ยุคสมัยเปลี่ยน เทคโนโลยีการก่อสร้างบ้านก็เปลี่ยน จากไม้ เป็นอิฐ จากอิฐเป็นคอนกรีต ท่ามกลางยุคดิจิทัลทรานส์ฟอร์มเมชั่น คำถามที่เรากำลังทวนกันวันนี้อุตสาหกรรมการสร้างบ้านปัจจุบันสร้างความสุขให้กับผู้อยู่อาศัยอย่างแท้จริงหรือไม่ หรือนวัตกรรมเป็นเพียงตัวช่วยเพิ่มกำไรของดีเวลอปเปอร์เท่านั้น

อย่างที่เห็นตอนนี้ดีเวลอปเปอร์แทบจะ100% ใช้ผนังสำเร็จ (Precast) กันหมดแล้ว ข้อดีของพรีแคสมีหลายอย่าง ต้นทุนถูกลง ลดเวลาการทำงาน ผนังแข็งแรง รูปแบบสวย ไร้เสาไร้คาน

ว่ากันจริงๆแล้ว ตัวระบบพรีแคสนั้นเป็นเทคโนโลยีที่ยอมรับระดับโลก หากแต่ต้องอาศัยฝีมือความละเอียดของช่างหน้างาน แต่ที่เราเจอกันส่วนใหญ่ งานออกมาขาดความละเอียด มากถึงมากที่สุด

แทนที่จะได้ชื่นชมความสุขกับบ้านในฝัน ที่อาจหมายถึงเงินเก็บทั้งชีวิต กลับต้องพบปัญหามากมาย โดยเฉพาะเรื่องน้ำรั่วซึม บ้านทรุดแตกร้าว ทำเอาเจ้าของบ้านต้องกุมขมับ นอนไม่หลับ

ไม่แปลกที่หลายคนพอได้ยินพรีแคสก็เบือนหน้าหนี ขอแบบเดิมๆอิฐมอญ อิฐมวลเบา มีเสา มีคานสบายใจกว่า

คำถามคือ แล้วในปัจจุบันมีนวัตกรรมการสร้างบ้านอะไรที่ดีกว่านั้นหรือไม่

ดีที่ว่าคือไม่ใช่แค่ดีกับใครฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่วินวินทั้งผู้ขาย-ผู้ซื้อ

วันนี้พูดคุยกับสองผู้บริหาร ปราโมทย์ ธีรกุล ประธานกรรมการบริหาร เครือบริษัท โฟร์พัฒนา จำกัด อดีตนายกสมาคม และปัจจุบันเป็นกรรมการกิตติมศักดิ์สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน พร้อมด้วย ปรีดิ์ ธีรกุล กรรมการผู้จัดการ เครือบริษัท โฟร์พัฒนา จำกัด ถึงนวัตกรรม “ProFrame” ที่เป็นระบบการก่อสร้างรูปแบบใหม่ในอุตสาหกรรมการสร้างบ้าน ที่จะมาแก้ Pain point ได้ดีที่สุด

ปราโมทย์ ธีรกุล ประธานกรรมการบริหาร และ ปรีดิ์ ธีรกุล กรรมการผู้จัดการ เครือบริษัท โฟร์พัฒนา จำกัด

ProFrame คืออะไร

ต้องบอกว่าการสร้างบ้านด้วยระบบโครงสร้างเหล็กสำเร็จรูปได้รับความนิยมจากต่างประเทศมานานแล้ว ทั้งยุโรป หรืออย่างในเอเชียมีญี่ปุ่นเป็นผู้นำนวัตกรรมโครงสร้างเหล็กมานาน

แทนที่จะต้องหล่อเสา เทคานคอนกรีตซึ่งต้องใช้เวลามาก นำมาสู่การพัฒนาระบบโครงสร้างใหม่ที่ใช้เหล็กซึ่งเป็นวัสดุน้ำหนักเบากว่า ที่สำคัญคือคำนวนการติดตั้งมาแล้วด้วยระบบคอมพิวเตอร์ พร้อมประกอบที่หน้างานหรือ Pre-Engineered Steel ซึ่งเป็นการลดปัญหาอุปสรรคความผิดพลาดการเชื่อมประกอบและติดตั้งชิ้นส่วนหน้างาน อันอาจเกิดจากปัญหาฝีมือแรงงานของช่างก่อสร้าง (Human Error) ได้

สำหรับ ProFrame ถือเป็นอีกนวัตกรรมโครงสร้างเหล็กประเภทหนึ่งที่ได้รับความนิยมมากและพัฒนาอย่างต่อเนื่องโดยประเทศออสเตรเลียถือเป็นผู้นำนวัตกรรมนี้มาหลายสิบปี

แล้ว ProFrame ดีกว่าอย่างไร

ProFrame ช่วยเพิ่มความสะดวก รวดเร็ว และลดปริมาณคนงานก่อสร้างได้รวดเร็วกว่าถึง 2 เท่า คือถ้าเทียบกับระบบก่อสร้างก่ออิฐฉาบปูนต้องใช้เวลาโครงสร้างถึงประมาณ 150 -180วัน ซึ่งเมื่อรวมงาน Finishing งานพื้น ขอบประตู หน้าต่าง ตกแต่งแล้ว ก็ประมาณ 15 เดือนเสร็จ แต่ถ้าเป็นโครงสร้างเหล็กใช้เวลาประมาณ 50-60 วัน รวมงาน Finishing ก็จบได้ภายใน 8 เดือนเข้าอยู่ได้เลย” ปรีดิ์ ธีรกุล เล่า

หลายคนคงตั้งคำถาม แล้วเหล็กจะเป็นสนิมหรือไม่ นานๆไปบ้านไม่พังหรือ

ไม่ต้องกังวลไป ผู้บริหารเล่าต่อว่าเหล็กที่มาใช้ถูกเคลือบกันสนิมด้วยเทคโนโลยีจากญี่ปุ่น โครงสร้างถูกตัดเจาะด้วยเครื่อง CNC ประกอบเป็นชิ้นงานจากโรงงานตามมาตรฐานการผลิต ขนส่งไปติดตั้งที่หน้างานก่อสร้างได้ทันทีด้วยระบบสลักเกลียว  สถาปนิก วิศวกร สามารถตรวจสอบการประกอบ และคุณภาพในการก่อสร้างได้ง่าย

ProFrame เป็นระบบที่พัฒนาจากประเทศที่มีภัยพิบัติธรรมชาติบ่อย เพราะฉะนั้นบ้านเมืองเค้าก็เลยต้องพัฒนาหาอะไรที่โครงสร้างต้านทานพายุ แผ่นดินไหว ที่สำคัญตัวเหล็กนี่สามารถนำมาใช้ได้ใหม่เรื่อยๆ (Reused) กรณีที่อยากจะสร้างบ้านใหม่ ก็เอาเหล็กโครงสร้างเดิมมาใช้ต่อได้”

ProFrame คือภาพรวมใหญ่ในการใช้เหล็กทำโครงสร้างบ้าน ทีนี้มาดูกันว่างานแต่ละส่วนของระบบ ProFrameนั้นมีอะไรบ้าง

โครงสร้างผนังรับแรง (LOAD BEARING WALL)

ผลิตจากเหล็กกำลังสูงชุบกันสนิม หนา 0.55-0.95 มม. ตัด เจาะ จากโรงงานด้วยเครื่อง CNC ยึดประกอบด้วยรีเวทเหล็กกล้า ถูกออกแบบเข้ามารับแรงแทนระบบเสา คาน มีรูสำหรับเดินงานระบบ ซึ่งเครื่องจักรจะเจาะรู ขนาด 28 มม. เพื่อเดินสายไฟฟ้า และรูขนาด 70 มม. เพื่อเดินท่อระบบประปาและท่อระบบปรับอากาศ ออกแบบให้มีการเสริมโครง K Brace เพื่อรับแรงลมและแรงแผ่นดินไหว

โครงสร้างพื้น (FLOOR TRUSS)

ผลิตจากเหล็กหน้าตัดพิเศษ ยึดประกอบกันด้วยน็อตที่ชุบกันสนิมมีความจูงมีความแข็งแรงสูง สามารถรับน้ำหนักได้มากถึง 400 กก./ตร.ม. วางแผ่นพื้นด้วยแผ่นคอนกรีตมวลเบาเสริมเหล็ก (AAC Panel) ทำให้ติดตั้งง่าย รวดเร็วและแข็งแรง สามารถปูกระเบื้องหรือพื้นลามิเนททับได้เลย และยังสามารถเดินงานระบบหว่างโครงสร้างพื้นได้ทันที

โครงสร้างหลังคา

ผลิตจากเหล็กหน้าตัดพิเศษ ยึดประกอบกันด้วยน็อตที่ชุบกันสนิม มีความแข็งแรงสูง ไม่เกิดเสียงดังจากการขยายตัวของเหล็กเมื่อรับความร้อนจากหลังคา สามารถทำ Span ได้ถึง 30 เมตร โดยไม่ต้องเชื่อมและทนแรงลมได้ถึง 40 เมตรต่อวินาที

งานผนัง

รูปลักษณ์ไม่แตกต่างจากงานก่ออิฐฉาบปูน ใช้ระบบ Façade คอนกรีตมวลเบา มีความแข็งแรงคงทน ติดตั้งได้รวดเร็ว ทนต่อสภาพแวดล้อมภายนอกได้ดี สามารถฉาบได้เหมือนงานก่ออิฐปกติ ใส่ฉนวน Rock Wool ภายในช่องว่างระหว่างผนัง ทำให้กันความร้อนได้ดีกว่าระบบก่ออิฐมอญถึง 30 เท่า

ถ้าเทียบกับระบบผนังคอนกรีตพรีแคสอาจจะช้ากว่าหน่อย เพราะนั่นยกทั้งแผ่นมาประกอบเป็นจิ๊กซอว์เลย แต่ ProFrame ต้องค่อยๆประกอบทีละส่วน แต่เหมือนกันตรงที่ไม่ต้องมีเสามีคาน แข็งแรงเหมือนกัน แต่ตัววัสดุที่เบากว่า มีช่องว่างกันความร้อน จึงทำให้เย็นกว่าพรีแคสหลายเท่า

งานห้องน้ำ

ทำระบบกันซึมด้วยผลิตภัณฑ์กันซึม 3D ELASTIC C500 ลงบนแผ่นไฟเบอร์เมนต์บอร์ดบริเวณพื้นและผนัง ส่วนบริเวณ รอยต่อระหว่างผนังและพื้นจะเสริม Flashing เหล็ก ก่อนทำระบบกันซึมเพื่อป้องกันการรั่วซึมอีกหนึ่งชั้น ก่อนกรุวัสดุผิว

38 ปี โฟร์พัฒนา ความสำเร็จที่มาจากปากต่อปาก

อย่างไรก็ตาม อย่างที่บอกตั้งแต่ต้นเรื่องว่านวัตกรรมที่ดีที่สุด อาจจะไม่ใช่คำตอบ ถ้าอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ “ผู้สร้างบ้าน” ไม่มีความเป็น “มืออาชีพ”

ปัญหาอมตะนิรันดร์กาล ฉุดให้วงการรับเหมาก่อสร้างตกต่ำ คือมาตรฐานการทำงานของผู้รับเหมา ทำงานไม่ได้ตามสเปกที่ตกลงไว้ คุยกันไม่รู้เรื่องตกลงกันไม่ได้ สุดท้ายก็จบที่ทิ้งงาน นี่คือสิ่งที่น่ากลัวที่สุดที่ผู้บริโภคตาดำๆหลายคนเจอ

และนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมกว่า 38 ปี แบรนด์ “โฟร์พัฒนา” ถึงเป็นชื่อที่ลูกค้านึกถึงเป็นอันดับต้นๆถ้าคิดจะสร้างบ้านในที่ดินตัวเอง

ปราโมทย์ ธีรกุล ประธานกรรมการบริหาร เครือบริษัท โฟร์พัฒนา จำกัด อดีตนายกสมาคม และปัจจุบันเป็นกรรมการกิตติมศักดิ์สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน

“บ้าน  คือ  รากฐานความมั่นคงแห่งชีวิต กว่า 38 ปี ผมอยู่ในวงการนี้ ให้ความสำคัญ 3 หลักการทำงาน  ประการแรกคือความซื่อสัตย์  เป็นหัวใจสำคัญในการดำเนินธุรกิจ  เราซื่อสัตย์ต่อลูกค้า  ซื่อสัตย์ต่อคู่ค้าพันธมิตร  และซื่อสัตย์ต่อพนักงาน

ประการที่สอง  คุณภาพงาน  เราทำงานด้วยความเป็นมืออาชีพ  เราใช้ช่างของเราเอง  อันนี้เป็นเครื่องหมายการค้าของโฟร์พัฒนาเลย คือการไม่ใช้ผู้รับเหมาช่วง การทำงานเลยเราจึงควบคุมโปรเซสทุกอย่างได้ กำหนดระยะเวลาที่แน่นอนให้กับลูกค้าได้ ตรงนี้คือสร้างความมั่นใจให้ลูกค้ามาตลอด ไม่ต้องลุ้นว่าช่างจะมามั๊ยวันนี้ งานออกมาจะตรงสเปกรึเปล่า ช่างจะทิ้งงานหรือไม่ ไม่มี ไม่เคยเกิดขึ้น

เราใช้สถาปนิกในการดูแลลูกค้าตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ใช่พนักงานขายที่ขายอย่างเดียวไม่มีความรู้เรื่องบ้าน  การดีลทุกอย่างจึงเป็นระบบ  บ้านทุกหลังจึงไม่ใช่แค่สวยงาม หรือเสร็จอย่างสบายใจ ไม่เกินงบเท่านั้น แต่ฟังก์ชันที่ได้ยังตอบโจทย์การใช้งานจริงๆ

และประการที่สาม  ที่ผมให้ความสำคัญคือ  บุคลากร  เราใส่ใจคุณภาพชีวิตของพนักงานทุกระดับทั้งภายในและภายนอกองค์กร  เพราะงานจะออกมาดีมีคุณภาพได้นั้นล้วนมาจากฝีมือของคน  บ้านที่โฟร์พัฒนาสร้างมีความประณีต  จึงเป็นที่ยอมรับโดยเฉพาะในด้านฝีมือ  และคุณภาพในระดับมาตรฐานเหนือมาตรฐาน”

Positioning ของโฟร์พัฒนาชัดเจนว่าเน้นลูกค้ากลุ่มระดับบนมาตั้งแต่เริ่มต้น เป็นของดีราคาแพง คือจ่ายแล้วจบไม่ต้องเจอปัญหาให้ปวดหัว เอาเวลาไปทำอย่างอื่นได้เลย

“สิ่งที่เราภูมิใจคือ เราไม่เคยใช้ Aggressive Campaign  60% ของยอดขายมาจากลูกค้าเก่าที่ประทับใจ สร้างบ้านอีกหลังก็เรียกเรา หรือบอกเพื่อนพี่น้องถ้าใครจะสร้างบ้านให้คุยกับโฟร์พัฒนาก่อน เรียกว่าเติบโตจากปากต่อปาก”

ส่วนหนึ่งงานที่ลูกค้ารีวิวความประทับใจ

โฟร์พัฒนา สร้างบ้านระดับราคา 7 ล้านขึ้นไป แบ่งกลุ่มบ้านเป็น  4  Series Green Series, Young Executive Series, Premium Series  และ  Elegant Series  ในแต่ละซีรีย์ มีจุดเด่น สไตล์ที่ต่างกัน ตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างครอบคลุม นอกจากการสร้างบ้านแล้ว ยังเติมเต็มด้วยบริการออกแบบตกแต่งภายใน จัดสวน ให้ครบแบบ  ONE  STOP  SERVICE  โดยกลุ่มบริษัทในเครือโฟร์พัฒนากรุ๊ปทั้งหมด  5  บริษัท  ได้แก่  บริษัท  โฟร์พัฒนา  จำกัด,  บริษัท  โฟร์พัฒนาพรีเมี่ยม  จำกัด,  บริษัท  โฟร์ดีเวลลอป  เฮ้าส์  จำกัด,  บริษัท  โฟร์เอ็กซ์ตร้า  บิวท์  จำกัด  และบริษัท  โฟร์พัฒนา  อินทีเรีย  จำกัด

เปิดตัว Creative Living x ProFrame ครั้งแรกของบ้าน ProFrameในเมืองไทย

ด้วยยึดหลักโปรดักชั่นนำมาร์เก็ตติ้ง สิ่งที่โฟร์พัฒนาไม่หยุดคือการสร้างนวัตกรรม และนั่นเป็นที่มาว่าทำไม จากผู้เชี่ยวชาญระบบเก่าที่ดีอยู่แล้ว จึงต้องหาโซลูชันใหม่อย่าง ProFrame มาตอบโจทย์ผู้บริโภคให้ดียิ่งขึ้น

“ส่วนตัวผมยังเชื่อว่าระบบเดิมก่ออิฐฉาบปูนยังยืนอยู่ได้อีกนาน แต่เราก็ต้องพัฒนาหาสิ่งที่ดีขึ้นกว่าเดิมอยู่ตลอด เราปฏิเสธไม่ได้ว่าเทรนด์การสร้างบ้านแบบสำเร็จรูปเป็นที่นิยม และเราก็จำเป็นต้องปรับตัวไปสู่ระบบใหม่ๆ ที่ทำให้สร้างบ้านได้เร็วขึ้น แต่เราก็ต้องหาสิ่งที่ดีที่สุด ที่ไม่ใช่แค่เราเท่านั้นที่ได้ประโยชน์ แต่ลูกค้าต้องพอใจด้วย” ปราโมทย์เน้นย้ำ

และนั่นจึงเป็นที่มาของความร่วมมือระหว่างโฟร์พัฒนากับบริษัท แอล จี เอส โซลูชั่นส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านวิศวกร ออกแบบงานสถาปัตยกรรม เรียกว่าเป็นบริษัทกุนซือของโฟร์พัฒนาตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน

จับมือกันสร้างโปรเจคใหม่ขึ้นมา “Creative Living xProFrame” โดยแอล จี เอส โซลูชั่นส์จะเป็นพาร์ทเนอร์สำคัญด้านเทคโนโลยีการก่อสร้าง Pro frame ให้กับโฟร์พัฒนา

“เราเป็นบริษัทบ้าน 1 ใน 5 บริษัทที่ดีที่สุดในเมืองไทย ส่วนทางแอล จี เอส โซลูชั่นส์ก็เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีระดับท็อปประเทศเหมือนกัน เราทำงานด้วยกันมานาน และนี่ก็จะเป็นความร่วมมือที่จะสร้างมิติใหม่ของการรับสร้างบ้านด้วยนวัตกรรมที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน”

แก้ Pain point การก่อสร้างอย่างยั่งยืน

Pain point อย่างหนึ่งของวงการรับสร้างบ้าน คือความไม่เข้าใจกัน สื่อสารไม่เคลียร์คัตชัดเจน เมื่อลูกค้าเห็นงานออกมาแล้วไม่ตรงกับที่คิดไว้ สั่งให้รื้อใหม่ ซึ่งนำไปสู่การทิ้งงานในที่สุด

ซึ่งระบบ ProFrame จะไม่ใช่การทำงานแบบทำไปแก้ไป เนื่องจากต้องวางแผนก่อนสร้างทุกอย่าง รายละเอียดนอกบ้าน ในบ้าน ดีเทลเล็กๆ ปลั๊กไฟอยู่ตรงไหน ท่อประปาเดินต่ออย่างไร ต้องคิดออกแบบงาน Finishing ตั้งแต่ตอนเริ่มสร้าง ก่อนที่จะป้อนข้อมูลผ่านโปรแกรมคำนวณโครงสร้างทุกอย่าง ซึ่งแน่นอนว่าแก้ไขทีหลังไม่ได้ ลูกค้าเองก็ได้ความชัดเจน งานสร้างจริงได้ตรงตามที่ตามแบบ มุมเป๊ะ องศาตรง ส่วนตัวผู้สร้างเองก็ทำงานได้ไว ไม่ต้องทำไปทุบไป ช่วยลดความขัดแย้งหน้างานได้

“ลูกค้าส่วนใหญ่มีภาพในใจว่า อยากได้บ้านแบบนี้ อยากจะสไตล์แบบนี้ แต่อาจยังไม่เห็นภาพการใช้สอยในบ้านว่าตัวเองต้องการอะไร ซึ่งการที่เรามีสถาปนิกเป็นผู้ดูแลลูกค้า จะช่วยออกแบบโดยคำนึงถึงการใช้สอยจริง แล้ววางแผนทำกันตั้งแต่ต้น”

“อีกเรื่องหนึ่งคือดีไซน์ คนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับดีไซน์มากขึ้น ซึ่งตัว ProFrame จะช่วยให้งาน Finishing ตลอดจนงานตกแต่งต่างๆ ทำได้ง่ายเพราะสัดส่วนบ้านได้ตรงตามขนาดแปลน 100%”

ถามถึงการตั้งเป้า ทั้งคู่ยิ้มตอบยังไม่ได้คิดถึงเรื่องยอดขาย เพราะสิ่งที่มองตอนนี้คือการ Educate คนให้รู้จักและมั่นใจว่านวัตกรรมนี้จะช่วยตอบโจทย์บ้านในฝันของลูกค้าจริงๆ

4 ทศวรรษ โฟร์พัฒนา การผสมผสานระหว่างประสบการณ์ของคนรุ่นเก่า กับพลังความสร้างสรรค์ของคนรุ่นใหม่

“วันนี้โฟร์พัฒนาเดินมาจะ 4 ทศวรรษแล้ว ผมคิดว่าจุดแข็งของเราคือ ประสบการณ์ของคนทำงานสมัยก่อน ความน่าเชื่อถือ ความซื่อสัตย์ที่พิสูจน์กันมาอย่างยาวนาน กับคนรุ่นใหม่ซึ่งลูกชายผม(ปรีดิ์)รู้อยู่แล้วว่าจะตอบโจทย์คนในรุ่นเขาอย่างไร ภาพของโฟร์พัฒนาวันนี้คือการผสมผสานกันระหว่างประสบการณ์ กับพลังของความสร้างสรรค์ ซึ่ง ProFrame ก็คืออีกหนึ่งคีย์เวิร์ดของความสร้างสรรค์ที่เราอยากจะทำให้มันเกิดขึ้นในอุตสาหกรรมรับสร้างบ้านนี้ ผมเชื่อว่ามันวินวินทุกฝ่ายจริงๆ”

สำหรับใครที่สนใจนวัตกรรมบ้าน ProFrame ต้องไปดูที่งานสถาปนิกวันที่ 30 เมษายน-5 พฤษภาคมนี้ ที่อิมแพคเมืองทองธานี ซึ่งทางโฟร์พัฒนาจัดบูธ H509

ซึ่งจะมีทีมงานสถาปนิกแนะนำรายละเอียดครบถ้วน

และที่สำคัญ!  งานนี้มีโปรโมชันพิเศษสำหรับผู้จองบ้าน ProFrame ราคาพิเศษสุด ซึ่งงานนี้ผู้บริหารบอกว่าตั้งใจลดราคาเป็นพิเศษในงานนี้จำนวน 3 หลังเท่านั้น!

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมคลิก https://www.fourpattana.com/



ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ

.
Marketeer ฉบับดิจิทัล : อ่านบน Ookbee / อ่านบน meb
.
Marketeer ฉบับ PDF : https://marketeermagazine.com/
.
Marketeer ฉบับกระดาษ : สั่งซื้อทางไปรษณีย์ Inbox มาที่ เพจ Marketeer Online