“แอนดี้” สาวชาวแคนาดา เริ่มหันมาใช้แอปพลิเคชันฟิตเนส ซึ่งระบบก็แนะให้เธอเพิ่มปริมาณโปรตีนอย่างจริงจัง แต่ความท้าทายคือทำอย่างไรที่จะเพิ่มโปรตีนโดยไม่เพิ่มแคลอรีตามไปด้วย 

ทว่าไม่นานเธอก็พบทางออก เพราะเมื่อไปตามซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านสะดวกซื้อก็พบว่า มีอาหารและเครื่องดื่มแบบโปรตีนสูงให้เลือกมากมาย ตั้งแต่พาสต้า นม และโยเกิร์ต ไปจนถึงกาแฟ และรสชาติก็ไม่ต่างจากอาหาร-เครื่องดื่มปกตินัก 

อาหารโปรตีนสูงยังมีเพิ่มเข้ามาในเมนูของร้านอาหารแถบละแวกบ้านอีกด้วย นี่จึงทำให้แอนดี้เติมโปรตีนในทุกมื้อ โดยไม่ต้องห่วงอีกต่อไป 

เรื่องราวของแอนดี้สะท้อนให้เห็นถึงกระแส “คลั่งโปรตีน” (high-protein craze) และขาขึ้นของอาหาร-เครื่องดื่มประเภทนี้ ที่กำลังกลายเป็นเทรนด์ ไม่ว่าจะเป็นบนชั้นวางในซูเปอร์มาร์เก็ตหรือในเมนูร้านอาหาร 

ข้อมูลจาก NielsenIQ ระบุว่า ในสหรัฐอเมริกา ยอดขายผลิตภัณฑ์ที่ติดป้ายว่า โปรตีนสูง เติบโตขึ้นถึง 4.8% ในช่วงระหว่างเดือนมีนาคม 2024 ถึงมีนาคม 2025 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้านั้น 

ความน่าสนใจของเรื่องนี้ไม่หมดแค่นั้น เพราะการหันมากินอาหารโปรตีนสูง เป็นปัจจัยหลักที่ส่งให้นมวัวกลับมาได้รับความนิยม โดยเฉพาะ “นมน้ำเหลืองของวัว” (Bovine Colostrum) ซึ่งเป็นนมวัวแรกคลอดที่อุดมด้วยโปรตีน 

ท่ามกลางข้อมูลของกระทรวงเกษตรของสหรัฐฯ ที่ว่า ปี 2024 ถือเป็นปีแรกนับตั้งแต่ปี 2009 ที่การบริโภคนมวัวเพิ่มขึ้น ขณะที่การหันมาใส่ใจสุขภาพและการบริโภคเวย์โปรตีน ซึ่งก่อนหน้าที่เคยถูกมองข้ามเพราะเป็นผลพลอยได้จากการผลิตชีส ก็เป็นอีกปัจจัยที่หนุนให้ตลาดอาหาร-เครื่องดื่มโปรตีนสูงโต 

ส่วนหลักฐานยืนยันถึงการเติบโตนี้คือ เวย์โปรตีน ได้เปลี่ยนไปเป็นอุตสาหกรรมมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์และยังคงเติบโตไม่หยุดอีกด้วย พร้อมกับการรุกตลาดเวย์โปรตีนของช็อกโกแลต Hershey หลังเห็นมูลค่าตลาดมหาศาลดังกล่าว 

ทว่าขาขึ้นดังกล่าวก็เกิดขึ้นสวนทางผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพอีกประเภท โดยนมทางเลือกจากพืช (Plant-based) กลับขายไม่ดี ขณะที่ส่วนแบ่งทางการตลาดของนมอัลมอนด์ก็ลดลงไปอย่างมาก 

บนโลกออนไลน์ก็สะท้อนภาพเดียวกัน โดยเมื่อปี 2020 ยอดค้นหาคำว่า “นมโอ๊ต” บน Google ในสหรัฐฯ เคยสูงกว่า “นมวัว” แต่ในปี 2025 สถานการณ์กลับตาลปัตร ผู้คนหันมาค้นหานมวัวชนิดต่างๆ มากขึ้นกว่าเดิม เหตุผลหนึ่งอาจเป็นเพราะผู้บริโภคมองว่าผลิตภัณฑ์จากวัวมีความเป็น “ธรรมชาติ” มากกว่า 

ข้อมูลจาก NielsenIQ ชี้ว่ามูลค่าตลาดนมวัวทั่วโลกกำลังคึกคัก โดยมูลค่าตลาดสูงถึง 69,300 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2.2 ล้านล้านบาท) สูงกว่าตลาดนมทางเลือกเกือบ 8 เท่า จนทำให้บริษัทผู้ผลิตนม Plant-based ปรับตัว ด้วยการชูเรื่องโปรตีนบนฉลากให้เด่นขึ้น และปรับสูตรเพื่อเพิ่มปริมาณโปรตีนให้มากขึ้น 

อย่างไรก็ตามเทรนด์นี้ก็มาพร้อมข้อกังวล ประเด็นพึงระวังที่ผู้บริโภคต้องใช้ความรอบคอบมากขึ้นเมื่อซื้ออาหาร-เครื่องดื่มแปะป้ายโปรตีนสูง 

ด้านนักโภชนาการเห็นตรงกันว่าเรื่องนี้น่ากังวลเพราะ คนส่วนใหญ่ในประเทศที่พัฒนาแล้วต่างก็บริโภคโปรตีนเกินความจำเป็นอยู่แล้ว และผู้บริโภคกำลังถูกหลอกให้คิดว่าแค่มีคำว่า ‘โปรตีนสูง’ บนฉลากก็แปลว่าดีต่อสุขภาพ จริงๆ แล้วมันเป็นแค่ภาพลวงตาทางสุขภาพ (health halo) อีกอย่างหนึ่งที่เพิ่มเข้ามา 

โดยแม้การบริโภคโปรตีนมากเกินไปจะไม่เป็นอันตรายต่อคนส่วนใหญ่ แต่ ดร. อามาติ เตือนว่า การได้รับโปรตีนเกินกว่าที่ร่างกายต้องการในช่วงวัยกลางคน อาจทำให้ความเสี่ยงเป็นมะเร็งเพิ่มขึ้น 

ขณะเดียวกันอาจกระทบต่อเงินในกระเป๋าทุกครั้งที่ซื้อ เพราะการแปะป้ายว่าโปรตีนสูง ผู้ผลิตจึงสามารถขึ้นราคาได้ โดยแม้จ่ายเพิ่มไม่มาก แต่เมื่อขายผลิตภัณฑ์เหล่านี้ได้มหาศาล จึงแปรเป็นกำไรก้อนใหญ่ ซึ่งผู้ตกเป็นเหยื่อของแผนฟันกำไรนี้ ก็คือผู้บริโภคทั่วไป รวมถึงบรรดาสายเฮลตี้ที่ขาดความรอบคอบนั่นเอง 

รายงานชิ้นนี้มีการวิเคราะห์เพิ่มเติมอีกว่า ขาขึ้นของอาหารโปรตีนสูง ยังมาจากข้อมูลในสื่อโซเชียล ที่มีทั้งการแนะนำกันเองของคนใกล้ชิด อินฟลูเอนเซอร์ และแคมเปญโปรโมตเพื่อสร้างกระแสเพื่อกระตุ้นยอดขายของบรรดาแบรนด์อาหารและเครื่องดื่ม 

ดังนั้นท้ายที่สุด ผู้บริโภคก็ควรพิจารณาให้รอบคอบก่อนซื้อว่า อาหารและเครื่องดื่มโปรตีนสูงนั้นจำเป็นจริงหรือไม่ เพราะหากกินมากไป นอกจากจะเปลืองเงินโดยใช่เหตุ และตกเป็นเหยื่อการตลาดกับภาพลวงตาทางสุขภาพที่แฝงมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าแล้ว ยังอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพโดยไม่รู้ตัวอีกด้วย / bbc, cnn 


Q&A : อาหารโปรตีนสูง

Q1: ทำไมอาหารโปรตีนสูงถึงฮิตขึ้นมา?
A: เพราะเทรนด์สายเฮลตี้และการใช้แอปฟิตเนสที่แนะนำให้เพิ่มโปรตีน ทำให้ผู้บริโภคมองว่าโปรตีนเป็นทางลัดสู่สุขภาพที่ดี ทั้งยังมีสินค้าหลากหลายให้เลือกตั้งแต่ในซูเปอร์มาร์เก็ตจนถึงร้านอาหาร

Q2: ข้อมูลยอดขายบอกอะไร?
A: NielsenIQ ระบุว่า ระหว่างมีนาคม 2024–มีนาคม 2025 ยอดขายสินค้าโปรตีนสูงในสหรัฐฯ โต 4.8% เมื่อเทียบปีก่อน แสดงถึงการตอบรับอย่างจริงจังของตลาด

Q3: ผลกระทบต่อสินค้าอื่นเป็นอย่างไร?
A: นมวัวกลับมาฮิต โดยเฉพาะนมน้ำเหลืองและเวย์โปรตีนที่กลายเป็นอุตสาหกรรมมูลค่าหลายพันล้าน ขณะที่นมจากพืช (Plant-based) เช่น นมอัลมอนด์ เริ่มเสียส่วนแบ่งตลาดอย่างมาก

Q4: ผู้บริโภคควรกังวลเรื่องอะไร?
A: นักโภชนาการเตือนว่าหลายประเทศบริโภคโปรตีนเกินพออยู่แล้ว การซื้อสินค้าเพราะคำว่า “โปรตีนสูง” อาจเป็นเพียง ภาพลวงตาทางสุขภาพ และบางกรณีอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรค เช่น มะเร็งในวัยกลางคน

Q5: ใครคือผู้ได้ประโยชน์สูงสุดจากเทรนด์นี้?
A: คือบรรดาบริษัทอาหารและเครื่องดื่ม ที่สามารถขึ้นราคาผลิตภัณฑ์ได้ โดยใช้ฉลาก “โปรตีนสูง” เป็นจุดขาย ผู้บริโภคที่ไม่รอบคอบจึงอาจตกเป็นเหยื่อแผนฟันกำไรโดยไม่รู้ตัว


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer