สาธร ยูนีค ทาวเวอร์ ทำความรู้จักตึกเก่ารอดจากแผ่นดินไหวที่ขายได้ยากกว่าที่คิด

ความจริงปรากฏ เมื่อ ตามโพธ ต่อสุวรรณ ทายาทเจ้าของอาคารสาธร ยูนีค ทาวเวอร์ ได้ออกมาประกาศผ่านเฟซบุ๊ก ของตัวเองว่าไม่มีการประกาศขายอาคารสาธร ยูนีค ทาวเวอร์ แต่อย่างใด

การออกมาชี้แจงความจริงในครั้งนี้มาจากในไม่กี่วันที่ผ่านมามีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ สุภาพ มิ่งศิริ  นำกระแสการพูดถึง อาคารสาธร ยูนีค ทาวเวอร์ ที่ร้างกว่า 30 กว่าปี และไม่ได้รับผลกระทบจากแรงสั่นของแผ่นดินไหว มาปั่นกระแสผ่านเฟซบุ๊กตัวเองว่าเป็นนายหน้าประกาศขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างผืนนี้ ในราคา 4,000 ล้านบาท และเป็นการประกาศขายที่ปิดการขายได้อย่างรวดเร็วในไม่กี่วัน และในปัจจุบันสุภาพ มิ่งศิริ ได้ปิดเฟซตัวไปเป็นที่เรียบร้อย

เพราะถ้ามองในความเป็นจริงตลอดกว่า 30 กว่าปีที่อาคารสาธร ยูนีค ทาวเวอร์ ที่ถูปล่อยร้าง ได้มีสนใจซื้อหลายต่อหลายราย จากการประกาศขายของเจ้าหนี้รายใหญ่ แต่ก็ไม่สามารถปิดการขายได้สักราย ทั้งๆ ที่เป็นอาคารที่ทำเลดีอีกอาคารหนึ่ง ด้วยเหตุผลด้านกระบวนการกฎหมาย มีเจ้าหนี้ทั้งรายใหญ่ รายย่อย และอื่นๆ

 

เช่น

1.อาคารสาธร ยูนีค ทาวเวอร์ เป็นโครงการที่ติดเรื่องกฎหมาย และมีเจ้าหนี้เงินกู้ เจ้าหนี้เงินร่วม จำนวนมาก จากการเป็นอาคารสร้างเพื่อเป็นที่พักอาศัยกว่า 600 ยูนิค ที่ขายใบจองไปแล้วประมาณ 90% และด้านล่างเป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์เพื่อให้บริการกับลูกบ้าน ซึ่งถือเป็นภาระผูกพันตามกระบวนการกฏหมาย

2.อาคารสาธร ยูนีค ทาวเวอร์ ก่อสร้างในปี 2533 จากแบบในอนุญาตสร้างอาคารตามกฎหมายเก่า ที่มีความแตกต่างจากกฎหมายใบอนุญาตสร้างอาคารในปัจจุบัน เช่น ใบอนุญาตเก่าระบุให้อาคารมีพื้นที่ว่างรอบข้างอย่างน้อย 4 เมตร ส่วนใบอนุญาตใหม่ระบุให้มีพื้นที่ว่างรอบข้างอย่างน้อย 6 เมตร ซึ่งถ้า อ. รังสรรค์ ต่อสุวรรณ ผู้ขอในอนุญาตสร้างอาคารสาธร ยูนีค ทาวเวอร์ ไม่ให้ใบอนุญาตดังกล่าวกับผู้ซื้อรายใหม่ อาคารนี้จะต้องถูกทุบทิ้งเพราะมีรูปแบบการสร้างไม่ตรงกับใบอนุญาตสร้างอาคารในปัจจุบันที่ผู้ซื้อต้องขอใหม่ ซึ่งอาจจะไม่คุ้มกับการลงทุนเมื่อเทียบกับการซื้ออสังหาฯ แปลงอื่น ที่เป็นที่ดินเปล่า หรือที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่พร้อมพัฒนาต่อยอดได้

3.พื้นที่ของอาคารสาธร ยูนีค ทาวเวอร์ เป็นพื้นที่มีซอยตัดผ่านระหว่างสองตึก และซอยที่ตัดผ่านเป็นที่ดินที่มีโฉนดเป็นของครอบครัวต่อสุวรรณ ที่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งในแปลงโฉนดของอาคารสาธร ยูนีค ทาวเวอร์ ซึ่งถ้าผู้ซื้ออาคารไม่สามารถซื้อที่ดิน หรือขออนุญาตการใช้ที่ดินตรงซอยนั้นได้ จะกลายเป็นอุปสรรค์ในการพัฒนาต่อ เนื่องจากในอนุญาตของอาคารสาธร ยูนีค ทาวเวอร์ เป็นอาคารสองอาคารที่มีซอยกั้นระหว่างกลาง

 

และที่สำคัญตามโพธ โพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า  อ.รังสรรค์ ต่อสุวรรณ กับภรรยาต่อสู้ กับอาคารสาธร ยูนีค ทาวเวอร์ มาอย่างยาวนานกว่า 30 ปี กับกระบวนการฉ้อฉลยึดทรัพย์ภาคเอกชนผ่องถ่ายไปองค์กรข้ามชาติแล้วฟอกทรัพย์กลับมาเข้ามือกลุ่มทุนสามานที่เป็น deep state ของประเทศนี้

 

เพราะช่วงเวลาของการสร้างอาคารสาธรยูนีค ทาวเวอร์ ซึ่งเป็นอาคารที่จดทะเบียนในชื่อบริษัท สาธร ยูนีค จำกัด โดย อ.รังสรรค์ ต่อสุวรรณ สถาปนิกและนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่ต้องการสร้างอาคารที่พักอาศัยดีไซน์หรูจำนวน 49 ชั้น 600 ยูนิค จำหน่ายตารางเมตรละ 22,000 บาท เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าชาวไทยที่มีกำลังซื้อสูงจากเศรษฐกิจประเทศไทยอยู่ในช่วงฟองสบู่ ที่เสริมให้ผู้บริโภคนิยมครอบครองของหรูหรา เพื่อบ่งบอกฐานะของตัวเอง

การก่อสร้างอาคารสาธรยูนีค ทาวเวอร์ ได้ถูกชะงักครั้งแรกในปี 2535 จากสถาบันการเงินระงับการปล่อยเงินกู้หลังจาก อ.รังสรรค์  ต่อสุวรรรณ เจ้าของโครงการ ถูกคุมขังจากคดีอาญา และกลับปล่อยเงินกู้อีกครั้งเมื่ออ.รังสรรค์  ได้ถูกประกันตัวออกมา

จนในปี 2540 อาคารสาธรยูนีค ทาวเวอร์ ถูกสร้างเสร็จไปแล้วถึง 90% และขายในจองได้ถึง 90% แต่ด้วยวิกฤติต้มยำกุ้ง รัฐบาลปิดตัวสถานบันการเงินอย่างต่อเนื่อง และสถาบันการเงินที่เป็นคู่สัญญากับอาคารสาธรยูนีค ทาวเวอร์ คือหนึ่งในนั้น

จนเกิดกระบวนการยึดทรัพย์ที่สถาบันการเงินที่เป็นคู่สัญญากับอาคาร สาธร ยูนีค ทาวเวอร์ จนกลายเป็นคดีที่ยังคงหาทางจบไม่ลงของการซื้อขายอาคารนี้

อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ 
Website : Marketeeronline.co / Facebook : www.facebook.com/marketeeronline


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer