ความสำเร็จครั้งแรกอาจเป็นเรื่องบังเอิญ แค่โชคเข้าข้างหรือสถานการณ์เอื้ออำนวย แต่ถ้ายังคว้าลำดับต้นๆ ได้อีกในครั้งถัดมา และรั้งตำแหน่งสูงอยู่เสมอ เป็นการบอกให้รู้ถึงความจริงจังตั้งใจและมีการพัฒนาอย่างเป็นระบบ เหมือนที่ทีมชาติเยอรมันคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกได้ถึง 4 สมัย สำหรับในวงการนางงาม ฟิลิปปินส์มีความโดดเด่นกว่าชาติอื่นในเอเชีย นับเฉพาะเวที Miss Universe ก็มีสาวงามครองมงกุฎ แล้วถึง 4 คน แซงหน้าประเทศร่วมทวีปทั้งหมด
หลัง Catriona Gray คือสาวชาวฟิลิปปินส์คนล่าสุดที่ได้เป็นนางงามจักรวาล คงมีคำถามตามมาว่าเหตุใดชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ประกอบไปด้วยเกาะใหญ่น้อยกว่า 7,600 เกาะนี้ จึงเป็นอันดับ 4 ในระดับโลก และครองตำแหน่งที่หนึ่งของเอเชียในการประกวดนางงาม
ทำความรู้จักนางงามจักรวาลชาวฟิลิปปินส์คนล่าสุด ในปีที่มีเรื่องราวมากมาย
การประกวด Miss Universe ครั้งนี้ จัดขึ้นในไทย ซึ่งปรากฏว่าในที่สุด Catriona Gray ก็คว้ามงกุฎมาครองได้ โดยมี Tamaryn Green จากแอฟริกาใต้ เป็นรองอันดับ 1 และ Sthefany Gutierrez จากเวเนซุเอลา เป็นรองอันดับ 2 ส่วน “น้องนิ้ง” โศภิดา กาญจนรินทร์ ตัวแทนจากประเทศไทย น่าเสียดายที่มาได้ไกลสุดแค่รอบ 10 คนสุดท้าย
Gray ถือเป็นหนึ่งในตัวเต็งปีนี้ หลังสร้างความโดดเด่นในรอบชุดว่ายน้ำด้วยการเดินหมุนกลับหลังอย่างช้าๆ พร้อมสีหน้าและแววตาเปี่ยมความมั่นใจ (Slow-mo twirl) จากนั้นยังทำได้ดีในการตอบคำถามรอบ 3 คนสุดท้าย ซึ่งตัวแทนจากฟิลิปปินส์วัย 24 ปีชนะใจกรรมการได้ด้วยการชี้ให้เห็นถึงความสำคัญในการช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสและมีฐานะยากจนในประเทศที่เธอเคยมีโอกาสลงไปช่วยเหลือด้วยตัวเอง
แม้เข้าประกวดในเวทีนี้ด้วยความมุ่งมั่นไม่ต่างจากตัวแทนจากประเทศอื่นอีก 93 คน แต่สาวลูกครึ่งสกอตแลนด์-ฟิลิปปินส์ที่เกิดในออสเตรเลียผู้นี้ ถือว่าได้เปรียบคู่แข่งในหลายๆ ด้าน ทั้งประสบการณ์มากมายบนเวทีประกวดในฟิลิปปินส์ และการครองมงกุฎ Miss World Philippines ปี 2016 และเข้าถึงรอบ 5 คนสุดท้าย Miss World ในปีนั้น

นอกจากนี้การที่เธอคว้าปริญญาตรีจาก Berklee College of Music สถาบันดนตรีระดับโลกในสหรัฐฯ ยังทำให้เธอมีความสามารถด้านการแสดงและร้องเพลงเหนือกว่าสาวงามคนอื่นๆ ด้วย อย่างไรก็ตาม การประกวดในปีนี้ก็เต็มไปด้วยเรื่องราวมากมาย โดย Angela Ponce ตัวแทนจากสเปน สร้างประวัติศาสตร์เป็นสตรีข้ามเพศคนแรกที่เข้าประกวดและทะลุเข้าถึงรอบ 20 คนสุดท้าย

H’ Hen Nie
ส่วน H’ Hen Nie ก็สร้างประวัติศาสตร์เช่นกัน ด้วยการเป็นสาวเวียดนามคนแรกที่เข้าถึงรอบ 5 คนสุดท้าย และฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ นานาในชีวิต โดยเฉพาะความยากจน แต่ก็สามารถก้าวมาจนมาถึงจุดนี้ได้ และการที่ อรนงค์ หอมสมบัติ คว้ารางวัลชุดประจำชาติยอดเยี่ยม ซึ่งชุดดังกล่าวออกแบบโดย Designer ชาวไทย

ขณะเดียวกัน Sarah Rose ตัวแทนจากสหรัฐฯ ก็ตกเป็นเป้าโจมตีอย่างหนักจากการวิจารณ์ทักษะภาษาอังกฤษของเพื่อนนางงามจากเวียดนามและกัมพูชา

Angela Ponce
ทำไม ’มงลง’ ตรงที่สาวงามฟิลิปปินส์ต่อเนื่อง

ความสำเร็จของ Gray นอกจากสร้างความภาคภูมิใจให้เธอและครอบครัวแล้ว ยังสร้างความปลื้มปิติให้คนแผ่นดินเกิดของแม่อีกด้วย เพราะเธอคือสาวงามฟิลิปปินส์คนที่คว้ามงกุฎบนเวทีนี้ได้เป็นคนที่ 4 ต่อจาก Pia Wurtzbach (2015), Margie Moran (1973) Gloria Diaz (1969) ซึ่งมากเป็นอันดับ 4 ของโลกรองจากสหรัฐฯ, เวเนซุเอลา และเปอร์โต ริโก

Pia Wurtzbach
ขณะเดียวกันยังส่งผลให้การครองมงกุฎของสาวฟิลิปปินส์จากเวทีประกวดนางงามระดับโลกทั้ง 4 เวที คือ Miss Universe, Miss World, Miss International และ Miss Earth เพิ่มเป็น 14 ครั้งอีกด้วย จากสถิติเหล่านี้และการเข้าถึงรอบลึกๆ ในเวทีประกวดนางงามระดับโลกอยู่เสมอ จึงสามารถกล่าวได้ว่าฟิลิปปินส์คือ หนึ่งใน Big 4 ด้านนางงามในระดับโลก และเบอร์หนึ่งของวงการนี้ในระดับเอเชีย
มีหลายปัจจัยที่ส่งให้ฟิลิปปินส์ครองความเหนือกว่าประเทศอื่นในวงการนางงาม โดยดินแดนศูนย์กลางชาวคริสต์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รู้จักการประกวดนางงามตั้งแต่ยังเป็นอาณานิคมของสหรัฐฯ ช่วงปี 1908 ซึ่งเจ้าอาณานิคมนำการประกวดดังกล่าวเข้ามาร่วมอยู่ในงานรื่นเริงในการเก็บเกี่ยวผลิตผลทางการเกษตร แต่เริ่มเป็นที่นิยมหลัง Margie Moran คว้ามงกุฎ Miss Universe ได้เมื่อปี 1973 ซึ่งรัฐบาลจัดพิธีต้อนรับเธออย่างยิ่งใหญ่

Margie Moran
ตามด้วยการทุ่มงบประมาณจำนวนมากในการเป็นเจ้าภาพการประกวดในปีถัดมา โดยผู้ที่เป็นโต้โผใหญ่คือ Imelda Marcos สตรีหมายเลข 1 ในขณะนั้น ซึ่งเคยเป็นนางงามมาก่อนด้วย จากนั้นก็เริ่มมีการตั้งศูนย์ฝึกนางงามขึ้นอย่างเป็นระบบและมีการประกวดขึ้นในหลายระดับ หลายประเภท
ไล่เรียงมาตั้งแต่ระดับท้องถิ่นถึงระดับประเทศ โดยแม้ต้องผ่านการฝึกเป็นเวลานานและอายุยังน้อย แต่หญิงสาวชาวฟิลิปปินส์ก็ทุ่มเต็มที่ เพราะต่างรู้ว่าทุกครั้งที่ ‘มงลง’ ชีวิตความเป็นอยู่จะดีขึ้น
ด้านศาสตราจารย์ Wendell Capili ผู้เขียน Mabuhay to Beauty หนังสือตีแผ่วงการนางงามจากมุมมองทางเศรษฐกิจและสังคม ระบุว่า การประกวดนางงามสามารถเลื่อนสถานะทางสังคมให้สตรีฟิลิปปินส์ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พร้อมทำให้พวกเธอมีฐานะทางการเงินและโอกาสในชีวิตดีเป็นเงาตามตัว
ส่วนการที่คนในชาติชื่นชอบการประกวดนางงามถึงขนาดที่การจราจรโล่ง และร้านค้าให้ส่วนลดหากสาวงามเพื่อนร่วมชาติเข้าถึงรอบลึกๆ นั้น เนื่องจากเป็นการทำให้แค่ละคนลืมปัญหาชีวิตที่เผชิญอยู่ได้ชั่วคราว และทุกคนล้วนเข้าใจความยากลำบากของสาวฟิลิปปินส์กว่าจะไปคว้ามงกุฎในเวทีใหญ่
Moran นางงามฟิลิปปินส์รุ่นใหญ่เห็นด้วยกับ Capili โดยหลังคว้ามงกุฎ Miss Universe ก็มีโอกาสมากมายเข้ามาในชีวิต ทั้งการศึกษาและหน้าที่การงาน จนปัจจุบันเป็นผู้บริหารโรงเรียนสอนบัลเลต์และพิธีกรรายการโทรทัศน์
ชื่อเสียงด้านนางงามของฟิลิปปินส์ยังทำให้ธุรกิจปั้นนางงามเฟื่องฟู และมีหญิงสาวจากประเทศต่างๆ โดยเฉพาะในเอเชียที่อยากคว้ามงกุฎมาครองทั้งในระดับประเทศ และระดับนานาชาติ เดินทางมายังฟิลิปปินส์เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การเป็นนางงาม เช่น Shwe Eain Si หญิงสาวเมียนมาวัย 19 ปีที่เคยไปเข้าคอร์สติวเข้มในฟิลิปปินส์ก่อนการประกวด Miss Grand Myanmar เมื่อไม่นานมานี้ เพราะเชื่อว่าจะลบจุดบอดและเสริมจุดแข็งให้เธอได้

ในส่วนของแบรนด์และรัฐบาลฟิลิปปินส์ก็ชื่นชอบการประกวดนางงามเช่นเดียวกันกับประชาชนทั่วไป เพราะทุกครั้งหากฟิลิปปินส์ได้เป็นเจ้าภาพคือโอกาสทองในการส่งเสริมการท่องเที่ยวและประชาสัมพันธ์แบรนด์ฟิลิปปินส์ให้ปรากฏสู่สายตาผู้ชมและแฟนการประกวดนางงามหลายล้านคนทั่วโลก
โดยการท่องเที่ยวฟิลิปปินส์เผยว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นในปีถัดมาของการได้เป็นเจ้าภาพ/cnn, bbc, eonline, channel newsasia, wikipedia
–
