ยูนิเวนเจอร์ (UV) เผยภาพรวมการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ในปี 2561 ยอดรายได้รวม 20,994 ล้านบาท เติบโต 16% ตั้งเป้ารายได้ปี 2562 โกย 25,800 ล้านบาท เผยปีนี้ปล่อยอีก 31 โครงการ เล็งธุรกิจ ‘โรงแรม’ ศักยภาพโตสูงจากนักท่องเที่ยวเมืองรอง
วรวรรต ศรีสอ้าน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปี 2561 ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังคงเติบโตต่ออย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทมีรายได้รวม 20,994 ล้านบาท เติบโต 16% แบ่งเป็นรายได้มาจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย 16,812 ล้านบาท ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่าและโรงแรม 1,688 ล้านบาท ธุรกิจอื่น (ธุรกิจสังกะสีออกไซด์) 2,373 ล้านบาท และรายได้อื่นๆ 121 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิส่วนของบริษัท 1,006 ล้านบาท
ทั้งนี้บริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2561 รวมทั้งสิ้น 10,200 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 7,000 ล้านบาท และโครงการแนวสูง 3,200 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้ในปี 2562 จำนวน 9,700 ล้านบาท (จากโครงการแนวราบ 7,000 และโครงการแนวสูง 2,700) หรือคิดเป็น 45% ของเป้ารายได้อสังหาริมทรัพย์เพื่อขายปี 2562 ที่ 21,400 ล้านบาท
วรวรรตกล่าวอีกว่า ในปี 2562 บริษัททุ่มงบประมาณ 38,200 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบจำนวน 25 โครงการ มูลค่ารวม 28,600 ล้านบาท และคอนโดมิเนียมจำนวน 6 โครงการ มูลค่าโครงการ 9,600 ล้านบาท โดยตั้งเป้ารายได้หลักอยู่ที่ 25,800 ล้านบาท จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 83% (แนวราบ 70% และแนวสูง 13%) รายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่าและโรงแรมประมาณ 7% และธุรกิจอื่นๆ (รวมธุรกิจสังกะสีออกไซด์) ประมาณ 10%”
โดยโครงการที่จะเปิดในปีนี้ แบ่งเป็น ไตรมาส 1 (ตุลาคม-ธันวาคม 2561) แบ่งเป็น คอนโดมิเนียม 1 โครงการ ทาวน์โฮม 2 โครงการ และบ้านแฝด 3 โครงการ ปัจจุบันขายได้กว่า 80%, ไตรมาส 2 (มกราคม-มีนาคม 2561) แบ่งเป็น คอนโดมิเนียม 1 โครงการ ทาวน์โฮม 4 โครงการ บ้านเดี่ยว 2 โครงการ และโครงการในต่างจังหวัด 1 โครงการ, ไตรมาส 3 (เมษายน-มิถุนายน 2562) แบ่งเป็น คอนโดมิเนียม 3 โครงการ ทาวน์โฮม 3 โครงการ บ้านแฝด 1 โครงการ และโครงการในต่างจังหวัด 2 โครงการ, ไตรมาส 4 (กรกฎาคม-กันยายน 2562) แบ่งเป็น คอนโดมิเนียม 1 โครงการ ทาวน์โฮม 4 โครงการ บ้านเดี่ยว 2 โครงการ และโครงการในต่างจังหวัด 1 โครงการ
วรวรรตกล่าวอีกว่า ล่าสุด บริษัทเลือกลงทุนโรงแรม ณ จังหวัดบุรีรัมย์ ภายใต้ชื่อ Modena เนื่องจากมองว่าธุรกิจการท่องเที่ยวมีศักยภาพเติบโตได้ดี ตัวอย่างเช่น จังหวัดบุรีรัมย์มีรายได้จากการท่องเที่ยวโต 15% จากอีเวนต์สนามฟุตบอล สนามแข่งรถ ส่งผลให้ธุรกิจโรงแรมเติบโตตาม บริษัทจึงมองหาโมเดลนอกจากสินค้าเพื่อขายหรือเช่า เช่น การมีบริษัทมืออาชีพในการบริหารจัดการสินทรัพย์ หรือจัดการอสังหาริมทรัพย์ การมีโบรกเกอร์ในการดูแลการปล่อยเช่าหรือการสร้างมูลค่าเพิ่ม รวมถึงการบริการที่ครอบคลุมทั้งในช่วงการเตรียมการ
นอกจากนี้ บริษัทยังมองหา “Supply Chain” ธุรกิจที่ครอบคลุมในด้านอสังหาริมทรัพย์ อาทิ บริษัท ฟอร์เวิร์ด ซิสเต็ม และ บริษัท อะเฮดออล จำกัด รวมถึงการเข้าลงทุนในบริษัท สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ STI ซึ่งเป็นธุรกิจบริหารโครงการ บริหารการก่อสร้าง รวมถึงออกแบบสถาปัตยกรรมโครงสร้าง
ส่วนปัจจัยลบในปีนี้ วรวรรตทิ้งท้ายว่า สิ่งที่น่ากังวลที่สุดคือมาตรการสินเชื่อจากแบงก์ชาติ ซึ่งมีผลกระทบต่อผู้พัฒนาอสังหาฯ และจะเป็นการบีบลูกค้าให้ออกจากตลาดมากขึ้น
–
