ขณะที่ BTS ใกล้จะปลดประจำการจากกรมทหารและเตรียมคัมแบ็กครบวง หลังปล่อยให้แฟนคลับรอคอยมานาน แต่ขณะนี้ต้นสังกัดของวงอย่าง HYBE กลับกำลังเผชิญความปั่นป่วนภายใน เมื่อประธานบังชีฮยอกกำลังถูกสอบสวนโดยหน่วยงานบริการกำกับดูแลทางการเงิน (FSS) ซึ่งเหตุการณ์นี้สร้างความกังวลให้เหล่าแฟนคลับว่าจะส่งผลกระทบต่อการคัมแบ็คของ BTS
ตามการรายงานของสื่อท้องถิ่น หน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินกำลังดำเนินการสืบสวนข้อสงสัย ที่บังชีฮยอกหลอกลวงนักลงทุนในช่วงแรกระหว่างก่อน IPO ในปี 2019
โดยรายงานระบุว่าผู้สืบสวนได้รับหลักฐานว่าบังชีฮยอกแจ้งให้นักลงทุนทราบเป็นการส่วนตัวว่าการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นั้นไม่น่าจะเกิดขึ้น แม้ว่าจะดำเนินการเพื่อดำเนินการ IPO ต่อไปแล้วก็ตาม
ในช่วงเวลาดังกล่าว บังชีฮยอกถูกกล่าวหาว่าแอบทำข้อตกลงแบ่งกำไรกับกองทุนไพรเวทอิควิตี้ที่มีความสัมพันธ์กับคนรู้จัก และได้เงินไปประมาณ 400,000 ล้านวอน (10,000 ล้านบาท) หลังจากเปิดตัวหุ้น HYBE ในปี 2020
โดยที่ข้อตกลงเหล่านี้ไม่เคยถูกเปิดเผยในเอกสารทางการของ HYBE ซึ่งถือเป็นการละเมิดกฎหมายตลาดทุนของเกาหลี
แม้ว่าทั้ง HYBE และ FSS จะยังไม่ยืนยันรายละเอียดของการสอบสวน แต่ทั้งสองฝ่ายก็ไม่ได้ออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าว ทำให้เกิดการคาดเดาว่าจะมีการดำเนินคดีอย่างเป็นทางการในเร็วๆ นี้
นอกจากนี้ยังมีข่าวว่า FSS กำลังพิจารณาส่งคดีนี้ไปยังอัยการโดยใช้กระบวนการเร่งด่วน และยังมีรายงานว่าตำรวจกำลังดำเนินการสอบสวนแยกกัน
ประเด็นดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงของค่ายอย่างมหาศาล ขณะเดียวกันสมาชิกทั้ง 7 คนกำลังจะกลับมารวมตัวทำกิจกรรมกันอีกครั้งในช่วงปลายปีนี้ โดยสมาชิกทั้งหมดจะเสร็จสิ้นการรับราชการทหารภาคบังคับภายในวันที่ 21 มิถุนายนนี้ คนสุดท้ายที่ปลดประจำการคือ Suga BTS
จิน สมาชิกที่อาวุโสที่สุดของวง BTS เข้ากรมไปในเดือนธันวาคม 2022 ตามด้วยเจโฮป และสมาชิกคนอื่นๆ ซึ่งล่าสุดจินและเจโฮปปลดประจำการแล้ว ขณะที่ RM และ V ปลดประจำการไปเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน ตามด้วยจองกุกและจีมินที่ปลดประจำการไปวันที่ 11 มิถุนายน และชูก้าจะปลดประจำการ 21 มิถุนายนนี้
BTS ถือเป็นวงผู้สร้างรายได้หลักให้แก่ HYBE สามารถพูดได้ว่า HYBE ไม่ได้สร้าง BTS แต่ BTS ต่างหากเป็นคนสร้าง HYBE
ดังนั้น เมื่อมีข่าวการกลับมาครบวงของ BTS เมื่อวันที่ 10 ที่ผ่านมาซึ่งเป็นช่วงที่ RM และ V ปลดประจำการจากกองทัพ ราคาหุ้น HYBE ปิดที่ 309,000 วอน เพิ่มขึ้น 2.32% เมื่อเทียบกับวันซื้อขายก่อนหน้า ซึ่งถือเป็นราคาปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2022
ราคาหุ้นของ HYBE พุ่งแตะระดับ 301,000 วอนเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2023 ก่อนที่จะผันผวนหลายครั้งและลดลงเหลือ 158,000 วอนเมื่อวันที่ 23 กันยายนของปีที่แล้ว
เมื่อวันที่ 11 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่จีมินและจองกุกปลดประจำการ หุ้น HYBE ปิดตัวลดลงเล็กน้อย โดยลดลง 2.83% จากวันก่อนหน้าที่ราคา 300,250 วอน
อย่างไรก็ตาม มีความกังวลเพิ่มมากขึ้นเช่นกันว่าข่าว บัง ซีฮยอก ผู้ก่อตั้งและประธานบริษัท อาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อหุ้น แต่ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อแผนการคัมแบ็คของ BTS ได้
เนื่องจากเป็นประเด็นส่วนตัวของบังชีฮยอก และไม่เกี่ยวข้องกับ BTS โดยตรง เพราะสมาชิกแต่ละคนได้สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองในระดับสากลด้วยการออก Solo และได้ผลตอบรับอย่างดีจากทั่วโลก ประเด็นนี้จึงอาจสร้างรอยด่างพร้อยให้กับประวัติของบริษัท แต่ไม่กระทบต่อ BTS อย่างแน่นอน
ทันทีที่คัมแบ็ค HYBE ก็จัดงาน “2025 BTS FESTA” ที่ KINTEX ในเมืองโกยาง จังหวัดคยองกี
อย่างไรก็ดี HYBE ถือเป็นค่ายเพลงเคป็อปยักษ์ใหญ่ที่ไม่ได้มีเพียง BTS แต่ยังมีค่ายลูกที่เป็นสังกัดของวงดังอื่นอีกมากมายอย่าง Seventeen, TXT และ Enhypen บริษัทรายงานรายได้ในไตรมาสแรกสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เพิ่มขึ้น 39% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน มียอดขายมากกว่า 500,000 ล้านวอน (12,000 ล้านบาท) โดยที่ 322,500 ล้านวอน หรือประมาณ 64% มาจากการขายแบบมีส่วนร่วมโดยตรง รวมถึงอัลบั้ม คอนเสิร์ต และโฆษณา
และการจัด World Tour ด้วยตารางที่อัดแน่นของศิลปินยังสร้างเงินให้บริษัทได้มหาศาล แผนกคอนเสิร์ตสร้างรายได้ 155,200 ล้านวอน ซึ่งมากกว่าตัวเลขสามเท่าจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
แต่เรื่องนี้ก็ทำให้แฟน ๆ เกิดความไม่พอใจ เนื่องจากมองว่าบริษัทใช้งานศิลปินหนักเกินไป เนื่องจากไตรมาสแรกมักจะเป็นช่วงที่เงียบเหงาของวงการ K-pop เพราะศิลปินหลายคนจะพักผ่อนหลังจากโปรโมตช่วงปลายปีและเตรียมพร้อมสำหรับโปรเจกต์ใหม่ แต่ HYBE กลับไม่ให้พวกเขาหยุด โดยจัดตารางออกทัวร์อัดแน่น
นอกจากนี้ การเร่งผลักดันบริษัทบันเทิงเข้าสู่ตลาดจีนยังกลายเป็นปัจจัยบวกอีกประการหนึ่งที่ส่งผลต่อหุ้นของบริษัท
HYBE ได้ก่อตั้งสาขาต่างประเทศแห่งที่ 4 คือ HYBE China ที่ปักกิ่งเมื่อวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา เป็นประโยชน์จากการผ่อนปรนมาตรการแบนเนื้อหาทางวัฒนธรรมเกาหลีอย่างไม่เป็นทางการของจีน
คาดว่า HYBE และบริษัทบันเทิงหลักของเกาหลีรายอื่นๆ จะได้รับประโยชน์จากจุดนี้ไปด้วย
แต่แม้ว่าบริษัทจะมีแนวโน้มไปได้สวย แต่ความเสี่ยงที่เกิดจาก การสอบสวนยังคงส่งผลกระทบต่อบริษัท ยิ่งถ้าบังชีฮยอกพิสูจน์ไม่ได้ว่าตนไม่มีความผิด ประธานบริษัทท่านนี้ก็อาจต้องเผชิญกับบทลงโทษที่รุนแรงถึงขั้นโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปีถึงจำคุกตลอดชีวิต เนื่องจากเป็นการแสวงหากำไรผิดกฎหมายจำนวนมหาศาล
