รวยไม่หยุด กรุ๊ป คือใคร ทำไมเปิดร้านอะไรก็กลายเป็นกระแส เริ่มมา 8 ปี รายได้ 800 ล้าน

ลองลิสต์ชื่อร้านอาหารในสยามที่คุณชื่นชอบมาสองสามชื่อ ไม่แน่ว่าร้านที่คุณกล่าวมาจะต้องอยู่ในเครือรวยไม่หยุดกรุ๊ป ของสองนักธุรกิจไอดอลคนรุ่นใหม่ “เกศ-ชุติมา เปรื่องเมธางกูร” และ “แนท-นันทนัช เอื้อศิริทรัพย์”

ในอดีตถนนสยามสแควร์ซอย 3 ไม่ได้โดดเด่นเทียบเท่าเส้นใจกลางอื่น แต่ภายหลังการมาของ Nice Two Meat U ที่ปลุกระแสปิ้งย่างสไตล์เกาหลีให้ถูกปากคนไทย เมื่อความนิยมร้านปลุกคนให้คึกคักได้ ร้านอาหารอีกมากมายก็เปิดตามในซอยนี้ จนไม่มีคูหาว่าง กลายเป็นซอยแหล่งรวมร้านอาหารดังของคนเดินสยามไปเป็นที่เรียบร้อย

ร้านดังไม่ว่าจะเป็น ร้านเกศเตี๋ยว, Mil Toast, Dosan Dalmatians, Fire Tiger ที่ตั้งตระหง่านกลางสยามซอย 3 ก็ล้วนอยู่ภายใต้เครือรวยไม่หยุดกรุ๊ปทั้งสิ้น

อ่านแล้วคงต้องทึ่งที่ร้านดังขวัญใจคนเดินสยามหลายชื่อมาจากไอเดียของเพื่อนสนิท 2 คนที่ช่วยกันคิด ช่วยกันสร้างมาด้วยตัวเอง

อะไรคือ ‘กุญแจความสำเร็จ’ ที่ไม่ว่าจะเปิดแบรนด์อะไร ทั้งสองคนก็ปั้นจนปัง ติดลมบนหมด

พาร์ตเนอร์ที่เป็นดั่งส่วนผสมอันลงตัว

แนท-นันทนัช เอื้อศิริทรัพย์ (ซ้าย) เกศ-ชุติมา เปรื่องเมธางกูร (ขวา)

คุณเกศ-ชุติมา เปรื่องเมธางกูร ประธานบริหาร บริษัท รวยไม่หยุด จำกัด เล่าอย่างออกรสออกชาติถึงจุดเริ่มต้นในการก่อตั้งธุรกิจว่า เธอมีพี่น้อง 4 คน แต่ในบรรดาพี่น้องเธอเป็นคนไม่ชอบเรียนหนังสือที่สุด แต่เป็นคนอยากรู้อยากลอง เลยหาอะไรทำอยู่ตลอด ตอนเรียนต่อที่บอสตันคุณเกศก็ไปซื้อเครื่องทำไอติมมาจะปั่นขาย เพราะมองเห็นเทรนด์ Yole ก่อนจะได้รับความนิยมในไทยเป็นสิบ ๆ ปีเสียอีก ในหัวมีไอเดียธุรกิจที่อยากทำมากมาย

ก่อนจะกลับไทยเธอก็ไปทำงานโรงแรมอยู่สองปี หลังกลับมาต้องไปช่วยที่บ้านทำธุรกิจสวนยางพารากับขายบุหรี่ แต่ก็รู้สึกไม่ใช่ตัวเอง จึงออกไปสมัครงานข้างนอก ซึ่งก็ไปทำอยู่บริษัท Consult ได้สองปีก็ลาออก ด้วยความเป็นคนไฮเปอร์จึงไม่สามารถจะทำงานประจำได้

ตอนนั้นได้นำเงินเก็บก้อนหนึ่งจากการทำงานไปเปิดร้านกาแฟที่สาทร แต่เปิดไปได้สักพักก็มีทีท่าว่าจะเจ๊งอยู่รอมร่อ เพราะลูกค้าหลักที่เป็นพนักงานบริษัทใหญ่ย้ายออฟฟิศกะทันหัน ทำให้ลูกค้าหายไปกว่าครึ่ง แต่ดันโชคดีมีชาวฝรั่งเศสมาขอซื้อร้านกาแฟเธอต่อในราคาที่สูงมาก เลยได้เงินมาก้อนหนึ่ง เอามาตั้งต้นที่สยาม

เริ่มด้วยการเปิดร้านทำเล็บโดยหุ้นกับแก๊งเพื่อน แต่พอร้านไปได้ไม่ดีก็ซื้อหุ้นคืนกลับมาจากเพื่อน จากร้านทำเล็บ ก็เปลี่ยนไปทำยิมมวย ร้านตัดสูท กระโดดไปทำช่องทีวี คนละหมวดหมู่ไป คืออยากทำอะไรก็ทำ แต่ไม่ได้ใช้เงินลงทุนแบบล้างผลาญ โดยพื้นฐานคุณเกศบอกว่าเธอเป็นคนหาเงินเก่ง หมุนเงินจับแพะชนแกะ เลยลงทุนไปได้เรื่อย ๆ

จนกระทั่งได้เจอกับ “คุณแนท” ที่คอร์สเรียนและกลายมาเป็นพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจ ซึ่งคุณแนทจบด้านสถาปัตย์มาช่วยดูเรื่องการออกแบบดีไซน์ได้

“ก่อนหน้าที่จะมาทำธุรกิจอาหาร เราทำธุรกิจไป 8 อย่าง เจ๊งไป 6 อยู่รอดแค่ 2 แต่คือคนเราคงไม่สามารถทำอะไรให้ประสบความสำเร็จได้ทุกอย่าง แต่สิ่งหนึ่งที่เราจะได้รับคือประสบการณ์ เราจะได้เรียนรู้จากมันว่าอะไรคือสิ่งที่ควรทำ แล้วเราจะไม่ผิดซ้ำ”

จุดเริ่มต้น ‘ก้าว’ ที่ ‘เก้า’

เมื่อเริ่มต้นธุรกิจที่ 9 เข้าสู่ธุรกิจร้านอาหาร เพราะคุณเกศเองเรียนจบด้านอาหารมาโดยตรง ประกอบกับชื่นชอบอาหารเกาหลีเป็นทุนเดิม จึงซื้อแฟรนไชส์ Nice Two Meat U จากเกาหลีมาเปิดในไทย แล้วปรับรสชาติให้ถึงพริกถึงขิงจัดจ้านถูกปากคนไทย

ขณะนั้นที่เริ่มทำ Nice Two Meat U ร้านอาหารเกาหลียังมีการแข่งขันไม่สูง รวยไม่หยุดเป็นเจ้าแรก ๆ ของร้านอาหารเกาหลีที่ขยายสาขาเข้าห้างสรรพสินค้าได้

หลังจากปั้น Nice Two Meat U ติดตลาดจนขยายสาขาออกไปได้นับสิบแห่ง ก็ไปลุยทำแบรนด์ใหม่อีก ชื่อ “Seoulcial Club” ขายเครื่องดื่มและขนมหวาน แต่เมนูชานมเสือพ่นไฟในร้าน วันดีคืนดีก็กลายเป็นกระแสนิยม จึงได้เปลี่ยนชื่อเป็นแบรนด์ “Fire Tiger” เป็นร้าน Kios ขายเฉพาะเมนูนี้ ช่วงแรกลูกค้าแห่ต่อคิวล้นหลาม

ไม่รอช้า บริษัทก็กระโดดไปเปิด “Mil Toast House” ขายขนมปังโทสต์ที่ซื้อแฟรนไชส์มาจากเกาหลี จากนั้นก็ตามมาด้วยร้านแฟรนไชส์เกาหลีอย่าง “Dosan Dalmatians” และ “Happy Pig” ตามลำดับ

ไอเดียธุรกิจไหลมาต่อเนื่องทั้งที่ซื้อแฟรนไชส์มาจากเกาหลี และสร้างแบรนด์ขึ้นมาเอง เพื่อสร้างตัวเองเป็นอาณาจักรเกาหลี “คิดถึงอาหารเกาหลีคิดถึงเรา”

จนปัจจุบันมีแบรนด์ในพอร์ตโฟลิโอแล้วกว่า 10 แบรนด์ ได้แก่

  • Fire Tiger 10 สาขา
  • Happy pig 3 สาขา
  • Dosan Dalmatians 1 สาขา
  • Sundububu 1 สาขา
  • E-bomb 1 สาขา
  • Juicy bunny 6 สาขา กำลังจะรีแบรนด์
  • Nice Two Meat U 14 สาขา
  • Mil Toast 8 สาขา
  • เกศเตี๋ยว 1 สาขา
  • หมูกระทะคนรวย

รวยไม่หยุด กรุ๊ป ยังแบ่งเป็น 3 บริษัทชื่อมงคลแยกย่อยลงไป ได้แก่

1. บริษัท รวยไม่หยุด จำกัด กลุ่มธุรกิจปิ้งย่าง

2. บริษัท รวยปังปัง จำกัด กลุ่มธุรกิจร้านของหวาน

3. บริษัท รวยสบายสบาย จำกัด กลุ่มเครื่องดื่มและอาหาร

คุณแนท-นันทนัช เอื้อศิริทรัพย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท รวยไม่หยุด จำกัด กล่าวว่า หลักการง่าย ๆ คือ ธุรกิจไหนที่เราถนัด ร้านอาหารบางร้านที่เรารู้โนว์ฮาว รู้ระบบการจัดการอยู่แล้ว บริษัทก็จะเลือกสร้างแบรนด์เอง แต่ถ้าร้านไหนไม่ถนัดจะอาศัยซื้อแฟรนไชส์ เพื่อซื้อโนว์ฮาว และวิธีบริหารจัดการร้านจากผู้เชี่ยวชาญดีกว่า

ตัวอย่างแบรนด์ที่ซื้อแฟรนไชส์มา เช่น Dosan Dalmatians, Nice Two Meat U, Mil Toast

แบรนด์ที่ทำเอง เช่น Fire Tiger, เกศเตี๋ยว

เปลี่ยนมุมโฟกัส ปรับแบรนด์แมส

จากที่เครือมุ่งเน้นจับกลุ่มลูกค้า Medium to high แต่เมื่อคนเจอพิษเศรษฐกิจเล่นงานตั้งแต่โควิดเป็นต้นมา ทำให้เม็ดเงินในกระเป๋าผู้บริโภคลดลง ค่าครองชีพสูง คนรัดเข็มขัด ใช้จ่ายน้อยลง ผู้บริโภคไม่ว่าจะกลุ่มไหน ต่างก็กลับมาให้ความสำคัญกับความคุ้มค่า ธุรกิจจึงต้องปรับตัวตาม

“เราเตรียมการมา 2 ปีแล้ว เพราะเริ่มเล็งเห็นมาสักระยะแล้วว่าเศรษฐกิจไม่ดี สาขารอบนอกของเราสเปนดิ้งต่อบิลต่อหัวนับแต่ปีที่ผ่านมาเริ่มลดลง คนหันมาเน้นความคุ้มค่า เราจึงต้องเปลี่ยนไปจับกลุ่มแมสเป็นครั้งแรก ด้วยการเปิด ‘เกศเตี๋ยว’ ขายเมนูก๋วยเตี๋ยวเรือ ราคาจับต้องได้ จับกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ นักเรียนนักศึกษา”

เกศเตี๋ยว เป็นแบรนด์แรกที่จะปูทางเครือรวยไม่หยุดสู่การจับตลาดแมส ด้วยราคาและประเภทอาหารที่คนรับประทานได้ทุกวัน หลังจากเปิดมาได้ห้าเดือนผลตอบรับกลับเป็นว่าลูกค้าที่เข้ามา มีตั้งแต่ระดับแมส กลาง ไปจนถึงระดับบน และเพียงไม่นานก็มียอดขายเกิน 30 ล้านบาทไปเป็นที่เรียบร้อย

“เรามองว่าเศรษฐกิจในตอนนี้ ถ้าเปิดร้านอาหารที่จับ Tier บน มันไม่สามารถขยายสาขาได้เยอะ เปิดได้แค่บางโลเคชั่น เพราะหลังโควิดพฤติกรรมลูกค้าเปลี่ยนไปมาก นิยมของใหม่ ทุกอย่างมาเร็วไปไว เหมือนกระแสแฟชั่น ซึ่งจากนี้ไม่ว่าเราจะเปิดร้านอะไร จะดูว่าเวิร์กไม่เวิร์ก มันควรจะ Break event ในสามเดือนแรก ถึงจะอยู่ต่อไปได้”

อย่างไรก็ดี จากเดิมที่แบรนด์ค่อนข้างพรีเมียม ลูกค้าก็คาดหวังจะได้รับการบริการที่ดี ทำให้ร้านต้องใช้พนักงานจำนวนมาก ซึ่งทำให้ต้นทุนสูง แต่ราคาอาหารก็มาทดแทนได้ พอเปิดเกศเตี๋ยวบริษัทจึงลองลดจำนวนพนักงานลง แต่เทรนพนักงานให้ดูแลอย่างทั่วถึงให้ได้ พยายามนำระบบต่าง ๆ มาช่วยสั่งอาหารผ่านคิวอาร์โค้ด เพื่อลดภาระ

จากที่อยากเป็น ‘ทัพร้านอาหารเกาหลี’ ในดวงใจ

ขอผันตัวเป็น ‘อาณาจักรร้านอาหารเอเชียน’

ขนทัพแบรนด์ใหม่เพิ่มอีก 8 แบรนด์ ทั้งอาหารไทยอาหารญี่ปุ่น โดยทุ่มงบลงทุน 200 ล้านบาท

1. เกศเตี๋ยวป๊อก ๆ & ต้มยำ จะขายก๋วยเตี๋ยวอีกประเภทที่ไม่ใช่ก๋วยเตี๋ยวเรือ เป็นบะหมี่เมนูในวันวานที่หารับประทานได้ยากแล้วในสมัยนี้

2. ข้าวแกง & ปลาทู ขายข้าวราดแกง ราคาเริ่มต้น 29 บาท จับกลุ่มแมส คนรุ่นใหม่ ทุกเพศทุกวัย นักเรียนนักศึกษา

3. Standard Bun แบรนด์เบเกอรี่ขนมหวาน ซื้อแฟรนไชส์มาจากเกาหลี

4. Daerim Noodles ร้านก๋วยเตี๋ยวสไตล์แดนกิมจิซื้อแฟรนไชส์มาจากเกาหลี

5. Chago ร้านชา

6. ซูชิแอนด์อิซาคายะ

7. แบรนด์ปิ้งย่างเกาหลี ที่เซ็นทรัลดุสิต

8. แบรนด์ปิ้งย่างเกาหลี ที่สยามพารากอน

*พร้อมแผนรีโนเวตสาขาเดิมด้วยงบ 20 ล้านบาท

 

“จริงอยู่ที่เศรษฐกิจพ่นพิษหนัก จากนี้เราจะได้เห็นร้านที่เจ๊งมากมาย

แต่ก็จะมีร้านเกิดใหม่อีกมากมายที่ประสบความสำเร็จเช่นกัน”

 

เปิดแบรนด์ใหม่ เวิร์กกว่าเร่งขยายสาขาแบรนด์เดิม

เห็นเทรนด์จากเกาหลีซึ่งนำเมืองไทยไปหลายก้าวแล้ว ร้านดังของเขามีสาขาไม่เกิน 2 แห่ง เพราะสมัยนี้โมเดลธุรกิจที่เร่งขยายสาขามาก ๆ อาจไม่เวิร์ก ร้านจะดังขนาดไหนก็ไม่ควรขยายสาขาเกิน 1-2 แห่ง เนื่องจากตอนนี้ลูกค้าไทยมองหาสิ่งใหม่ ๆ ตลอดเวลา เบื่อเร็ว ทุกอย่างอิงตามกระแสไปหมด ร้านอาหารที่จะยังอยู่ได้ ต้องเป็นร้านที่คุณภาพจริง ๆ บางร้านมีกระแสอยู่แค่สามเดือนก็หายไปเลย

สำหรับแบรนด์ใหม่ที่เครือจะเปิด มองไว้ว่าจะขยายสาขาไม่เกิน 3 แห่ง เมื่อมีสาขาเพียงเท่านั้น ลูกค้าที่จะมายังร้านต้องตั้งใจมากินจริง ๆ ไม่ใช่แบรนด์ที่ลูกค้ารู้สึกว่ากินเมื่อไหร่ก็ได้ ช่วยให้แบรนด์ดูพิเศษขึ้น

“ธุรกิจร้านอาหารเป็น Fast Fashion ยึดถือ คุณภาพ รสชาติ การบริการ ซื่อสัตย์ ยังไงก็ไม่เจ๊ง”

ทำไมต้องเปิดสยามเป็นที่แรกเสมอ

สยามคือใจกลางเมือง มีระบบการจราจรรองรับ แทรฟฟิกเป็นคนหลากหลายกลุ่ม ทั้งวัยทำงาน นักเรียน นักศึกษา ครอบครัว และนักท่องเที่ยว

แบรนด์ของรวยไม่หยุดแม้จะมีร้านเปิดทั้งในเมือง นอกเมือง แต่คาแรกเตอร์แบรนด์เหมาะกับคนเมือง ทุกแบรนด์จะเปิดตัวสยามเป็นที่แรก เทสต์ตลาดที่นี่ตลอด โดยเพิ่งเริ่มลองออกไปนอกเมืองสองปีที่แล้ว และผลตอบรับก็ไม่ได้ดีอย่างที่คาดหวัง

“เกศเกิดมาจากสยามสแควร์ Nice Two Meat U สาขาแรกก็มาเปิดในซอย 3 ตอนนั้นยังไม่มีร้านมาเปิดเท่าไร เราเป็นร้านแรก แล้วทำให้ซอยคึกคักขึ้นมา ก็ค่อย ๆ สร้างแต่ละร้านขึ้นมา เพื่อดึงคนให้มาเดินซอยนี้ เราภูมิใจที่ทำให้สยามซอย 3 คึกคัก มันเลยเหมือนเป็นความผูกพัน พอจะเปิดโปรเจกต์ใหม่ ๆ เราก็จะมาที่นี่เป็นที่แรก”

Top 3 แบรนด์สร้างรายได้สูงสุด

Nice Two Meat U

Mil Toast

เกศเตี๋ยว (กำลังจะเปิดอีก 1 สาขา)

ต่อยอดโปรดักส์ก๋วยเตี๋ยวเรือ

โปรเจกต์ใหม่ของ รวยไม่หยุด กรุ๊ป คือการวางแผนลอนช์โปรดักส์กลุ่มอาหารสำเร็จรูปภายใต้แบรนด์ “เกศเตี๋ยว” ต่อยอดจากเกศเตี๋ยว อาจเป็นโปรดักส์รูปแบบคล้ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เนื่องจากในตลาดยังไม่มี Top of mind ก๋วยเตี๋ยวเรือ โดยเฉพาะโอกาสในต่างประเทศอย่างจีน ยุโรป สหรัฐฯ คาดว่าแผนทั้งหมดดังที่กล่าวมาจะผลักดันรายได้ให้เติบโต 20% ในปีนี้

 

 

ทั้งหมดทั้งมวล การหยิบจับอะไรก็ประสบความสำเร็จ ของทั้งคุณเกศและคุณแนท ส่วนหนึ่งอาจมาจากวิธีคิด ที่เรียกว่า ‘กฎแรงดึงดูด’

“เกศถือว่าคิดอะไรมันจะได้อย่างนั้น มันคือเรื่องของกฎแรงดึงดูด เกศจะเป็นคนที่ชอบไปนั่งคุยกับแม่ว่า ม๊าโตขึ้นรวยแน่ ม๊าไม่ต้องทำไรแล้วนะ เดี๋ยวโอนให้ใช้ 500 ล้าน” พูดไปคุณเกศก็หัวเราะไป ก่อนจะพูดต่อไปอีกว่า “เราชอบคิดตั้งแต่เด็กแล้วอ่ะว่าเราจะต้องรวยในสักวัน คือยังไม่รู้หรอกว่าจะทำไร แต่คิดว่ารวยแน่ ๆ ชีวิตนี้ฉันต้องเป็นคนรวยคนหนึ่งแน่ ๆ เตรียมคิดไว้แล้วว่าอยากได้อะไร และทุกอย่างก็เป็นเช่นนั้น ราบรื่นรวยไม่หยุด”

แม้ฟังดูจะคิดว่าเป็นเรื่องเล็ก แต่การกระทำเล็ก ๆ นี่แหละ ที่สั่งสมและสะกดจิตภาพรวมของกระบวนการคิดของเรา ที่สุดท้าย เมื่อเราใช้เวลาทุ่มเทนึกถึงสิ่งใด สิ่งนั้นย่อมดึงดูดเราได้ง่าย

เมื่อนึกถึงความสำเร็จ คุณจะชนะตั้งแต่คิดถึงมันแล้ว

 

อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ 
Website : Marketeeronline.co / Facebook : www.facebook.com/marketeeronline

 


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer