CPN ทุ่ม 1.2 แสนล้าน ลุยเปิดมิกซ์ยูสครบ 30 แห่ง โฟกัสเมกะโปรเจกต์ The Central พหลโยธิน และ Central Park
ในการแถลงวิสัยทัศน์ประจำปี บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ประกาศทุ่มงบ 120,000 ล้านบาท ตามแผนธุรกิจ 5 ปี (2568-2572) ตั้งเป้าเติบโตห้าปีเฉลี่ย 10% ต่อปี
พร้อมลุย Mega Projects หัวเมืองใหญ่ พัฒนามิกซ์ยูสครบ 30 โครงการ ปรับโฉมย่านทำเลทองรอบกรุงเทพมหานคร สิงหาคมพร้อมเปิดดุสิตเซ็นทรัลพาร์ค โฟกัสเมกะโปรเจกต์ ‘The Central’ พหลโยธิน
วัลยา จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า ปีที่ผ่านมาบริษัทฯ ประสบความสำเร็จ All-Time High ในทุกมิติและในทุกธุรกิจทั้งรีเทล เรสซิเดนท์ โรงแรม และออฟฟิศ สำหรับปี 2568 ยังคงเดินหน้าพัฒนาโครงการใหม่ต่อเนื่อง
โดยจะทยอยเปิดตัวเมกะโปรเจกต์ ยึดหลักกลยุทธ์การพัฒนา Retail-Led Mixed-Use Development ที่ให้ความสำคัญกับ 4 เรื่อง ได้แก่ Best Location, Best Catchment Analysis, Best Master Planning การวางแผนและออกแบบให้ทุกองค์ประกอบเชื่อมโยงกันอย่างลงตัว, และ Best Partners
นำโดย ‘The Central’ พหลโยธิน (เดอะ เซ็นทรัล)
สร้าง New CBD แห่งใหม่ของกรุงเทพฯ ตอนเหนือ บนพื้นที่ 49 ไร่ ในโลเคชันที่ห่างจาก เซ็นทรัล ลาดพร้าว อันเป็นแลนด์มาร์กของย่านราว 500 เมตร แบ่งเป็นพื้นที่ศูนย์การค้า (GBA) 460,000 ตารางเมตร ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ Top 3 รองจากเซ็นทรัลเวิลด์
เมกะบางนา ด้วยงบลงทุนเฟสแรก 20,000 ล้านบาท เฉพาะศูนย์การค้า คาดว่าจะสร้างทางเดิน Sky Walk เชื่อมต่อจากรถไฟฟ้าเข้าสู่ช้อปปิ้งมอลล์
จะเป็นศูนย์การค้าระดับ Flagship รองรับไลฟ์สไตล์ใหม่สำหรับทุกเจเนอเรชัน ถือได้ว่าเป็น Gateway ดึงดูดดีมานด์ใหม่จาก Catchment กรุงเทพฯ ตอนบน และ Quality Shoppers จากจังหวัดใกล้เคียง บริษัทได้มองเห็นแทรฟฟิกจำนวนมหาศาลจากเซ็นทรัลลาดพร้าวซึ่งอยู่ที่หนึ่งแสนห้าหมื่นต่อวัน เป็นทำเลที่มีศักยภาพสูง
ความแตกต่างจาก เซ็นทรัล ลาดพร้าว คือการดึง Global Brands มาเปิด Flagship Store ครั้งแรกในไทย ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จมาแล้วที่เซ็นทรัลเวิลด์ อีกทั้งดึงแบรนด์ที่เปิดในเซ็นทรัล ลาดพร้าว มาเปิดสาขาใหม่ที่ใหญ่ขึ้น เตรียมเปิดให้บริการช่วงไตรมาส 4 ปี 2569 และยังมีแผน Development เพิ่มเติมในอนาคต
โครงการใหม่ ‘Central Park’ (เซ็นทรัล พาร์ค)
จิ๊กซอว์ชิ้นใหญ่ในปีนี้กับโครงการ “Dusit Central Park” มิกซ์ยูสเมกะโปรเจกต์ใจกลางสีลม ที่ประกอบไปด้วยศูนย์การค้าระดับ Masterpiece บนที่ดิน 23 ไร่ พื้นที่ศูนย์การค้า (GBA) 130,000 ตารางเมตร พร้อมด้วยออฟฟิศ และโรงแรม และเรสซิเดนท์
โดยในส่วนของ เซ็นทรัล พาร์ค จะเป็นศูนย์การค้าภายใต้คอนเซ็ปต์ Here for Bangkok มีแบรนด์ระดับโลกจ่อเปิดตัวรวมกว่า 230 แบรนด์ หนึ่งในนั้นจะมีแบรนด์ First-Time in Thailand ด้วย นำทัพโดยแบรนด์แฟชั่นระดับโลก Inditex group ขยายทุกแบรนด์ในเครือ มี High-Street & Bridge-Line Brands, Prestige Cosmetic Brands และ Sport Destination พร้อมด้วยร้านอาหารแบรนด์ไทยอย่าง Iberry Group และ Michelin Street Food มากมาย
ด้าน ‘Central Park Offices’ เป็น One-of-a-Kind and the Most Advanced Office Building ที่ได้รับการตอบรับจากบริษัทระดับโลก
อาทิ ฟาร์มาซูติคอล, ไบโอเทค, และ โลจิสติกส์ เป็นต้น โดยปีแรกของการเปิดอาคารนี้ตั้งเป้า Occupancy Rate 80% ซึ่งส่วนที่เป็นอาคารสำนักงานและศูนย์การค้าจะเปิดในเดือนสิงหาคมนี้
พัฒนามิกซ์ยูสครบ 30 โครงการ จาก 44 ทำเลศักยภาพ
‘Central Northville’ บนพื้นที่เดิมของเซ็นทรัล รัตนาธิเบศร์ นนทบุรี มิกซ์ยูสที่ใหญ่ที่สุด เป็น The New District of North Bangkok บนที่ดิน 59 ไร่ พื้นที่ศูนย์การค้า (GBA) 210,000 ตารางเมตร กับคอนเซ็ปต์ Biophilic Design ยกธรรมชาติมาไว้ในอาคาร บรรยากาศแบบ Outdoor-in-Indoor พร้อมด้วย Socialized, Multi-Generation & Community Space และ Pet-Friendly คาดว่าจะเปิดให้บริการในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2569
‘Central Khonkaen Campus’ ลุยหัวเมืองใหญ่ภาคอีสาน เปิดศูนย์การค้าเซ็นทรัลแห่งที่ 2 ในขอนแก่น ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีกำลังซื้อสูง ทำเลศักยภาพ ล้อมรอบด้วยมหาวิทยาลัยและโรงพยาบาล
เซ็นทรัลขอนแก่นแห่งที่สองนี้จะอยู่ติดกับโรงพยาบาลศรีนครินทร์และมหาวิทยาลัยขอนแก่น บนพื้นที่ 30 ไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่ศูนย์การค้า (GBA) 67,000 ตารางเมตร และคอนโด รวมถึง GO! Hotel แห่งแรกของอีสาน งบลงทุนเฉพาะช้อปปิ้งมอลล์ 3,000 ล้านบาท
เจาะกลุ่มลูกค้านักศึกษา บุคลากรทางการแพทย์ และประชากรในจังหวัดใกล้เคียง โดยจะเปิดบริการช่วงไตรมาสสองของปีถัดไป นอกจากนี้ ยังวางแผนรีโนเวต เซ็นทรัล ขอนแก่น ที่เปิดมาสิบสามปีด้วย
‘Central Phuket’ ชูความเป็น luxury mall หนึ่งเดียวนอกกรุงเทพฯ ด้วยพื้นที่ศูนย์การค้า Floresta, Festival รวม (GBA) 400,000 ตารางเมตร
และโครงการที่อยู่อาศัย ทุ่มงบลงทุนเพิ่ม 3,000 ล้านบาท ขยายพื้นที่โซนลักชัวรีเพิ่มอีก 20,000 ตารางเมตร ซึ่งจะทำให้มีแบรนด์เพิ่มขึ้นจาก 15 เป็น 50 แบรนด์ รวมมูลค่าโครงการทั้งมิกซ์ยูส 23,000 ล้านบาท ซึ่งส่วนขยายเฟสแรกจะเปิดในไตรมาสสาม ปี 2569
นอกจากนี้ ยังมีเมกะโปรเจกต์ใน Pipeline ที่สำคัญ คือ ย่านพระราม 1, พระราม 9, เพลินจิต และอีกหลายโครงการในแผนงาน
ลุยปรับโฉมย่านทำเลทอง
โครงการ Transformation เพื่อตอบโจทย์ Affluent Demographic ที่มีกำลังซื้อสูงขึ้น ผ่านการสร้างแม่เหล็กดึงดูดใหม่ ทั้ง Fashion, Food Hub, Family & Edutainment ดึงดูด Key Anchor Brands และแบรนด์ดังใหม่ ๆ ประกอบด้วย
Central Pinklao (เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า) – New Soul of the District (เปิด Q3 ปี 2568) เป็นศูนย์กลางย่านธนบุรี ประชากรเติบโตและมีกำลังซื้อเพิ่ม
Central Chaengwattana (เซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ) – The Life Extraordinaire (เปิด Q4 ปี 2568): ย่านที่เติบโตเป็นศูนย์กลางออฟฟิศ ครอบครัวกำลังซื้อสูง และคอมมูนิตี้ Expat
และ Central Bangna (เซ็นทรัล บางนา) – Life Well Lived (เปิด Q3 ปี 2569) งบลงทุน 3,200 ล้านบาท รังสรรค์ย่านบางนา แวดล้อมด้วยแหล่งพักอาศัยระดับลักชัวรี ประชากรกำลังซื้อสูง
โดยมีการปรับ Master Planning ขยายพื้นที่โครงการมิกซ์ยูสบนพื้นที่ 50 ไร่ เป็น Total Transformation ในรอบ 30 ปีที่พลิกโฉมทุกร้านค้า
‘Central Chiangmai Airport’ ด้วยความเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ ถึงเวลา Master Planning ใหม่ ในพื้นที่ 130 ไร่ พื้นที่ศูนย์การค้า (GBA) 173,000 ตารางเมตร ไฮไลท์หลักคือ Muji’s First Flagship Store แห่งแรกในภาคเหนือ
ขยายโซนกาดหลวง Indoor Local Market มากขึ้นถึง 3 เท่า รวมเป็น 10,000 ตารางเมตร เตรียมเปิดช่วงไตรมาสสองของปี 2569
โครงการยังประกอบด้วย Convention Hall, Tourist Hub และ Multi-Generation Space ตลอดจน Go Wholesale แห่งแรกในภาคเหนือ และมีแผนพัฒนาโรงแรม และคอนโดมิเนียมในอนาคต
CPN ทำ All-Time High กวาดรายได้ 5.2 หมื่นล้าน ดึงดูดแบรนด์ระดับโลก
นภารัตน์ ศรีวรรณวิทย์ CFO and President, Hotel and Office บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า ปีที่ผ่านมาบริษัทฯ ประสบความสำเร็จ All-Time High ในทุกมิติ ทั้งรายได้รวมที่ 51,843 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 16,729 ล้านบาท
อีกทั้งดึงดูด All-Time High Traffic รวมกว่า 500 ล้าน Visits ต่อปี และมีนักท่องเที่ยวมาที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลถึง 67 ล้าน Visits ต่อปี
สำหรับธุรกิจ Non-Retail ที่ขับเคลื่อนรายได้ 25% ก็ประสบความสำเร็จเช่นกัน โดยธุรกิจ Residence เติบโตทั้งแนวราบและแนวสูง คอนโดมิเนียมติดศูนย์การค้าเซ็นทรัลได้รับความนิยมสูง ทั้งเอสเซ็นท์ นครสวรรค์, นครปฐม, นครศรีธรรมราช Sold Out อย่างรวดเร็ว
ขณะที่ธุรกิจ Hotel ขยายต่อเนื่อง ปีที่แล้วเปิด Hilton Garden Inn Rayong และเดินหน้าเปิด GO! Hotel ต่อเนื่อง นอกเหนือจากนี้ ธุรกิจ Office มีความแข็งแกร่งสูง ซึ่งปลายปีที่ผ่านมามี Occupancy Rate กว่า 90%
ดร. ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา Chief Marketing Officer เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีแบรนด์ระดับโลกเลือกมาเปิด First Time in Thailand ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลกว่า 80% และมี Flagship Stores มากถึง 50 ร้าน หลายแบรนด์มีสาขาที่ประสบความสำเร็จในด้านยอดขายในระดับ Top Rank
หนึ่งในปัจจัยสนับสนุนความเชื่อมั่นของพาร์ตเนอร์ คือเครื่องมือ CRM อย่าง The 1 Biz มีแบรนด์เข้าร่วมอัตราการเติบโตสูงถึง 3 เท่า และปีที่ผ่านมาสมาชิก The 1 แลกพอยต์ในโซนร้านค้าไปถึง 300 ล้านพอยต์ บิลสะสมพอยต์สูงสุด 3.4 ล้านบาท
ทั้งนี้ เซ็นทรัลพัฒนา ยังได้รับการจัดอันดับ DJSI Best-in-Class 7 ปีซ้อน และเป็นอสังหาฯ รายแรกที่ออก ‘Green Bond’
อีกทั้งทุกศูนย์การค้าติดตั้ง Solar Rooftop, EV Charging Station พร้อมขับเคลื่อนโครงการ Green Partnership เพื่อลดก๊าซเรือนกระจกร่วมกับพันธมิตรร้านค้า
จากแผนการดำเนินงานข้างต้น จะทำให้ภายในสิ้นปีนี้มีโครงการรวม 135 โครงการจากทุกธุรกิจ ในจำนวนนี้เป็นโครงการมิกซ์ยูสรวมทั้งสิ้น 30 โครงการ แต่ในอีกห้าปีข้างหน้าจะรวมเป็น 37 โครงการ จากทั้งหมด 44 ทำเลศักยภาพ
โดยโครงการรีเทลที่จะเปิดตัว 3 โครงการ ในปี 2568 ได้แก่ คอมมูนิตี้มอลล์ มาร์เก็ตเพลส เทพรักษ์ เปิดบริการ 28 มีนาคมนี้, เซ็นทรัล พาร์ค ทั้งศูนย์การค้าและออฟฟิศ เปิดสิงหาคมนี้ และเซ็นทรัล กระบี่ (งบการลงทุน 2,300 ล้านบาท) จะเป็นศูนย์การค้าต้นแบบด้าน Sustainable & Mindful Travel เตรียมเปิดให้บริการเดือนตุลาคมนี้
