ตลาดกล้องดิจิทัล กำลังถูกท้าทายจากสมาร์ทโฟน กรณีศึกษา บิ๊ก คาเมร่า

ปีที่ผ่านมาตลาดกล้องดิจิทัลมีมูลค่ากว่า 8,000 ล้านบาท

ส่วนปีนี้ตลาดกล้องคาดว่าน่าจะมีมูลค่าลดลง

เพราะกำลังถูกท้าทายจากสมาร์ทโฟน

เทคโนโลยีและฟังก์ชันเสริมที่มีในสมาร์ทโฟนในปัจจุบันสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้คนได้ไม่แพ้การใช้กล้องอีกต่อไป

ยอดขายกล้องดิจิทัลทั้งในแง่มูลค่าและจำนวนเครื่องในช่วง 6 เดือนแรกลดลงกว่า 25%

และไม่ใช่แค่ส่งผลกับผู้ผลิตกล้องอย่างแคนนอน ฟูจิ นิคอนเท่านั้น แต่ร้านตัวแทนจำหน่ายก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน

แม้กระทั้ง “บิ๊กคาเมร่า” ร้านที่เป็นศูนย์รวมอุปกรณ์ถ่ายภาพที่มีมาร์เก็ตแชร์เป็นอันดับ 1 รายได้และกำไรในไตรมาส 3 ปีนี้บอกเลยว่าเหนื่อยกว่า

แล้วรายได้-กำไรลดลงเท่าไรกัน

รายได้จากการขายและบริการในไตรมาส 3 ของบิ๊กคาเมร่าอยู่ที่ 965.79 ล้านบาท

ลดลง 255.59 ล้านบาท คิดเป็น 20.93% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2561 ที่มีรายได้ 1,221.38 ล้านบาท

และลดลงจากไตรมาสก่อนด้วยเหมือนกัน โดยไตรมาสก่อนมีรายได้ 1,030.41 ล้านบาท

โดยรายได้กว่า 965 ล้านบาทนั้นมาจาก

– การขายสินค้าในกลุ่มอุปกรณ์ถ่ายภาพผ่านทางร้านบิ๊ก คาเมร่า 86%

– รายได้จากการขายโทรศัพท์เคลื่อนที่ผ่านทางร้าน บิ๊ก โมบาย บาย บิ๊ก คาเมร่า 11%

– รายได้ในส่วนงานบริการภาพพิมพ์ และงานบริการอื่นๆ 3%

แน่นอนว่ารายได้ลด กำไรย่อมลดตาม แล้วกำไรลดลงขนาดไหน

กําไรสุทธิประจําไตรมาส 3 อยู่ที่ 20.5 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 78.2% ที่มีกำไรสุทธิ 94.33 ล้านบาท

และหากเทียบจากไตรมาสก่อน กำไรสุทธิก็ลดลงเช่นกัน โดยไตรมาสก่อนมีกำไรที่ 35.35 ล้านบาท

เหตุผลหลักๆ ว่าทำไมตลาดกล้องและร้านบิ๊ก คาเมร่า มียอดขาย รายได้ไม่หวือหวาเท่าที่ควรนั้นมาจาก

สภาวะเศรษฐกิจโดยภาพรวมที่ส่งผลกระทบมาตั้งแต่ช่วงต้นปี ส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคมีไม่มากเท่าเดิม

มองตามความเป็นจริงกล้องถือเป็นกลุ่มอุปกรณ์ฟุ่มเฟือยที่ได้รับผลกระทบ เพราะคนเราจะซื้อกล้องตัวหนึ่งพร้อมอุปกรณ์ด้วยแล้ว ในสมัยนี้ก็ราคาแรงไม่น้อยอย่างน้อยก็ต้องมีราคา 30,000 บาทขึ้นไป

และถ้าไม่นับอาชีพช่างภาพที่ต้องใช้กล้องหรืออุปกรณ์ต่างๆ เป็นประจำ ก็มักซื้อกล้องหนึ่งตัวแล้วใช้ยาวไปเลยมากกว่าซื้อแล้วเปลี่ยนบ่อยๆ