เกมสุดท้ายของการแข่งกีฬาทุกประเภทความสนใจย่อมพุ่งขึ้นในระดับสูงสุด เพราะเป็นนัดตัดสินว่าทีมใดหรือนักกีฬาคนใดจะครองแชมป์ ท่ามกลางการรอลุ้นหน้าจอโทรทัศน์ของแฟนกีฬาที่ไม่สามารถไปชมสดๆ ถึงขอบสนามได้ โดยจากความสนใจที่มากสุดของ Tournament นี่เอง ทำให้ค่าโฆษณาในนัดชิงแพงสุด เหมือนเกมนัดชิงอเมริกันฟุตบอล (Super Bowl) ครั้งล่าสุดที่ค่าโฆษณาต่อเวลา 30 วินาทีที่เพิ่มขึ้นเป็น 5.25 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 168 ล้านบาท)
แม้ยังไม่แน่นอนว่าจำนวนผู้ชมจะลดลงอีกเหมือนช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาหรือไม่ แต่สายตากว่า 100 ล้านคู่ ที่คาดว่าจะจ้องหน้าจอในเกมตัดสินระหว่างทีม Los Angeles Rams กับ New England Patriots วันอาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งตรงกับรุ่งเช้าวันถัดมาตามเวลาในไทย ก็ยังทำให้ Super Bowl เป็นโอกาสทองที่เหล่าแบรนด์ดังยังพร้อมทุ่มไม่อั้น
แพงขึ้นแค่ไหน แต่ทุกแบรนด์พร้อมจ่าย เพื่อคว้า Air Time ใน Sport Event แห่งปีของอเมริกันชน
ท่ามกลางการคว้าแชมป์ของทีมต่างๆ ใน Super Bowl 52 ครั้งที่ผ่านมา ค่าโฆษณาในเกมนัดชิงก็เปลี่ยนตลอด โดยแตะหลักล้านเหรียญสหรัฐเป็นครั้งแรกในปี 1995 และเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดในปี 2000 ซึ่งเพิ่มจากปี 1999 ถึง 31% ท่ามกลางการเติบโตอย่างเต็มที่ของธุรกิจที่เชื่อมโยงกับ Internet ก่อนที่ฟองสบู่ธุรกิจ Dot-Com จะแตกในเวลาถัดมา
ค่าออกอากาศโฆษณายังขยับขึ้นไม่หยุด โดยปี 2014 เพิ่มเป็น 2.69 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 86 ล้านบาท) ต่อ 30 วินาที จนมาถึง 5.25 ล้านเหรียญสหรัฐในปีนี้ มากกว่าปี 2018 อยู่ราว 200,000 เหรียญสหรัฐ (ราว 6.4 ล้านบาท)
หมายความว่าสถานีโทรทัศน์ CBS จะได้เงินจากค่าโฆษณาจากแบรนด์สินค้าที่อยากให้หนังโฆษณาปรากฏบนหน้าจอในเกมนัดชิง “ศึกคนชนคน” ครั้งที่ 53 มากถึงวินาทีละ 175,000 เหรียญสหรัฐ (ราว 5.6 ล้านบาท) เลยทีเดียว
บริษัทที่ Anheuser-Busch บริษัทแม่ของเบียร์ Budweiser และ Stella Artois ครองตำแหน่งเจ้าบุญทุ่มปีนี้ หลังจ่ายให้ CBS ไปเกือบ 34 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 1,088 ล้านบาท) แลกกับเวลาออกอากาศราว 6 นาทีครึ่ง ซึ่งเป็นการยืนยันได้ส่วนหนึ่งว่า แม้จำนวนผู้ชมอาจลดอีกหลังปี 2017 อยู่ที่ 103 ล้านคน ลดลงจากปี 2016 อยู่ 7% สวนทางกับโฆษณาที่มีแต่จะแพงขึ้น แบรนด์ดังทั้งหลายก็เต็มใจจ่ายอยู่ดี
ประเดิมบน Online ก่อน และยังใช้พลังคนดัง
ปีนี้การปล่อยตัวอย่างหนังโฆษณาที่มีนักร้อง นักแสดงดัง เป็นจุดเด่น และปล่อยผ่านสื่อ Online ทั้งสำนักข่าวและบน Youtube ก่อนเพื่อหวังเรียกกระแส เป็นวิธีที่แบรนด์ดังนำมาใช้มากขึ้น โดย More Than OK หนังโฆษณาของ Pepsi ที่มี Steve Carell (นักแสดงตลก), Lil Jon และ Cardi (Rapper และนักร้อง) เข้าข่ายนี้เต็มๆ
ส่วนหนังโฆษณาของขนมขบเคี้ยว Doritos และเบียร์ Stella Artois ก็ใช้แนวทางเดียวกัน ด้วยการมีวง Backstreet Boys และ 2 นักแสดงร่วมแสดง โดยคาดการณ์ว่า Boybands รุ่นใหญ่และสองนักแสดงอาวุโสอย่าง Sara Jessica Parker กับ Jeff Bridges คงทำเงินได้ไม่น้อยจากการแสดงหนังโฆษณา
ซึ่งรับประกันว่าผู้ชมจะให้ความสนใจ ไม่ต่างจากที่ Brad Pitt และ Arnold Schwarzenegger ได้เงินไปคนละ 7 หลัก จากหนังโฆษณาของ Heineken และ Budweiser เมื่อปี 2005 และ 2014 ตามลำดับ
จับตาดู Pepsi บุกรังคู่แข่งและหนังของ Netflix
หากเป็นคอกีฬา Super Bowl ครั้งนี้น่าสนใจเพราะเป็นเข้าชิงอีกครั้งของ Bill Bellchick หัวหน้าโค้ชมากประสบการณ์ของ New England Patriots กับ Tom Brady ผู้เล่นตำแหน่ง Quarter Back จอมเก๋าทีมเดียวกันซึ่งกอดคอกันคว้าแชมป์เมื่อปี 2002 ขณะที่ฝ่ายแรกคุมต้นสังกัดปัจจุบันมาได้เพียง 2 ปี และฝ่ายหลังยังเป็นแค่ผู้เล่นดาวรุ่ง
(จากซ้าย) Quinton Peron และ Napoleon
ส่วนหากเป็นคนในวงการ Cheer Leader แล้ว Super Bowl ครั้งนี้ คือประวัติศาสตร์ เพราะ Quinton Peron และ Napoleon จะเป็น Cheer Leader ชาย 2 สองคนแรกที่ได้เต้นนำเชียร์ร่วมกับ Cheer Leader ในนัดชิง สำหรับวงการโฆษณาก็มีประเด็นอื่นๆ ที่ถูกจับตามอง นอกเหนือไปจากค่า Air Time ที่เพิ่มขึ้น
เกมนัดนี้ New England Patriots กับ Los Angeles Rams จะมีขึ้นที่สนาม Mercedes-Benz Stadium ใน Atlanta เมืองที่ Coca-Coca ใช้เป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ โดยคู่แข่งอย่าง Pepsi แสดงให้เห็นว่าไม่กลัวเจ้าบ้าน ด้วยการทุ่มงบก้อนโตซื้อสื่อโฆษณากลางแจ้งมากมาย เด่นสุดคือป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ใกล้กับพิพิธภัณฑ์ World Coca-Coca ที่มีข้อความว่า “Pepsi in Atlanta. How Refreshing (Pepsi มาเยือน Atlanta แล้ว สดชื่นดีไหมล่ะ)
ด้าน Netflix ค่าย Video Streaming ยักษ์ ถูกจับตามองว่าจะปล่อยหนังตัวอย่างภาพยนตร์หรือ Series เรื่องไหนใน Super เพราะเมื่อ Super Bowl ครั้งที่แล้วการปล่อยตัวอย่าง The Cloverfield Paradox หนังวิทยาศาสตร์ระทึกขวัญพร้อมระบุว่าชมได้หลังเกมนัดนี้เลย ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก
เบื้องต้นคาดว่าหนังที่ Netflix จะปล่อยตัวอย่างออกมาอาจเป็น 1 ใน 3 เรื่องนี้ คือ The Irishman, Murder Mystery และ 6 Underground เพราะกำกับโดยผู้กำกับชื่อดัง มีนักแสดงดังรับบทนำ และมีข่าวว่าเดินหน้าถ่ายทำไปพอสมควรแล้ว/cnbc, cnn, hollywood reporter, comicbook, wikipedia
–
ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ