ในยุคดิจิทัลที่โซเชียลมีเดียกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน อาหารเลยไม่ได้เป็นเพียงสิ่งที่เรารับประทานเพื่อความอิ่มอีกต่อไป แต่ยังกลายเป็นสัญลักษณ์ของไลฟ์สไตล์ แฟชั่น และการแสดงออกถึงตัวตน การตลาดอาหารในยุคนี้จึงต้องปรับตัวให้เข้ากับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
นั่นเป็นเพราะโซเชียลมีเดียกลายเป็นช่องทางหลักที่ผู้บริโภคใช้ในการค้นหาและแชร์ประสบการณ์เกี่ยวกับอาหาร จากข้อมูลของ Statista พบว่า กว่า 70% ของผู้บริโภคพึ่งพาโซเชียลมีเดียในการค้นหาอาหารและร้านอาหารใหม่ๆ
ส่งผลให้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียยอดฮิตอย่าง Instagram, TikTok และ Facebook เต็มไปด้วยภาพถ่ายอาหารที่น่ารับประทาน วิดีโอการทำอาหาร และรีวิวร้านอาหาร ซึ่งทั้งหมดนี้มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของผู้บริโภคอย่างมาก
และเมื่อแพลตฟอร์มเหล่านี้ได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้น ก็ส่งผลให้อินฟลูเอนเซอร์ได้กลายเป็นผู้ทรงอิทธิพลในวงการอาหาร โดยเฉพาะอินฟลูเอนเซอร์ด้านอาหารที่มีบทบาทสำคัญในการกำหนดเทรนด์และพฤติกรรมการบริโภค เนื่องจากพวกเขาสามารถทำให้เมนูหรือผลิตภัณฑ์อาหารกลายเป็นที่นิยมในชั่วข้ามคืน นั่นเอง
จึงเป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลกใจเลยว่า ทำไมแบรนด์อาหารจึงหันมาร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์กลุ่มนี้เพื่อโปรโมตผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ โดยใช้ความน่าเชื่อถือและความสัมพันธ์ที่อินฟลูเอนเซอร์มีต่อผู้ติดตามในการสร้างความไว้วางใจและกระตุ้นยอดขายกันมากขึ้น
นอกจากนี้ การตลาดแบบเน้นภาพและวิดีโอยังได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้น เนื่องจากในยุคที่โซเชียลมีเดียได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้น เราก็ได้ “ทานอาหารด้วยตา” กันมากขึ้นเป็นเท่าตัว ทำให้การนำเสนอภาพถ่ายและวิดีโออาหารที่สวยงามและน่ารับประทานกลายเป็นหัวใจของการตลาดอาหาร
ส่งผลให้ภาพอาหารที่มีการจัดวางอย่างพิถีพิถัน และวิดีโอการทำอาหารที่น่าสนใจสามารถกระตุ้นความอยากอาหารและสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้บริโภคทดลองเมนูใหม่ ๆ อยู่เสมอ
ยิ่งไปกว่านั้น การใช้วิดีโอสั้น ๆ ที่แสดงขั้นตอนการทำอาหารอย่างรวดเร็วและเข้าใจง่ายยังเป็นที่นิยมอย่างมากในแพลตฟอร์มอย่าง TikTok และ Instagram Reels อีกด้วย
ส่วนในเรื่องของเทรนด์อาหารและพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ จะเห็นได้ชัดว่าผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความสำคัญกับสุขภาพ ความยั่งยืน และความเป็นเอกลักษณ์ของอาหารมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้เทรนด์อาหารที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันจะเป็นพวกอาหารจากพืช (plant-based) อาหารที่มีโปรตีนสูง หรืออาหารที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ
นอกจากนี้ ผู้บริโภคยังมองหาอาหารที่มีความเป็นเอกลักษณ์ และสามารถแสดงออกถึงตัวตนของตนเองผ่านการเลือกบริโภคอาหารที่สอดคล้องกับค่านิยมและไลฟ์สไตล์ของตนอีกด้วย
ทำให้การตลาดอาหารในยุคโซเชียลมีเดียไม่เพียงแต่จะต้องเน้นการโปรโมตผลิตภัณฑ์เท่านั้น แต่ยังต้องมุ่งเน้นไปยังการสร้างประสบการณ์และการมีส่วนร่วมของผู้บริโภค โดยแบรนด์อาหารควรใช้กลยุทธ์ต่าง ๆ เช่น การจัดกิจกรรมออนไลน์ การเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ หรือการสร้างคอนเทนต์ที่ผู้บริโภคสามารถมีส่วนร่วมได้
แต่ถึงแม้ว่าโซเชียลมีเดียจะเปิดโอกาสใหม่ ๆ ในการตลาดอาหารแล้ว แต่ก็มีความท้าทายที่ต้องเผชิญอยู่ดี เช่น การจัดการกับข้อมูลที่ผิดพลาด การรักษาความน่าเชื่อถือ และการตอบสนองต่อความต้องการที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของผู้บริโภค
อย่างไรก็ตาม แบรนด์อาหารที่สามารถปรับตัวและใช้ประโยชน์จากโซเชียลมีเดียอย่างมีประสิทธิภาพ จะสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับผู้บริโภค และเติบโตอย่างยั่งยืนในยุคดิจิทัลนี้อย่างมีประสิทธิภาพ
เรื่อง : ภริดา มุทิตาภรณ์
ที่มา :
https://www.statista.com/statistics/1490129/gen-z-social-media-recommendations-us-and-uk/


