ศุภาลัย ลุยตลาดที่อยู่อาศัยต่างจังหวัด เน้นลงลึกเพื่อเข้าใจลูกค้าแต่ละจังหวัด เคารพวิถีของคนในพื้นที่ มุ่งมั่นลงทุนระยะยาว

เกมการแย่งชิงเป็นเจ้าของพื้นที่ในตลาดที่อยู่อาศัยต่างจังหวัดของผู้ประกอบการบิ๊กแบรนด์จากกรุงเทพฯ นับวันจะยิ่งเพิ่มดีกรีความร้อนแรง

ไม่ใช่เรื่องง่าย แม้จะดูเหมือนว่าที่ดินราคายังไม่แพงมาก คู่แข่งน้อย แต่ในความเป็นจริง ตลาดภูธรเป็น “สนามปราบเซียน”

ศุภาลัยคือเจ้าตลาดรายใหญ่รายหนึ่งที่เปิดฉากลุยในตลาดต่างจังหวัดมาอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีใน 30 จังหวัดทั่วประเทศไทย

มีโครงการทั้งหมด 460 โครงการ กำลังอยู่ในระหว่างก่อสร้างประมาณ 266 โครงการ เป็นแนวราบประมาณ 80% เป็นคอนโด 20%

สำหรับปี 2568 บริษัทฯ วางเป้าหมายยอดขายไว้ที่มูลค่ารวม 46,000 ล้านบาท โดยตลาดในต่างจังหวัดเพิ่มขึ้นเป็น 43% ของเป้าการขายรวม

ไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการบริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ยืนยันกับ Marketeer ว่า การที่ศุภาลัยครองตลาดต่างจังหวัดได้ดีต่อเนื่อง มาจากแนวคิดหลัก ๆ ในหลาย ๆ เรื่อง เช่น

เมื่อลงทุนในจังหวัดไหนแล้ว ต้องทำให้ต่อเนื่องและยั่งยืน โดยมีแนวทางการทำงานแบบ “One Way – No Return” ไม่ใช่แค่เปิดโครงการเดียวแล้วจากไป แต่จะพัฒนาอย่างต่อเนื่อง สร้างฐานลูกค้า สร้างแบรนด์ และสร้างความมั่นใจระยะยาวแก่คนในพื้นที่

ในแต่ละจังหวัดก็ลงทุนเต็มที่ (Fully Invest) ไม่ใช่แค่ทดลองตลาด

ก่อนทำโครงการใหม่ในจังหวัดไหน จะใช้เวลาศึกษาพื้นที่อย่างละเอียด เช่น เคยศึกษาตลาดเชียงใหม่ยาวนานกว่าหนึ่งปีกว่าจะตัดสินใจซื้อที่ดิน

เขาบอกว่า Local Knowledge คือหัวใจสำคัญ แม้ศุภาลัยจะมีระบบบริหารมืออาชีพ แต่ก็ยอมรับว่า “คนท้องถิ่นรู้ดีที่สุด”

ดังนั้น แนวทางการทำธุรกิจของศุภาลัยในต่างจังหวัดจะผสมผสานความเข้าใจวิถีชีวิตท้องถิ่น (Local Life) เข้ากับระบบบริหารแบบมืออาชีพ (Professional) ได้อย่างลงตัว

จุดอ่อนของดีเวลลอปเปอร์จากส่วนกลางคือไม่เข้าใจพื้นที่เท่าผู้เล่นในท้องถิ่น ซึ่งบางรายเป็นทั้งผู้ขายวัสดุก่อสร้างและเจ้าของโครงการเองด้วย

ศุภาลัยจึงวางแผนรอบด้าน

ศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคในพื้นที่อย่างละเอียด สร้างเครือข่ายคุณภาพระดับจังหวัด จัดตั้งระบบซัพพลายเชนของตนเอง เพื่อควบคุมต้นทุนทั่วประเทศให้สม่ำเสมอ เลือกซื้อวัสดุก่อสร้างเองทั้งหมด เพื่อให้ได้ต้นทุนที่ดีที่สุดและควบคุมคุณภาพได้

ผู้ประกอบการท้องถิ่นอาจจะซื้อที่ดินเก็บมานานแล้วก็ได้ ศุภาลัยก็อาจสู้ไม่ได้ ดังนั้นต้องสู้ด้วยความเป็น Professional การบริหารจัดการโครงการแบบบ้านที่ดี

ในขณะเดียวกัน เมื่อลงไปทำโครงการในต่างจังหวัด บริษัทสามารถได้คนท้องถิ่นโดยไม่ต้องหาเพิ่ม เพราะพนักงานของศุภาลัยที่เติบโตจากกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่มาจากต่างจังหวัด เมื่อบริษัทขยายไปพื้นที่เหล่านั้น พนักงานที่ต้องการกลับบ้านเกิดจึงมาร่วมทีมโดยสมัครใจ

ข้อดีที่ตามมาก็คือ ได้ทีมที่รู้พื้นที่ดี ได้มุมมองแบบ “Local Rate” ในการเลือกทำเล เข้าใจรายละเอียดเฉพาะถิ่น เช่น รู้ว่าแยกไหนคนนิยม ป้ายควรติดตรงไหน จังหวัดนี้งานใหญ่คืองานอะไร ควรออกบูธช่วงไหน คาแรกเตอร์คนพื้นที่เป็นแบบไหน

หรือที่ภูเก็ต เช้าวันอาทิตย์ลูกค้าส่วนใหญ่จะพักผ่อน ไม่ค่อยออกมาหาซื้อบ้าน

ที่อีสาน ช่วงเข้าพรรษาคนจะไม่นิยมโอนบ้าน เพราะนิมนต์พระมาทำบุญบ้านลำบาก

ในจังหวัดชลบุรี โครงการในซอยขายดีกว่าริมถนนใหญ่ เพราะการจราจรที่จอแจเสียงดัง

สิ่งเหล่านี้เราไม่สามารถเดาได้ ต้องรู้จริงถึงจะทำตลาดได้ถูก

หากไม่มีคนจากส่วนกลางอยู่ในพื้นที่นั้น ๆ ก็ไม่ส่งทีมจากกรุงเทพฯ ไปควบคุม แต่สร้างทีมท้องถิ่นของจริง
เช่น ใช้พนักงานจากภาคเหนือในพื้นที่ภาคเหนือ ที่สามารถพูดภาษาถิ่น สื่อสารง่าย

นอกจากจังหวัดใหญ่ในแต่ละภาค ศุภาลัย ทุกวันนี้ยังบุก “จังหวัดรอง” เพราะเห็นศักยภาพ เช่น สุพรรณบุรี ที่ต่อไปเมืองไม่เล็กอีกต่อไป ลพบุรี เป็นเมืองที่กำลังขยายต่อจากสระบุรี รวมทั้งลำพูน ที่เป็นเมืองรองที่ใกล้เชียงใหม่มาก

หลังจากไปลงทุนทำโครงการที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีมาหลายโครงการ ปีที่ผ่านมา ศุภาลัยก็ไปเปิดโครงการแรกที่สมุย

ที่ตั้งเป้าหมายว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของ New S-Curve ที่แม้ยอดขายจะเริ่มจากศูนย์ แต่คาดว่าจะเติบโตอย่างรวดเร็วจากศักยภาพของเกาะ

ดังนั้น ความสำเร็จของศุภาลัย ไม่ได้มาจากแค่เงินทุนหรือแบรนด์ของบริษัทมหาชนจากกรุงเทพฯ

แต่เกิดจากการ ลงลึกเพื่อเข้าใจลูกค้าแต่ละจังหวัด เคารพวิถีของคนในพื้นที่ มุ่งมั่นลงทุนระยะยาว ไม่หวังผลแค่ชั่วคราว

เป็นการผสมผสาน “โลคอลไลฟ์” กับ “โปรเฟสชันแนล” ที่กลายเป็นสูตรสำเร็จของศุภาลัย

อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ 
Website : Marketeeronline.co / Facebook : www.facebook.com/marketeeronline


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer