หากกล่าวว่าการที่ธนาคารเป็นธุรกิจที่ต้องมีใบอนุญาต (License) คนทั่วไปก็มักจะนึกถึงใบอนุญาตประกอบธุรกิจที่ได้รับจากธนาคารแห่งประเทศไทย แต่การที่จะดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืนต้องมี ใบอนุญาตประกอบธุรกิจ (Licence to Operate) ซึ่งหมายถึงการได้รับการยอมรับจากสังคม เพราะต่อให้ได้ใบอนุญาตจากหน่วยงานของทางการที่กำกับดูแลธุรกิจ แต่สังคมบอกว่าไม่ให้ใบอนุญาต ธุรกิจก็จะอยู่ไม่ได้ ใบอนุญาตประกอบธุรกิจจากสังคมจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด

ปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TMB กล่าวว่า ธุรกิจจะได้รับใบอนุญาตจากสังคมก็ต่อเมื่อ ทำในสิ่งที่ถูกต้อง ซึ่ง TMB ตระหนักในเรื่องนี้ จึงได้ดำเนินงานตามกรอบการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนของธนาคาร (TMB Sustainability Framework) ที่ครอบคลุม 4 แกนหลัก ได้แก่ ด้านองค์กร (Organization) ด้านภาคธุรกิจการธนาคาร (Industry) ด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) และด้านสังคม (Social)

และในงาน Bangkok Sustainable Banking Forum 2018 ซึ่งจัดโดยธนาคารแห่งประเทศไทย เมื่อเร็วๆ นี้ ปิติ ได้รับเชิญให้ขึ้นเวทีเข้าร่วมแสดงวิสัยทัศน์ระดับโลก เผยให้เห็นถึงภาพรวมและข้อมูลอีกมากมายที่เป็นประโยชน์ ในหัวข้อ “การดำเนินธุรกิจการธนาคารเพื่อลูกค้ารายย่อยด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม” (Pursuing Retail Banking with Social Responsibility)
หัวเรือใหญ่ของธนาคารไทยแห่งแรกที่ให้ลูกค้าทำธุรกรรมด้วยตัวเอง (Self-Service Banking) แบบไม่มีสมุดคู่ฝาก เริ่มด้วยการให้ข้อมูลว่า ไทยมีตู้ ATM ทั่วประเทศ 13,000 ตู้ ซึ่งมากเป็นอันดับ 15 ของโลก หมายความว่าในรัศมี 1 กิโลเมตร ชาวไทยราว 80% จะเข้าถึงเครื่องเบิก-ถอนเงินอัตโนมัติได้มากถึง 3 ตู้ ทว่าคนในพื้นที่ห่างไกลจำนวนมากก็ยังมีที่เข้าไม่ถึงบริการตู้ ATM

ผู้บริหารของ TMB กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ เราจะต้องส่งเสริมเรื่องความรู้ทางการเงิน (Financial Literacy) ของประชาชน ความรู้ทางการเงินนั้นมีความสำคัญ โดยในระดับประชาชนทั่วไปความรู้เรื่องนี้จะทำให้สามารถบริหารจัดการเงินของตัวเอง และครอบครัวได้ดี เตรียมพร้อมแผนการเกษียณได้อย่างเหมาะสม ไม่ก่อหนี้เสีย และใช้ผลิตภัณฑ์ทางการเงินในปัจจุบันที่เน้น Mobile Banking มากขึ้น ได้อย่างสะดวกและเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งจะส่งผลสืบเนื่องให้ภาคการเงินและเศรษฐกิจของไทยเติบโตอย่างยั่งยืน

ดร. วิทย์ สิทธิเวคิน พิธีกรดำเนินการเสวนาต่อมาจนถึงประเด็นที่ว่า ภาคการธนาคารไทยต้องใช้อะไรบ้าง และทำอย่างไรเพื่อให้ Retail Banking พัฒนาอย่างยั่งยืน โดย CEO เปี่ยมความสามารถของ TMB ซึ่งเพิ่งรับตำแหน่งเมื่อ 1 มกราคมที่ผ่านมา ระบุว่า เป็นโครงการที่ผู้บริหารธนาคารต้องวางนโยบายต่อเนื่อง ทั้งระยะสั้นและระยะยาว พร้อมทำด้วยความเชื่อมั่นที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้เกิดขึ้น ไม่ต่างจาก Tesla ค่ายรถไฟฟ้าชื่อดังที่เชื่อเต็ม 100 ว่า โลกกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน จากการลดการพึ่งพาน้ำมันไปสู่การใช้พลังงานไฟฟ้ามากขึ้น และยานพาหนะพลังงานไฟฟ้า (Electric Vehicle – EW) จะตอบโจทย์นี้ได้ดีที่สุด

ปิติ ขยายความว่าความเปลี่ยนแปลงเชิงบวก เป็นสิ่งที่ฝังอยู่ใน DNA ของ TMB เห็นได้จากผลิตภัณฑ์ทางการเงิน แนวทางการดำเนินธุรกิจและ Campaign ต่างๆที่ออกมา ต่างยืนยันว่า Make THE Difference คือ Concept หลักที่ยึดถือไม่ใช่แค่ Tagline ทางการตลาดเพื่อเรียกความสนใจเท่านั้น และความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ ต้องสามารถลดอุปสรรค ครอบคลุมทุกความต้องการ และมีความโปร่งใส ที่เข้าถึงคนทุกกลุ่ม ทุกสถานะทางการเงิน

ความเปลี่ยนแปลงและการสร้างความแตกต่างๆ ที่ฝังอยู่ DNA ของ TMB เป็นสิ่งที่ไม่ว่าใครก็สัมผัสรับรู้ได้ โดยปิติ ให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า Make THE Difference ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่จูงใจให้คนรุ่นใหม่ ทั้งกลุ่มวัยที่เพิ่งเริ่มทำงาน (First Jobber) และประชากรส่วนใหญ่ในปัจจุบันซึ่งมีอายุ 35 ปีลงมา (Millennial) อยากมาร่วมงานด้วย เพราะพวกเขาเหล่านี้เห็นว่า TMB เป็นองค์กรที่ดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืน โดยใส่ใจกับความมีคุณค่า และสิ่งที่เปี่ยมความหมาย (Meaningful) สอดคล้องกับความต้องการของสังคมส่วนรวม

การเสวนาดำเนินมาถึงช่วงท้ายกับประเด็นที่ว่า ที่ผ่านมาธนาคารไทยดำเนินการเพียงพอแล้วหรือไม่สำหรับการให้ความรู้ทางการเงิน โดยผู้บริหาร TMB ให้ความเห็นว่า ทุกธนาคารให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ เพราะต่างเห็นว่า เป็นมาตรการที่กันไว้ดีกว่าแก้ และต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นระบบ ซึ่งนั่นหมายความหมายว่า ภาครัฐและลูกค้าก็ต้องมีส่วนร่วมด้วย

ก่อนการเสวนาจบลง ผู้บริหารของ TMB ธนาคารพาณิชย์ไทยแห่งแรกที่ออกพันธบัตรสีเขียว (Green Bond) อายุ 7 ปี มูลค่า 60 ล้านบาท (ราว1,850 ล้านบาท) เพื่อนำเงินไปสนับสนุนการลงทุนภาคเอกชนในโครงการที่เท่าทันต่อสภาพภูมิอากาศ (Climate-Smart Project) และส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไป ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า การทำธุรกรรมผ่าน App บนอุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่ (Mobile Banking App) ของ TMB ก็เป็นช่องทางเข้าถึงอภิมหาข้อมูล (Big Data) ทางการเงินที่สะดวก ง่าย ครอบคลุม และรวดเร็วซึ่งลูกค้าสามารถนำไปใช้เพิ่มศักยภาพในการลงทุนทางการเงินได้อีกด้วย
