Meb แพลตฟอร์ม E-book ที่เข้าใจ Pain Point นักอ่าน พร้อมการันตีว่า หนังสือของคุณคือของคุณจริงๆ
E-book ที่ซื้อไปเป็นของเราจริงไหม? ถ้าแพลตฟอร์มปิดจะเกิดอะไรขึ้น?
คำถามนี้กลายเป็นประเด็นร้อนทันทีหลัง Kakao Thailand ประกาศปิดตัวลง ทำให้ผู้ใช้กังวลถึงชะตากรรมของ E-book ที่ตนเองได้ซื้อไว้ เพราะนี่ไม่ใช่แค่การสูญเสียเงิน แต่หมายถึงการสูญเสียหนังสืออันมีค่าที่นักอ่านสะสมไว้
เพื่อให้เกิดความกระจ่างและลดความกังวลใจ Marketeer ได้สัมภาษณ์พิเศษกับ รวิวร มะหะสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เมพ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อMeb ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม E-book ชั้นนำของประเทศไทย เพื่อไขข้อสงสัยและสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค
.
E-book คือการซื้อขาด ไม่ใช่การเช่า
รวิวรยืนยันหนักแน่นว่า E-book บนแพลตฟอร์ม Meb ไม่ใช่การเช่า แต่เป็นการซื้อขาดจริงๆ
“ลูกค้าคือเจ้าของ E-book อย่างเต็มที่”
โดยแพลตฟอร์ม Meb ทำหน้าที่เป็นตัวกลางที่ช่วยในการจัดการและดูแลเนื้อหาอย่างถูกลิขสิทธิ์เท่านั้น
Mebทำหน้าที่เป็นตัวกลางดูแลเนื้อหาอย่างถูกลิขสิทธิ์ การจำกัดให้อ่านผ่านแอปหรือแพลตฟอร์มเฉพาะเป็นการป้องกันละเมิดลิขสิทธิ์ คล้ายกับการซื้อเกมบน Steam, แอปจาก iOS หรือแผ่นเกม PlayStation ที่มีข้อจำกัดการใช้งานผ่านแพลตฟอร์มเฉพาะ
.
แล้วถ้าแพลตฟอร์มปิดตัวลงล่ะ? ลูกค้าจะถูกลอยแพไหม?
รวิวรได้อธิบายถึงแนวทางของแพลตฟอร์มโดยทั่วไป ซึ่งส่วนใหญ่จะระบุใน Term of Service ไว้อย่างชัดเจนว่าหากมีการปิดบริการ ลูกค้าจะไม่สามารถเข้าถึงเนื้อหาที่ซื้อไว้ได้อีก ซึ่งเป็นข้อกำหนดที่ลูกค้าหลายคนมักละเลยที่จะอ่านให้ละเอียด แต่สำหรับMeb บริษัทมีแนวทางที่แตกต่างและเป็นมิตรกับผู้ใช้อย่างชัดเจน
“Mebไม่เคยมีแนวคิดที่จะลอยแพลูกค้า”
โดยไม่ได้ระบุเงื่อนไขในการทิ้งลูกค้าไว้ใน Term of Service และยังเตรียมแผนรองรับอย่างรัดกุม ด้วยการจัดสรรเงินทุนและทรัพยากรต่างๆ ไว้อย่างเหมาะสม เพื่อให้ลูกค้ายังสามารถเข้าถึง E-book ที่ซื้อไว้ได้อย่างต่อเนื่อง
และในกรณีจำเป็นจริงๆ ลูกค้าสามารถดาวน์โหลดไฟล์อ่านแบบออฟไลน์ได้ โดยไฟล์จะถูกเข้ารหัสแน่นหนา เปิดได้ด้วยแอปพลิเคชันแม้ไม่เชื่อมต่อเซิร์ฟเวอร์
.
ความมั่นคงของแพลตฟอร์ม สำคัญไม่น้อยกว่าการแข่งขันเรื่องราคา
รวิวรระบุชัดเจนว่าเข้าใจดีถึง Pain Point ของผู้บริโภค ที่กังวลว่า “ซื้อ E-book แล้ววันหนึ่งแพลตฟอร์มปิดตัวไป จะยังสามารถเข้าถึงเนื้อหาที่ซื้อไว้ได้หรือไม่?”
โดยเน้นย้ำว่าความน่าเชื่อถือและความมั่นคงคือจุดแข็งสำคัญของMeb
ซึ่งแม้ในปัจจุบันการแข่งขันด้านราคาในตลาด E-book จะรุนแรงมาก จนอาจทำให้ลูกค้ามองข้ามเรื่องความมั่นคงไปบ้าง แต่ในระยะยาว ความมั่นคงนี้จะเป็นสิ่งที่ลูกค้าควรพิจารณาอย่างจริงจัง
“เราทำแพลตฟอร์ม E-book มา เรารู้ว่าคนซื้อกังวลเรื่องแอปปิดตัวแล้วจะอ่านยังไง ความกังวลนี้เป็นสิ่งที่เราต้องตอบโจทย์ และอยู่ในความคิดของเรามาตลอด”
“ทุกวันนี้แพลตฟอร์ม E-book เนี่ยมีเยอะแยะ ทำไมคนถึงต้องเลือกเรา เราก็จะบอกว่าความน่าเชื่อถือ ซึ่งอาจจะไม่สามารถสื่อออกมาได้ตรงๆ แต่ในวันที่เกิดเหตุไม่คาดฝันเราก็พร้อมที่จะดูแลลูกค้า”
“เพราะผมเป็นคนอ่านหนังสือเยอะมาก ซื้อมาจนที่บ้านก็ไม่มีที่เก็บ การมี E-book จึงตอบโจทย์ ทำให้ ‘การดูแลลูกค้า’ กลายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเรา”
การที่ Meb เป็นบริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์ ยิ่งแสดงให้เห็นถึงความโปร่งใสและความมั่นคงทางการเงิน เพราะต้องผ่านมาตรฐานการตรวจสอบที่เข้มงวดจากหน่วยงานภายนอก และบริษัทยังมีการดำเนินธุรกิจอย่างรอบคอบ ไม่เสี่ยงจนเกินไป
พร้อมกับมีเงินสำรองที่เพียงพอต่อการรองรับความเสี่ยงทางธุรกิจ เพื่อให้ลูกค้าสบายใจได้ว่า E-book ที่ซื้อไปจะปลอดภัย แม้จะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
โดยในงบการเงินของ บริษัท เมพ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ก็แสดงความแข็งแกร่งนี้ให้เราเห็นโดย
- ในปี 2567 มีรายได้ 2.2 พันล้านบาท กำไร 440 ล้านบาท
- ในไตรมาส 1 ปี 2568 มีเงินสดอยู่ 1.4 พันล้านบาท และไม่มีหนี้จากสถาบันการเงินหรือหุ้นกู้เลย
ดังนั้น สำหรับนักอ่านMeb ทกท่านสามารถสบายใจได้เลยว่า E-book ที่ท่านซื้อไป จะยังคงเป็นของท่าน และสามารถอ่านได้อย่างแน่นอน แม้ในวันที่แพลตฟอร์มอาจต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดก็ตาม ♦
Website : Marketeeronline.co /
