Trends / Honda ประกาศปรับแผนการลงทุนในรถอีวีครั้งใหญ่ หลังพบว่ายอดขายรถอีวีในสหรัฐฯ กำลังชะลอตัว โดยการตัดสินใจครั้งนี้ส่งผลให้ Honda ต้องยกเลิกเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะคิดเป็น 30% ของยอดขายทั่วโลกภายในปี 2030
จากแผนเดิมที่เคยตั้งงบลงทุนในรถอีวีไว้ที่ 10 ล้านล้านเยน (ราว 2.3 ล้านล้านบาท) ไปจนถึงสิ้นปีงบประมาณ 2031 Honda ได้ตัดสินใจลดการลงทุนดังกล่าวลงถึง 3 ล้านล้านเยน (ราว 6.8 แสนล้านบาท) เหลือเพียง 7 ล้านล้านเยน (ประมาณ 1.6 ล้านล้านบาท)
โทชิฮิโระ มิเบะ ซีอีโอ ของ Honda กล่าวว่านี่คือการเปลี่ยนแผน แต่ยังคงยืนยันว่าเป้าหมายระยะยาวในการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานไฟฟ้ายังคงเดิม เพียงแต่ต้องมีการปรับจังหวะเวลาให้เหมาะสมกับสถานการณ์ตลาด

Honda กล่าวในแถลงการณ์ว่า สภาพแวดล้อมที่รายล้อมอุตสาหกรรมยานยนต์กำลังเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละวัน ความไม่แน่นอนในสภาพแวดล้อมทางธุรกิจกำลังเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากการชะลอตัวของการขยายตัวของตลาดรถอีวีเนื่องจากปัจจัยหลายประการ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมแม้จะไม่มีการระบุถึงนโยบายของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยตรง แต่เป็นที่ทราบกันดีว่านโยบายด้านภาษีและการขาดความกระตือรือร้นต่อรถของเขาได้สร้างแรงกดดันต่อผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นอย่างมาก
จากสถานการณ์ดังกล่าว Honda จะหันมาให้ความสำคัญกับการผลิตรถไฮบริด มากขึ้น โดยโรงงานในเมืองแมรี่ส์วิลล์ รัฐโอไฮโอ ของสหรัฐฯ จะถูกปรับเปลี่ยนให้สามารถผลิตได้ทั้งรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ไฮบริด
ซีอีโอ ของ Honda ยังได้เน้นย้ำถึงธุรกิจรถจักรยานยนต์ ซึ่งเป็นจุดแข็งหลักของ Honda โดยยังคงมีการเติบโตของยอดขายในอินเดียและส่วนแบ่งตลาดโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ Honda ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเสริมสร้างความปลอดภัย รวมถึงระบบขับขี่อัตโนมัติ ที่มีเป้าหมายระยะยาวคือการลดการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจรให้เป็นศูนย์อีกด้วย
ความเคลื่อนไหวดังกล่าว นอกจากมีขึ้นจากการชะลอตัวของตลาดรถอีวีในช่วงเปลี่ยนผ่านจากเครื่องยนต์สันดาปที่ใช้น้ำมันแล้ว ยังมาจากการที่ Honda เองก็ปรับตัวเข้าสู่รถพลังงานไฟฟ้าค่อนข้างช้า โดยพัฒนารถอีวีออกมาช้า และยังผลิตรถไฮบริดออกมาได้ไม่ทันความต้องการของตลาดอีกด้วย

ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า Honda ไม่สามารถระบุได้ว่าผู้ที่ซื้อรถไฮบริดในญี่ปุ่นและประเทศแถบอเมริกาเหนือต้องรอนานแค่ไหนกว่าจะได้รถไปขับ คล้ายกับที่ค่ายรถญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และอเมริกัน ต่างก็ผลิตรถอีวีออกมาไม่ทันความต้องการจนผู้ซื้อต้องรอรถนานเช่นกัน/japantoday
–
