เถ้าแก่น้อย  โอ้กะจู๋  ซินคันเซน ลัคกี้ สุกี้ และตี๋น้อย  คือผู้ประกอบการรายเล็กที่สามารถสร้างรายได้ระดับพันล้านบาทได้ภายในเวลาเพียง 2-10 ปี

หลายรายยังได้โอกาสจากแบรนด์ใหญ่เข้าร่วมทุนช่วยติดปีกให้ไปได้เร็วขึ้น

เริ่มจาก สุกี้ตี๋น้อย ที่ล่าสุดเพิ่งเปิดสาขา 82 ที่ เค อเวนิว จ.นครสวรรค์ ส่วนเช้าวันนี้ (14/3/68) ยังประกาศว่า “สุกี้ตี๋น้อย พร้อมเขย่าวงการ 17 มีนาคมนี้ รู้กัน”

เป็นความเคลื่อนไหวของแบรนด์ที่ไม่เคยหยุด เช่นเดียวกับรายได้และกำไรที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในปี 2566 มีรายได้  5,244 ล้านบาท กำไร 913 ล้านบาท

นัทธมน พิศาลกิจวนิช ผู้ก่อตั้งเรียนจบปริญญาโทในสาขา Luxury Management and Marketing  จากประเทศฝรั่งเศส แต่มีความฝันที่ต้องการเป็นเจ้าของร้านอาหารที่ไม่ใช่ร้านหรูติดแกลม

เธอเลือกเปิดร้าน สุกี้ ตลาดแมส ด้วยวิธีคิดที่ไม่เหมือนใคร โดยตั้งราคาขายบุฟเฟต์ 219 บาท กับเวลาปิด-เปิดร้าน เที่ยงวันยันเที่ยงคืน จนกลายเป็น Key success ที่สำคัญ

การเลือกพันธมิตร “เจมาร์ท” ให้เข้ามาถือหุ้น 30% นอกจากได้เงินทุนก้อนใหญ่ 1,200 ล้านบาทแล้ว ยังได้เจมาร์ทมาช่วยในเรื่องไอที ที่จำเป็นมากในโลกการทำธุรกิจปัจจุบัน

แผนการเข้าตลาดหลักทรัพย์ที่เป็นเป้าหมายใหญ่อยู่ข้างหน้าจะสร้างจุดเปลี่ยนให้กับแบรนด์นี้ก้าวกระโดดไปได้แค่ไหนอีกไม่นานคงรู้กัน

ลัคกี้ สุกี้ เปิดตัวเมื่อปี 2565  เพิ่งมีอายุครบ 3 ปี เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา  มีจำนวนทั้งหมด 20 สาขา แต่มีผลประกอบการของปี 2567 ที่เร้าใจ เพราะ รสรินทร์ ติยะวราพรรณ 1 ในผู้ก่อตั้งแบรนด์ ลัคกี้ สุกี้ ยืนยันว่าทะลุ 1,000 ล้านบาทไปแล้ว

การเปิดร้าน “ลัคกี้ สุกี้” ในช่วงปลายวิกฤตโควิด-19 ที่ร้านอาหารหลายแห่งต้องปิดตัวลง การเข้าไปอยู่ในห้างสรรพสินค้าแทนที่จะเปิดสแตนด์อะโลนทำให้ได้ลูกค้าที่แน่นอน การคิดเมนูอาหาร การตั้งราคา ที่มาถูกทาง เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องอย่างมาก

และถ้าไม่มีอะไรมาสะดุด ปี 2568 เธอตั้งเป้าเปิดทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 16-20 สาขา

เมื่อสามารถบริหารจัดการหลังบ้านได้ ชื่อแบรนด์เองเป็นที่รู้จักมากขึ้น คุมคอร์สได้ดี ยิ่งสเกลใหญ่ต้นทุนในการซื้อวัตถุดิบยิ่งถูกลง ดังนั้น เธอบอกว่า ไม่มีเหตุผลเลยที่จะไม่ลุย

ส่วนพี่ใหญ่ “ต๊อบ” อิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ผู้ก่อตั้งบริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง เป็นเถ้าแก่พันล้านได้เมื่ออายุ 25 ปี เรื่องของเขาฮือฮาจนมีการเอาประวัติชีวิตไปสร้างภาพยนตร์ “Top Secret วัยรุ่นพันล้าน”

ปี  2558 เขาเอาบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ และทำยอดขายได้มากกว่า 3,500 ล้านบาท

ปีนั้นเขาประกาศว่าภายใน 10 ปีเถ้าแก่น้อยจะต้องเป็น Global Brand ด้วยยอดขายที่สูงกว่า 10,000 ล้านบาท

นั่นหมายถึงว่าปีนี้ 2568 เขาต้องเป็นเถ้าแก่หมื่นล้านในวันที่มีอายุไม่ถึง 50 ปี

หากดูผลประกอบการปี 2567 รายได้  5,712 ล้านบาท กำไร  836 ล้านบาท ต้องยอมรับว่าการเป็นเถ้าแก่หมื่นล้านในปีนี้คงยากแล้ว

แต่เป็นปีที่เขาสามารถสร้างสถิติใหม่ของยอดขายและกำไรสูงที่สุดในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา

ส่วนในเรื่อง Global Brand นั้นทำสำเร็จมาหลายปี

วันนี้เถ้าแก่น้อยมียอดขายในต่างประเทศสูงถึง 63% จากการส่งออกไปกว่า 40 ประเทศทั่วโลก สัดส่วนยอดขายมาจากประเทศจีนเป็นหลัก ส่วนตลาดที่มีอัตราการเติบโตโดดเด่น ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย สหรัฐอเมริกา

จากแพชชั่นของ 2 เพื่อนซี้ ศุภณัฐ สัจจะรัตนกุล และ ชนวีร์ หอมเตย ผู้ก่อตั้ง Shinkanzen Sushi ที่เริ่มจากควักเงินลงทุนคนละหนึ่งแสนบาท เเล้วลงเรียนคอร์สทำอาหารญี่ปุ่นด้วยตนเอง

เปิดตัวร้าน Shinkanzen Sushi ในปี 2558 บนพื้นที่เพียง 30 ตร.ม. ประมาณ 5-6 โต๊ะจับกลุ่มนักศึกษาหน้ามหาวิทยาลัย ในราคาที่เข้าถึงง่าย คือซูชิราคาเริ่มต้นที่ 11 บาท

Core Target จากนักศึกษา เปลี่ยนไปสู่ First Jobber มากขึ้นเมื่อเริ่มขยายสาขาเข้าตัวเมือง

จุดเปลี่ยนสำคัญคือการเข้ามาร่วมทุน 50% ของ CRG ค่ายอาหารยักษ์ใหญ่จากเครือเซ็นทรัล จนสามารถเข้าไปอยู่ในศูนย์การค้าเพื่อเข้าถึงลูกค้ามากขึ้น รวมทั้งการขยายไปสู่แบรนด์ต่าง ๆ เช่น แบรนด์ นักล่าหมูกระทะ นามะ เจแปนนิส ซีฟู้ด แอนด์ บุฟเฟ่ต์  คัตสึมิโดริ ซูชิ ซูชิสายพานระดับพรีเมียมแมส

ปีนี้คาดว่าจะเปิดเพิ่ม 16 สาขา โดยจะโฟกัสที่นักล่าหมูกระทะถึง 10 สาขาตามเทรนด์ที่เกิดขึ้น

ส่วน 3 หนุ่มเพื่อนรัก “อู๋” กับ “โจ้” ชลากร เอกชัยพัฒนกุล จิรายุทธ ภูวพูนผล และ วรเดช สุชัยบุญศิริ แห่ง โอ้กะจู๋

เริ่มปลูกฝันในสวนผักบนพื้นที่ไม่ถึง 1 ไร่ ในจังหวัดเชียงใหม่ และมีร้านอาหารเล็ก ๆ ขายกาแฟพร้อมผักสลัดไม่กี่เมนูด้านหน้าแปลงผัก เมื่อปี 2556

จุดขายคือผักสดออแกนิกจาก Farm to Table

ปี 2561  คิดการใหญ่ ด้วยการมาเปิดสาขาที่ 3 ที่สยามสแควร์ และได้รับโอกาสครั้งสำคัญเมื่อ OR เข้ามาร่วมทุน 20% ในปี 2564

จากสลัดธรรมดากลายเป็นสลัดพันล้านเป็นครั้งแรกในปี 2565 ก่อนที่เข้าไปเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ ในปี 2567 เงินที่ได้มาคือตัวที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งในเรื่องของฟาร์ม และการขยายสาขา

สิ้นปี 2567 โอ้กะจู๋ มี 41 สาขา โอ้ จู๊ซ และโอ้กะจู๋แรปแอนด์โรล 16 สาขา ปีนี้เมืองใหญ่อย่าง อุดร ขอนแก่น และโคราช เตรียมตัวพบกับโอ้กะจู๋ ประมาณไตรมาส 2-3

ส่วนใครชอบไก่ทอดก็ต้องติดตาม เมื่อมีข่าวว่า โอ้กะจู๋ มีแผนจะลงมาทำแบรนด์ไก่ทอดเอง หลังจาก American Hot Spicy Chicken ประสบความสำเร็จเป็นเมนูยอดฮิต

ตลาดในประเทศยังมีพื้นที่ให้ขยายสาขาอีกมาก แผนยกระดับจากแบรนด์ Local สู่ Global แบรนด์ ก็น่าสนใจ เส้นทางของแบรนด์นี้ก็น่าจะไปได้อีกไกล

ทั้ง 5 แบรนด์เริ่มจากแพชชั่นผสมกับความมุมานะตั้งใจจริง ที่สำคัญคือพร้อมที่จะปรับตัวและเรียนรู้ระบบบริหารจัดการทั้งหน้าบ้าน หลังบ้าน การสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง การทำตลาด เรียนรู้คู่แข่ง เข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภค

2-10 ปีทำรายได้กว่าพันล้าน เหมือนไม่ยาก

แต่ทุกครั้งที่ให้สัมภาษณ์ทุกคนบอกเสียงหนักแน่นว่ากว่าจะถึงวันนี้ไม่ได้ง่ายเลย

 

 

 

 

 

 

 


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer