ลอรีอัล รายได้เท่าไร ? สำรวจตลาดความงาม พร้อมชำแหละกลยุทธ์ ลอรีอัล สู่การเป็น Beauty Tech
ต้นปี 2018 ที่ผ่านมา ลอรีอัลได้ซื้อกิจการเทคคอมพานี ที่ชื่อว่า ModiFace ซึ่งเป็นบริษัท Augmented Reality & Artificial Intelligence ที่พัฒนาฟีเจอร์ที่ช่วยใหญ่ผู้หญิงทั่วโลกสามารถทดลองผลิตภัณฑ์ด้านความงามผ่านเทคโนโลยี AR ได้อย่างง่ายๆ
จุดมุ่งหมายของการซื้อ ModiFace คือหนึ่งในทิศทางที่ลอรีอัลต้องการขับเคลื่อนธุรกิจตัวเองจากบิวตี้แบรนด์สู่บิวตี้เทค นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพไปพร้อมกับการเชื่อมโยงประสบการณ์ของผู้บริโภคที่มีต่อผลิตภัณฑ์ดังกล่าว เพื่อนำไปสู่ยอดจำหน่ายที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง
เพราะฟีเจอร์เด่นของ ModiFace ที่ซื้อมาคือ ฟังก์ชันที่ให้ผู้บริโภคสามารถทดลองแต่งหน้า ทำผม หรือบำรุงผิวในโลกเสมือนจริงก่อนตัดสินใจซื้อประกอบการตัดสินใจ
และในปัจจุบันลอรีอัลได้นำฟังก์ชันที่กล่าวมาของ ModiFace ไปให้บริการกับกลุ่มธุรกิจเมคอัพ, สีผม และสกินแคร์ ในรูปแบบต่างๆ กับกลุ่มผู้บริโภคในบางประเทศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
การนำเทคโนโลยีมาช่วยสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง ในฐานะผู้สร้างประสบการณ์ในการเลือกเครื่องสำอางที่สนุกขึ้น และการสร้างประสบการณ์นี้เอง Marketeer เชื่อว่าส่วนหนึ่งได้แปรเปลี่ยนเป็นยอดจำหน่ายที่เพิ่มขึ้น เพราะเมื่อลูกค้าลองแต่งหน้า ทำผม หรือบำรุงผิวของตัวเอง จากโลกเสมือนแล้ว จะเกิดชอบในลุคที่ได้ทดลองแต่ง หรือเห็นผลในอนาคตว่าถ้าบำรุงผิวด้วยผลิตภัณฑ์ชนิดนี้ ผลที่ได้รับกลับมาในระยะยาวจะเป็นอย่างไร ก็จะเกิดการสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ตามมา
ในปีที่ผ่านมาลอรีอัล กรุ๊ป มีการเติบโต 7.1% ด้วยมูลค่า 26.9 พันล้านยูโร เป็นการเติบโตที่ยอดเยี่ยมที่สุดในรอบสิบปีที่ผ่านมา
โดยช่องทางอีคอมเมิร์ซ เป็นช่องทางที่เติบโตสูงถึง 40.6% คิดเป็นสัดส่วน 11% ของรายได้ลอรีอัลทั้งหมด
และเอเชียแปซิฟิกมีสัดส่วนรายได้ 27.5% ของรายได้ทั้งหมด ใหญ่อันดับสองรองจาก Western Europe
ซึ่งเป็นบ้านเกิดลอรีอัล โดย Western Europe มีสัดส่วนรายได้ 29.9% ของรายได้ลอรีอัลทั้งหมด
ส่วนในประเทศไทย ปีนี้ถือเป็นปีแรกที่ ลอรีอัลได้รุกตลาดบิวตี้เทคอย่างเป็นรูปธรรม
อินเนส คาลไดรา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลอรีอัล(ประเทศไทย) จำกัด ได้บอกกับเราว่า ลอรีอัล กรุ๊ป ต้องการขับเคลื่อนบริษัทฯ ให้ก้าวสู่การเป็นผู้บุกเบิกและผู้นำในบิวตี้เทคอย่างเต็มกำลัง จากการมองเห็นทิศทางของผลิตภัณฑ์ด้านความงามกำลังก้าวเข้าสู่โลกแห่งเทคโนโลยีมากขึ้นเรื่อยๆ
และลอรีอัล ประเทศไทย ได้นำร่องนำบิวตี้เทค มาให้บริการถึง 2 บริการตอบสนองความต้องการด้านความงามอันหลากหลายของผู้บริโภค ได้แก่
1. EFFACLAR SPOTSCAN บริการที่ช่วยวินิจฉัยปัญหาสิว พร้อมกับคำแนะนำการดูแลผิวรายบุคคล ซึ่งบริการนี้เป็นบริการที่อยู่ภายใต้การดูแลของแบรนด์ลา โรช-โพเซย์ ซึ่งเป็นแบรนด์ในกลุ่มเวชสำอาง เปิดให้บริการเมษายน 2019
2. จับมือกับวัตสัน เป็น Exclusive Partner เปิดบริการ Color Me ทดลองแต่งหน้าเสมือนจริง ด้วยการนำเทคโนโลยี ModiFace เข้าไปให้บริการในแอปพลิเคชั่นของวัตสัน
โดย Color Me ในแอปวัตสันจะบริการให้ลูกค้าได้ทดลองผลิตภัณฑ์แต่งหน้าเสมือนจริงที่ภายใต้เครือข่ายลอรีอัล กรุ๊ป ได้แก่ ลอรีอัล ปารีส และเมย์เบลลีน นิวยอร์ก กว่า 300 รายการ ตั้งแต่รองพื้นไปจนถึงลิปสติก เปิดให้บริการเดือนพฤษภาคม 2019 ซึ่งความร่วมมือนี้เป็นความร่วมมือระดับรีเจียน
การร่วมมือกับวัตสันแทนการนำ ModiFace มาให้บริการผ่านแบรนด์ลอรีอัลเอง แม้จะทำให้ความเป็นบิวตี้เทคของลอรีอัลยังไม่ชัดเจนเท่าที่ควรนัก
แต่เป็นกลยุทธ์ที่ทำให้สามารถเข้าไปสร้างประสบการณ์การใช้งานผลิตภัณฑ์ลอรีอัลและเทคโนโลยีบิวตี้เทค กับกลุ่มเป้าหมายที่ถูกต้องจำนวนมากได้โดยไม่ต้องใช้งบประมาณในการสื่อสารมากนัก เพราะฐานลูกค้าที่มีอยู่ของวัตสัน ลูกค้ากลุ่มหลักเป็นกลุ่มลูกค้าที่ให้ความสนใจผลิตภัณฑ์ด้านความงามอยู่แล้ว
ซึ่งการที่ลอรีอัล ประเทศไทย เริ่มนำร่องเปิดบริการบิวตี้เทค ส่วนหนึ่งมาจากการแข่งขันธุรกิจเครื่องสำอางในประเทศไทยที่รุนแรง ที่มาพร้อมกับการเติบโตอย่างมหาศาล
โดยตลอด 5 ปีที่ผ่านมาตลาดความงามไทยเติบโตอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยปีละ 7% 1.92 แสนล้านบาท
การเติบโตของตลาดความงามในประเทศไทยเป็นการเติบโตกว่าตลาดโลกที่มีการเติบโตในปีที่ผ่านมา 5.5% มูลค่า 2แสนล้านยูโร

การเติบโตนี้มาจากโลกออนไลน์ทำให้คนไทยสามารถค้นพบ แชร์ความงาม และหาซื้อได้ง่ายขึ้นผ่านดิจิทัล
การเข้าถึงมากขึ้นของผลิตภัณฑ์ความงาม และพฤติกรรมนี้เป็นเทรนด์เดียวกับตลาดโลก
นอกจากนี้ ตลาดความงามในประเทศไทยยังเกิดจาก
1. การที่คนต่างจังหวัดเข้ามาทำงานในเมืองมากขึ้น และเริ่มให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเองตามแบบฉบับคนเมือง
2. การเติบโตขึ้นของชนชั้นกลางทำให้มีกำลังซื้อผลิตภัณฑ์ความงามในกลุ่มพรีเมียมมากขึ้น
3. เทรนด์การเข้าสู่สังคมสูงวัยของคนไทย ที่มีความต้องการผลิตภัณฑ์ความงามที่เข้ามาดูแลตัวเองให้ตัวเองดูอ่อนกว่าวัย
ตลาดความงามที่มีสัดส่วนสูงสุดในประเทศไทยยังคงเป็นสกินแคร์ ส่วนเมคอัพเป็นกลุ่มที่มีอัตราการเติบโตสูงสุด


ทั้งนี้ สำหรับเทรนด์ของตลาดความงามในประเทศไทย เชื่อว่าจะเติบโตต่อไปอย่างต่อเนื่อง บนพฤติกรรมของผู้บริโภค 6 กลุ่มคือ
- DE AVERAGING ไม่ต้องการเหมือนใคร อยากโดดเด่น
- DIGITAL ME อยากได้ต้องได้ ถ้าชอบแล้วจะซื้อเลย
- ALL ABOUT EXPERIENCE ต้องการประสบการณ์ใหม่ๆ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการเกิดความคิดสร้างสรรค์
- HEALTH IMPERATIVE สายสุขภาพ ผู้บริโภคต้องการผลิตภัณฑ์ที่ปกป้องตัวเอง ทั้งร่างกายและจิตใจ
- AUGMENTED PERFORMANCE เน้นประสิทธิภาพ พลังจากงานวิจัย และธรรมชาติ เพื่อให้เห็นประสิทธิภาพจากการใช้อย่างรวดเร็ว
- NEED FOR TRANSPARENCY ต้องการความโปร่งใส มีความเชื่อถือ เชื่อมั่นกับแบรนด์ที่ใช้
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้
Website : Marketeeronline.co /
