พฤกษา โฮลดิ้ง เปิดแผนงานปี 2025 ปรับพอร์ตโฟลิโอต่อเนื่อง ธุรกิจหลักอสังหาริมทรัพย์ เพิ่มสัดส่วนตลาดบ้านระดับกลางถึงบน และรุกโครงการเวลเนส เรสซิเดนซ์ ธุรกิจเฮลท์แคร์ เตรียมขยายโรงพยาบาลเฉพาะทางอีก 3 แห่ง ธุรกิจพรีคาสท์ เดินหน้าลุยตลาดก่อสร้างเต็มตัว ประกาศวางสัดส่วนรายได้เฮลท์แคร์เท่ากับขายบ้านในอนาคต 

ตลาดที่อยู่อาศัย อาจหดเหลือ 2 แสนล้านใน 5 ปี 

พฤกษาเร่งปรับพอร์ต ดันรายได้เฮลท์แคร์ขยับเท่าขายบ้าน 

มูลค่าตลาดที่อยู่อาศัย หน่วย: ล้านบาท
2019 (ก่อนโควิด-19) 500,000 
2024 350,000
2030 (คาดการณ์) 250,000
ที่มา: พฤกษา โฮลดิ้ง, มีนาคม 2025 

คุณทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ. พฤกษา โฮลดิ้ง กล่าวว่า ปี 2024 ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในไทย เผชิญกับความท้าทายจากภาวะเศรษฐกิจ ปัญหาหนี้ครัวเรือน อัตราการปฏิเสธสินเชื่อของธนาคารที่ยังคงสูงอยู่ 

ในปีที่ผ่านมา ตลาดอสังหาฯ มีโครงการใหม่กว่า 4.21 แสนล้านบาท ลดลง 27% มีโครงการพร้อมขาย 1.28 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% และมีโครงการให้จองรวม 3.13 แสนล้านบาท ลดลง 20% 

สถานการณ์ตลาดอสังหาฯ ดังกล่าว ส่งผลสำคัญให้ผลประกอบการของบริษัท ปี 2024 รายได้ราว 21,000 ล้านบาท กำไรสุทธิ 456 ล้านบาท จากระดับแตะพันล้าน  

ทั้งนี้ บริษัทประเมินว่าภาพรวมตลาดอสังหาฯ ยังสามารถไปต่อได้ และยังไม่ถึงสถานการณ์ที่ทุกรายแข่งขันเรื่องราคา บริษัทเพียงจำเป็นต้องปรับตัวด้วยการรุกตลาดเฮลท์แคร์ นำบริการเกี่ยวกับสุขภาพไปผสานกับโครงการที่พักอาศัยต่าง ๆ ของบริษัท ซึ่งการทำแบบนี้ช่วยเพิ่มความหลากหลายของช่องทางรายได้ และลดความเสี่ยงในการพึ่งพาแต่ธุรกิจที่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์เพียงอย่างเดียว 

พอร์ตอสังหาฯ รุกตลาดพรีเมียม ขยายเข้าใจกลางเมือง

ปี 2025 บริษัทวางแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 22 โครงการ มูลค่ารวม 23,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2024 ที่เปิดตัว 16 โครงการ มียอดจองทั้งหมด 19,800 ล้านบาท และมียอดโอนทั้งหมด 18,700 ล้านบาท 

22 โครงการจะแบ่งเป็น 3 ระดับคือ พรีเมียม 47% กลาง 35% เริ่มต้น 18% ส่วนรูปแบบจะแบ่งเป็น คอนโดมิเนียม 5 โครงการ บ้านเดี่ยว 9 โครงการ ทาวน์เฮาส์ 8 โครงการ

บริษัทยังเดินหน้าปรับสัดส่วนของที่พักอาศัยแนวราบ จากทาวน์เฮาส์ 60% และบ้านเดี่ยว 40% เป็นทั้งสองรูปแบบมีสัดส่วนเท่ากัน พร้อมสื่อสารการตลาดผ่านช่องทางดิจิทัล และชูแนวคิดเวลเนส เรสซิเดนซ์ โดยอาศัยการผสานเรื่องสุขภาพกับโรงพยาบาลวิมุต

ในปี 2025 บริษัทจะยังเน้นพัฒนาโครงการเวลเนส เรสซิเดนซ์ และโครงการที่มีจุดเด่นด้านทำเล โดยในปีดังกล่าวจะมีการเปิดตัวแบรนด์ระดับบนหลายโครงการ เช่น The Palm, The Reserve และ Chapter โดยมีสัดส่วนสินค้าในกลุ่มราคามากกว่า 7 ล้านบาท ราว 50% และโครงการที่ใกล้ใจกลางเมืองมากขึ้นและมีขนาดเล็กลง 

ทั้งบริษัทเตรียมการลงทุนกว่า 5,000 ล้านบาท เพื่อจัดซื้อที่ดิน และมีแผนขายที่ดินบางแห่งที่ยังไม่ได้ใช้ออกไป คิดเป็นมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท รวมถึงกลับมาพัฒนาโครงการที่พักไปในช่วงโควิด-19 มูลค่ารวมกว่า 2,900 ล้านบาท และที่สำคัญคือการปรับสัดส่วนโครงการต่าง ๆ ให้ตอบรับความต้องการของลูกค้าระดับบน หรือพรีเมียมมากขึ้น ทั้งปี 2025 จะมีทั้งหมด 31 โครงการที่จะสามารถปิดได้

ลุยพอร์ตเฮลท์แคร์เต็มรูปแบบ

การลงทุนในกลุ่มธุรกิจเฮลท์แคร์ บริษัทจะเริ่มต้นจริงจังในปี 2025 การรับรู้รายได้จึงอาจจะยังไม่ได้เกิดขึ้นทันที แต่ประเมินว่าจะเกิดขึ้นภายในปี 2026 โดยบริษัทกำลังเตรียมความพร้อมเพื่อเปิดโรงพยาบาลเฉพาะทางเพิ่มอีก 3 แห่ง ประกอบด้วย ศูนย์การรักษาเฉพาะทางด้านกระดูกสันหลังย่านทองหล่อ และอีก 2 แห่งอยู่ระหว่างเขียนแบบเพื่อให้บริการที่สุขุมวิท และปิ่นเกล้า คิดเป็นมูลค่าลงทุนกว่า 3,500 ล้านบาท

ขณะที่ โรงพยาบาลวิมุต เตรียมเดินหน้าเปิดศูนย์การรักษาเฉพาะทาง หรือ COE เพิ่มเติม เช่น โรคปอด โรคตา โรคกระเพาะอาหาร ควบคู่กับการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพผ่านการแบ่งปันระบบบริหารจัดการต่าง ๆ กับกลุ่มพฤกษา เช่น ระบบบัญชี และระบบไอที  

ทั้งนี้ ในปี 2024 โรงพยาบาลภายใต้กลุ่มพฤกษามีเตียงรวมทั้งหมดกว่า 400 เตียง และมีเตียงในโรงพยาบาลสำหรับดูแลผู้สูงอายุ 50 เตียง ซึ่งหากการเปิดโรงพยาบาลแห่งใหม่สำเร็จจะทำให้มีเตียงเพิ่มขึ้นเป็น 600-700 เตียง ภายใน 3 ปีข้างหน้า และบริษัทยังมีการขยายธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพ เช่น การฆ่าเชื้อเครื่องมือแพทย์ เพื่อเพิ่มช่องทางรายได้

บริษัทประเมินว่าจากการดำเนินงานต่าง ๆ การสร้างความร่วมมือกับธุรกิจในกลุ่มพฤกษา ตลอดจนเทรนด์สุขภาพที่กำลังขยายตัว บริษัทวางเป้าสร้างรายได้จากกลุ่มเฮลท์แคร์ในปี 2025 ที่ 2,600 ล้านบาท แบ่งเป็น 1,500 ล้านบาท จากโรงพยาบาลวิมุต และ 1,100 ล้านบาท จากโรงพยาบาลวิมุต-เทพธารินทร์ ซึ่งรายได้รวมนั้นเพิ่มขึ้นจากปี 2024 ที่ทำได้ 2,187 ล้านบาท  

ธุรกิจพรีคาสท์และก่อสร้าง เดินหน้าขยายรับงานนอก

ธุรกิจพรีคาสท์ (โรงงานผลิตชิ้นส่วนก่อสร้าง) และก่อสร้าง บริษัทเตรียมขยายการผลิตและนำเสนอบริการที่ครอบคลุมมากขึ้น ในปี 2025 ตั้งเป้าธุรกิจพรีคาสท์รายได้ 2,100 ล้านบาท เน้นขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ให้หลากหลาย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของตลาดให้มากขึ้น 

ในขณะที่ธุรกิจก่อสร้าง ตั้งเป้ารายได้ 5,400 ล้านบาท และบริษัทยังจะขยายธุรกิจดังกล่าวไปยังโครงการนอกกลุ่มบริษัทให้ได้เป็น 30% มุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าทั้ง B2B และ B2C สำหรับการสร้างบ้านในระดับราคา 10-30 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม บริษัทจะรับรู้รายได้จากธุรกิจพรีคาสท์และก่อสร้างจากส่วนแบ่งกำไร

ตั้งเป้ารายได้ทั้งกลุ่มในปี 2025 ที่ 23,500 ล้านบาท

ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของบริษัท แบ่งเป็น อสังหาริมทรัพย์ 70% เฮลท์แคร์ 20% และอื่น ๆ 10% จากแผนงานต่าง ๆ ที่วางไว้ อนาคตกลุ่มเฮลท์แคร์จะค่อย ๆ ขยายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนที่สุดแล้วจะมีรายได้ในสัดส่วนนี้ 50% เทียบเท่ากับอสังหาริมทรัพย์

นอกจากนั้น จากการดำเนินงานทั้งหมด บริษัทตั้งเป้ารายได้ในปี 2025 ไว้ที่ 23,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2024 ที่ทำได้ 21,000 ล้านบาท แบ่งเป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 18,700 ล้านบาท ธุรกิจเฮลท์แคร์ 2,600 ล้านบาท ธุรกิจอื่น ๆ 2,200 ล้านบาท


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer