“ซี แวลู” ผนึก “โลหะกิจรุ่งเจริญทรัพย์” ลงนามความร่วมมือ 10 ปี คาดมูลค่าการค่ามากกว่า 35,000 ล้านบาท
ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซี แวลู จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทลงนามความร่วมมือพันธมิตรทางธุรกิจกับ บริษัท โลหะกิจรุ่งเจริญทรัพย์ จำกัด ผู้นำในด้านบรรจุภัณฑ์อาหารอาหารสำเร็จรูปในประเทศไทย เป็นระยะเวลา 10 ปี มูลค่ากว่า 35,000 ล้านบาท เพื่อเสริมความแข็งแกร่งทางด้านซัพพลายเชนในส่วนของบรรจุภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น ในราคาต้นทุนที่แข่งขันได้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาคุณภาพของอาหาร และด้านการแข่งขันของบริษัทให้ดียิ่งขึ้นทั้งตลาดในประเทศและตลาดโลก รวมทั้งช่วยสนับสนุนการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่ทันสมัย รูปแบบใหม่ๆ ตอบโจทย์ผู้บริโภคทางการค้าจากประเทศผู้นำเข้าสินค้าของบริษัท
อมรพันธุ์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซี แวลู จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “รู้สึกดีใจและเป็นเกียรติที่ได้เป็นพันธมิตร ทางธุจกิจกับบริษัทโลหะกิจรุ่งเจริญทรัพย์ บริษัทชั้นนำด้านบรรจุภัณฑ์ระดับโลก ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถสร้างความมั่นใจให้กับคู่ค้าของบริษัทในทุกๆ ตลาดทั่วโลกว่า บรรจุภัณฑ์ที่ใช้บรรจุสินค้านั้นมีคุณภาพที่ดี และสำคัญที่สุดคือ ทางบริษัทโลหะกิจ รุ่งเจริญทรัพย์ สัญญาในการสนับสนุนบรรจุภัณฑ์ทุกรูปแบบ ในด้านจำนวน ราคา และการส่งมอบ ไม่ว่าสถานการณ์แผ่นเหล็กโลกจะเป็นอย่างไรก็ตาม ทำให้บริษัทสามารถแข่งขันในทุกๆ ตลาดได้ดี
ด้าน สุทธิคำ แต่โสภาพงษ์ ประธานบริษัท โลหะกิจรุ่งเจริญทรัพย์ จำกัด กล่าวว่า “ซีแวลู” และ “โลหะกิจ” เป็นพันธมิตรกันเป็นเวลากว่า 8 ปี โดยสัญญาล่าสุดจึงเพิ่มระยะเวลาอีก 10 ปี คาดว่าจะมีมูลค่าการค้ามากกว่า 35,000 ล้านบาท โดยโลหะกิจฯ จะอาศัยความชำนาญด้านบรรจุภัณฑ์ภายใต้การใช้เทคโนโลยีระดับสูงในการผลิต การเน้นคุณภาพของสินค้า และการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บรรจุภัณฑ์อ่อนตัว (Flexible Packaging) ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค เพราะมีความยืดหยุ่นมากกว่าโลหะและมีการเติบโตสูงในตลาดทั่วโลก
สุทธิคำ ทิ้งท้ายว่า หลังจากลงนามความร่วมมือดังกล่าว คาดว่าบริษัทจะมีรายได้เพิ่มขึ้นอีก 8% ในทุกปี
ทั้งนี้ การลงนามความร่วมมือระหว่าง “บริษัท ซี แวลู จำกัด (มหาชน)” และ “บริษัท โลหะกิจรุ่งเจริญพันธุ์ จำกัด” มี กลินท์ สารสิน ประธานกรรมการ หอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เป็นประธานสักขีพยาน