ย้อนกลับไปในปี 2011 โลกโซเชียลกำลังถูก Facebook ครองบัลลังก์แบบเบ็ดเสร็จ Google มองแล้วคงคิดว่า “เฮ้ย! เราเป็นยักษ์ใหญ่วงการไอทีนะ จะปล่อยให้มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์กแย่งซีนไปหมดได้ยังไง?” และแล้ว Google+ ก็ถือกำเนิดขึ้นมา พร้อมความหวังอันแรงกล้าว่าจะมาโค่น Facebook ให้ได้
แต่สุดท้าย… Google+ ก็กลายเป็นโซเชียลที่มีคนสมัครเยอะ แต่ไม่มีใครอยากใช้ และปิดตัวลงในปี 2019 เหลือไว้เพียงตำนานของความล้มเหลว ทำไมถึงเป็นแบบนั้น? มาดูกัน!
1. ฟีเจอร์ดี แต่ไม่มีใครแคร์
Google+ มาพร้อมกับไอเดียเจ๋ง ๆ อย่าง “Circles” ที่ให้เราจัดกลุ่มเพื่อนได้ เช่น กลุ่มเพื่อนสนิท กลุ่มเพื่อนร่วมงาน หรือกลุ่มคนที่แค่ทักทายกันในลิฟต์ ฟังดูดีใช่ไหม? แต่ปัญหาคือ… คนทั่วไปไม่สนใจจัดหมวดหมู่เพื่อนขนาดนั้น พวกเขาแค่อยากกดไลก์ กดแชร์ แล้วก็เลื่อนฟีดไปเรื่อย ๆ มากกว่า
ฟีเจอร์อีกอย่างที่ Google+ ภูมิใจคือ “Hangouts” ที่เป็นวิดีโอแชทกลุ่ม ซึ่งก็ดูดีนะ แต่ Facebook และ Skype ก็มีฟีเจอร์แบบเดียวกัน และพวกเขามาถึงก่อน คนเลยไม่ได้รู้สึกว่า Google+ มีอะไรที่ “ต้องใช้”
2. บังคับสมัคร…แต่ไม่มีใครอยากใช้
Google+ คิดแผนเจาะตลาดโดย “บังคับ” ให้ผู้ใช้บริการอื่นของ Google ต้องมีบัญชี Google+ เช่น ถ้าคุณอยากคอมเมนต์ใน YouTube ก็ต้องสมัคร Google+ ก่อน! เอาจริง นี่คือการตัดสินใจที่ทำให้คนหมั่นไส้มากที่สุด
แทนที่จะสร้างแพลตฟอร์มที่คนอยากใช้งาน Google+ กลับใช้วิธี “ยัดเยียด” ซึ่งทำให้ผู้ใช้ส่วนใหญ่สมัครแค่เพื่อให้ผ่าน ๆ ไป แต่ไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์อะไรเลย ส่งผลให้จำนวนบัญชีดูเยอะ แต่ engagement ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน
3. โลกไม่ต้องการอีกหนึ่ง Facebook
Facebook สร้างมาเพื่อให้คนแชร์ชีวิตประจำวัน เม้ามอยกับเพื่อน กดไลก์ภาพแมว และตามส่องแฟนเก่า Google+ ก็ดูเหมือนอยากทำแบบเดียวกัน แต่ปัญหาคือ… ไม่มีอะไรที่ทำให้รู้สึกว่า “ดีกว่า Facebook อย่างเห็นได้ชัด”
พูดง่าย ๆ คือ Google+ ไม่ได้มีอะไรที่ “ต้องใช้” มันเป็นแค่โซเชียลเน็ตเวิร์กอีกตัวที่ไม่ได้มีข้อได้เปรียบที่ชัดเจน คนเลยไม่คิดจะย้ายจาก Facebook มาใช้ Google+
4. นักพัฒนาเมิน ไม่สร้างแอปเสริม
Facebook มีระบบที่เปิดให้นักพัฒนาเข้ามาสร้างแอปและเกมเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์ม ทำให้มีทั้งเกมสนุก ๆ อย่าง FarmVille (ใครทันยุคนี้บ้าง?) และแอปต่าง ๆ ที่เพิ่มความหลากหลายในการใช้งาน
Google+ กลับไม่มี ecosystem แบบนั้น ทำให้มันดูเป็นแพลตฟอร์มที่ไม่มีสีสัน ไม่มีอะไรดึงดูดผู้ใช้ให้อยู่ต่อ เพราะคนไม่ได้อยากมาแค่ “เลื่อนฟีด” อย่างเดียว แต่ต้องการอะไรที่สนุกและมีชีวิตชีวามากกว่า
5. ปัญหาข้อมูลรั่วไหล… ปิดเกม!
ในปี 2018 มีข่าวใหญ่เรื่อง Google+ ทำข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้กว่า 500,000 บัญชีรั่วไหลโดยที่ Google ปิดข่าวนี้ไว้นานเป็นปี! เมื่อเรื่องแดงขึ้นมา Google ก็เหมือนยอมแพ้กลาย ๆ และในที่สุดก็ตัดสินใจประกาศปิด Google+ ในปี 2019 อย่างเป็นทางการ
การที่แพลตฟอร์มโซเชียลเน็ตเวิร์กทำข้อมูลผู้ใช้หลุด เป็นเหมือนการฆ่าตัวตายทางธุรกิจ เพราะมันทำลายความไว้วางใจไปหมด นี่เลยเป็นจุดจบที่แทบไม่มีใครแปลกใจ
บทเรียนจาก Google+
Google+ ไม่ใช่ตัวอย่างของ “ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ดี” แต่มันเป็นตัวอย่างของ “ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีใครต้องการ” แม้จะมีฟีเจอร์ดี ๆ แต่การบังคับใช้งาน การขาดจุดขายที่ชัดเจน และปัญหาด้านความปลอดภัย ทำให้มันไปไม่รอด
บทเรียนจาก Google+ คือ “อย่าคิดแค่จะชนะคู่แข่ง แต่ต้องคิดให้ได้ว่าทำไมคนถึงต้องใช้เรา” ถ้าผลิตภัณฑ์ของคุณไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้ ต่อให้คุณเป็น Google ก็แพ้ได้เหมือนกัน!
สุดท้ายนี้ Google+ อาจเป็นอดีตไปแล้ว แต่เรื่องราวของมันยังคงเป็นหนึ่งในตำนานของความล้มเหลวในโลกเทคโนโลยีที่ไม่มีวันถูกลืม
เรื่อง: เอกพล ไอศวรรยธรรม
ซีรีส์ “สร้างมาให้ Fail” มีด้วยกัน 12 Episodes
EP.1: Google+ : โซเชียลเน็ตเวิร์กที่ล้มเหลวสมบูรณ์แบบ
–
