แต่ในที่สุดก็ไปลงตัวที่ลูกชิ้นทอดเจ้าหนึ่ง ซึ่งขายดีมาก ๆ คิวยาวทุกวัน แต่จะเริ่มทำอย่างไรต่อไปดี เพราะการเริ่มต้นถือเป็นสิ่งที่ยากที่สุดในการทำธุรกิจ

ตัดสินใจทิ้งเงินเดือนเป็นแสนไปเป็นพ่อค้าขายลูกชิ้นทอด

ช่วงแรก ๆ เขายังไม่ลาออกจากงาน แต่ใช้เวลาช่วงเย็นกับวันเสาร์-อาทิตย์ ไปทอดลูกชิ้นขายในตลาด พร้อม ๆ กับศึกษากระบวนการจัดการต่าง ๆ เช่น การขาย การทอด การจัดส่ง การจัดเก็บ และอื่น ๆ และเริ่มคิดว่าทำอย่างไรถึงจะมีหลาย ๆ สาขาเพื่อรายได้ที่มากขึ้น

อนพเลยเริ่มเขียนแผนการตลาด และกำหนดสเปกของลูกชิ้นที่อยากได้ ไปเสนอกับโรงงานลูกชิ้นที่มหาชัยมากกว่า 10 โรงงาน แต่กลับไม่มีโรงงานไหนสนใจ เพราะเมื่อมีเพียงสาขาเดียว ยอดขายนิดเดียว ไม่สามารถไปสั่งให้โรงงานผลิตตามที่เขาต้องการได้ หลายโรงงานไม่สนใจแม้แต่จะพูดคุย บางโรงงานตะเพิดเขาออกมา จนเกือบจะถอดใจ

เพราะสเปกที่เขาต้องการคือลูกชิ้นที่ทอดออกมาแล้วกรอบนอก นุ่มใน อ้วนใหญ่ มีสีเหลืองทอง ไม่เหนียว ไม่เหี่ยว และไม่คาว

จนกระทั่งเจอโรงงานสุดท้ายที่สนใจและรับผลิตให้ ทำให้เขาตัดสินใจลาออกจากงานประจำทันที ยอมทิ้งเงินเดือนตัวเลข 6 หลักมาขายลูกชิ้นทอดปลาระเบิด ที่มั่นใจในศักยภาพมาก

ปัจจุบันโรงงานดังกล่าวคือพันธมิตรสำคัญของบริษัทที่อนพผลักดันให้มีมาตรฐานต่าง ๆ ตั้งแต่ อย. GMP HACCP และฮาลาล และจำนวนกว่า 70% ของกำลังการผลิตทั้งหมดผลิตส่งให้กับไจแอ้น  

หมดปัญหาเรื่องวัตถุดิบทำให้อนพสามารถลุยงานการตลาดได้อย่างเต็มที่

แม้ต้นทุนทางการเงินมีเพียงเงินก้อนหนึ่งที่ได้จากการเออร์ลี่รีไทร์เท่านั้น แต่ต้นทุนทางความรู้เรื่องการทำตลาด และประสบการณ์ในเรื่องระบบการจัดการต่าง ๆ ที่เขาสะสมจากบริษัทใหญ่มานาน  รวมทั้งการให้ความสำคัญในการเลือกวัตถุดิบ และสเปกต่าง ๆ ของลูกชิ้นไจแอ้นที่โรงงานทำให้เฉพาะ คือ Key Success สำคัญในช่วงแรก 

 กลยุทธ์การตลาดที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ

“ผมใช้เงินก้อนที่ได้มาจากการเออร์ลี่มาซื้อรถเข็น 20 คัน แจกแฟรนไชส์ฟรี เพื่อให้ไจแอ้นขยายสาขาอย่างรวดเร็ว และช่วยกันทำตลาดสร้างชื่อแบรนด์ให้เร็วขึ้น และสร้างความมั่นใจให้กับโรงงานผลิตลูกชิ้นว่าไม่ได้ทำส่งเราเพียงเจ้าเดียวเท่านั้น”

ปรากฏว่าภายในปีเดียวสามารถทำได้ถึง 100 สาขา ปัจจุบันมีประมาณ 2,500 สาขา (80% คือสาขาที่บริษัททำเอง)   

จากสินค้าที่ขายกันในตลาดนัด วันนี้กว่า 150 สาขาอยู่ในห้างสรรพสินค้าชื่อดัง รวมทั้งการซื้อแฟรนไชส์ไปขายที่ One Bangkok อภิมหาโครงการชื่อดังแห่งยุคด้วย

รุ่นแรกเปิดทางไว้ ปัง แล้ว รุ่น 2 จะมีแนวทางต่อยอดไปต่ออย่างไร

ได้เวลารุ่น 2 สารัช วัฒนกูล

สารัช วัย 29 ปี เป็นลูกชายของอนพที่คุ้นเคยกับการทอดลูกชิ้นขายในตลาดท่าอิฐมาตั้งแต่เรียนชั้นประถม แต่หลังจากจบคณะวิศวกรรมโยธา จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เข้าไปทำงานที่บริษัท ยูนิโคล่ ประเทศไทย ประมาณ 3 ปี ก่อนกลับมาช่วยคุณพ่อทำงานอย่างจริงจังเมื่อปี 2563 โดยโฟกัสในเรื่องการทำตลาดผ่านช่องทางใหม่ ๆ ทางออนไลน์ในทุกแพลตฟอร์ม 

การเพิ่มเติมรูปแบบและราคาของแฟรนไชส์ให้มีหลากหลายขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับกำลังเงินที่ลูกค้ามี และตามความเหมาะสมของโลเคชั่นที่จะขาย

รวมทั้งการมองหาตลาดใหม่ ๆ เช่น งานคอนเสิร์ตใหญ่นอกสถานที่ งานเลี้ยงบริษัท และงานอีเวนต์ต่าง ๆ

ส่วนราคาค่าแฟรนไชส์อยู่ที่ราคาตั้งแต่ 3 พันกว่าบาท ไปจนถึงหลักแสนบาท มีให้เลือกกว่า 10 รูปแบบ เช่น ชุดทดลองขาย ชุดรถเข็น ชุดมอเตอร์ไซค์พ่วงข้าง แบบซุ้มพรีเมียม ซุ้มพิเศษ เคาน์เตอร์มืออาชีพ เคาน์เตอร์อลังการ เคาน์เตอร์ตลาดนัดพกพา ฯลฯ  

 โดยทุกรูปแบบมีอุปกรณ์การขายให้ครบครัน มีทีมไปช่วยติดตั้ง และฝึกสอนในเรื่องการทอด และการจัดการระบบร้านต่าง ๆ

ขนาดที่ขายดีคือแบบซุ้มราคาแฟรนไชส์ประมาณ 5 หมื่นกว่าบาท มีทั้งหมดประมาณ 40% ของจำนวนสาขาทั้งหมด เป็นรูปแบบที่เหมาะกับทำเลในสถานีบริการน้ำมัน หน้าห้างสรรพสินค้า หรือหน้าร้านสะดวกซื้อ

“ผมเชื่อว่าด้วยรูปแบบที่เรามีถ้าใครสนใจเข้ามา สามารถเลือกรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งที่ตัวเองสามารถทำได้อย่างแน่นอน”

รายได้หลัก ๆ ของบริษัทจะมาจากการขายวัตถุดิบ เช่น ลูกชิ้น น้ำจิ้ม ถ้วยกระดาษ ต่าง ๆ ส่วนราคาค่าแฟรนไชส์นั้นสารัชบอกว่ากำไรจะน้อยมาก เพราะค่าอุปกรณ์ต่าง ๆ รวมทั้งค่าติดตั้งก็แทบจะหมดแล้ว แต่เมื่อขยายสาขาได้เยอะยอดสั่งซื้อวัตถุดิบอื่น ๆ ก็จะตามมาเอง

 Key Success ในยุคนี้ถูกต่อยอดมาจากแบรนดิ้งของลูกชิ้นไจแอ้นที่แข็งแรงขึ้น การมีระบบสนับสนุนแฟรนไชซีอย่างครบวงจร ตั้งแต่การจัดเตรียมสถานที่ อุปกรณ์ การอบรมก่อนเปิด การแนะนำทางด้านการตลาด การให้ความสำคัญในการวางระบบตรวจสอบแฟรนไชส์ รวมทั้งมีทีมพัฒนาร้านค้าที่ต้องลงตรวจหน้าร้านอย่างต่อเนื่อง ไปจนถึงการรับซื้อน้ำมันเก่า   

เป้าหมายในอนาคต สารัชต้องการขยายแฟรนไชส์ไปทุกจังหวัด ทุกอำเภอ และทุกตำบลอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเป้าหมายที่จะมีสาขาลูกชิ้นไจแอ้นทอดในทุก ๆ ตลาดนัดของประเทศ   

โดยตั้งเป้าไว้ว่า 3 ปีต่อจากนี้ไปจะต้องมีแฟรนไชส์รวมแล้วประมาณ 5,000 สาขา

“เคทีซี พี่เบิ้ม” มาร่วมสร้างโอกาส

อุปสรรคอย่างหนึ่งในการขยายสาขาคือการที่ยังมีลูกค้าคนตัวเล็กอีกจำนวนมากที่ต้องการเริ่มต้นธุรกิจของตัวเอง แต่ไม่มีเงินทุน การที่ เคทีซี “พี่เบิ้ม” หรือบริษัท บัตรกรุงไทย มาให้ความร่วมมือกับไจแอ้น ช่วยเหลือลูกค้าใหม่ ผ่านสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ ด้วยวงเงินสูงถึง 1 ล้านบาท โดยไม่มีเงินค้ำประกัน และอนุมัติไวใน 1 ชั่วโมง จึงเป็นทางออกหนึ่งที่จะทำให้บริษัทเติบโตได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งสร้างให้คนไทยสามารถมีรายได้ มีอาชีพที่มั่นคงด้วย

การเข้ามาสนับสนุนลูกค้าในธุรกิจแฟรนไชส์ของ เคทีซี พี่เบิ้มเองก็เป็นการลดความเสี่ยงในการทำธุรกิจด้วยเช่นกัน เพราะด้วยระบบของแฟรนไชส์ได้สร้างความแข็งแกร่งให้กับลูกค้าในระดับหนึ่งแล้วเช่นกัน

ความท้าทายสำคัญสำหรับสารัช ในการสานต่อธุรกิจแฟรนไชส์ของครอบครัวอยู่ตรงที่ต้องหาทุกกลยุทธ์ เพื่อให้ลูกค้าแฟรนไชซีสามารถทำยอดขายได้ดี และขยายสาขาเพิ่มไปเรื่อย ๆ

“ยอมรับว่าปัจจุบันการแข่งขันเพิ่มขึ้น ไม่ใช่ว่าแค่ตลาดลูกชิ้นอย่างเดียวแต่สินค้าทดแทนอื่น ๆ ก็มีมากขึ้นด้วย การออกโปรดักต์ใหม่ การมีซีซั่นไอเทม เพื่อสร้างความแตกต่างที่น่าสนใจเป็นเรื่องที่ต้องคิดตลอดเวลา”

 เขาบอกว่าภายใน Q3 ปีนี้บริษัทจะมีการออกโปรดักต์ใหม่ เป็นโปรเจกต์ใหญ่ที่คาดว่าจะช่วยเพิ่มยอดขายให้แฟรนไชส์อีกทางด้วย

เป็นแบรนด์ใหม่ที่เขาบอกว่าอาจจะไม่ใช่ลูกชิ้นก็ได้ แต่จะเป็นอาหารจานหลักที่น่าสนใจ

กระแสรักสุขภาพจะเป็นปัญหากับการขายของทอดในอนาคตหรือเปล่า

คำถามนี้ อนพ ผู้เป็นพ่อตอบด้วยเสียงหัวเราะว่า ถ้าไก่ทอดแบรนด์ดัง ๆ ยังอยู่ได้ และยังแข่งกันเดือด ไจแอ้น ลูกชิ้นทอด ก็อยู่ได้แน่นอน

“คิดแล้วต้องลงมือทำ และพยายามทำต่อให้สำเร็จ คนที่ตัดสินใจทำจริงจะเหลือน้อยลง และคนที่มุ่งมั่นทำต่อจนสำเร็จจะยังเหลือไม่กี่คนเท่านั้น

เป็นแนวคิดที่อนพทิ้งไว้ให้กับลูกชาย และสารัชมั่นใจว่าเขาคือหนึ่งในคนไม่กี่คนที่จะต้องทำต่อไปจนสำเร็จ

อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ 
Website : Marketeeronline.co / Facebook : www.facebook.com/marketeeronline


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer