โรงรับจำนำ แหล่งเงินด่วนของคนไทยถึงเวลาปรับตัวสู้ Disruption (วิเคราะห์)
โรงรับจำนำ หรือที่คนสมัยก่อนขนานนามว่าเป็น ‘ธนาคารคนยาก’ เพราะเป็นแหล่งเงินกู้ทางเลือกของผู้ทื่ไม่มีเครดิต (Credit) แต่มีทรัพย์สินจึงใช้เป็นเครื่องค้ำประกันแทน
ว่ากันว่า ผู้ตั้งโรงรับจำนำแห่งแรกเป็นชาวจีนชื่อ “ฮง” เปิดขึ้นในปี 2404 หรือสมัยรัชกาลที่ 4 ย่านประตูผี ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นที่ตั้งของ ‘โรงรับจำนำสำราญราษฎร์’ …แต่มีอีกหลักฐานระบุว่า โรงรับจำนำอาจมีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา โดยพบว่ามีพระราชกำหนดที่ออกสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ปี 2284 ที่ห้ามไม่ให้จำนำสิ่งของในเวลากลางคืน เพราะจะเกิดการลักขโมยได้ง่าย
มาถึงวันนี้ โรงรับจำนำก็ยังอยู่เป็นเพื่อนคู่ทุกข์คู่ยากกับคนไทยบางกลุ่ม และเพื่อให้ธุรกิจโรงรับจำนำยังไปต่อได้ท่ามกลางการแข่งขันในยุคปัจจุบัน ที่ทางเลือกเงินกู้มีมากขึ้น แถมยังทำได้ง่ายเพียงแค่กดมือถือ โรงรับจำนำหลายแห่งพากันปรับตัว ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ โรงรับจำนำ Easy Money โรงรับจำนำเอกชนรายใหญ่ของประเทศไทย ที่ประกาศเดินหน้าปรับตัวเพื่อเป็น ‘สถาบันสินเชื่อทางเลือก’ คู่คนไทย
Pain Point จากสินเชื่อธนาคาร สู่โรงรับจำนำรายใหญ่
โรงรับจำนำ Easy Money ของบริษัท ตั้งธนสิน จำกัด ก่อตั้งขึ้นในปี 2547 โดย คุณสิทธิวิชญ์ ตั้งธนาเกียรติ ซึ่งมีประสบการณ์ด้านสินเชื่อเพื่อการดำรงชีวิตและเพื่อประกอบอาชีพ โดยเขาเห็นถึง Pain Point ของผู้ขอสินเชื่อกับธนาคารพาณิชย์ยุคนั้น ที่ว่ากว่าจะได้เงินต้องใช้เวลาพิจารณานาน ขั้นตอนยุ่งยาก เอกสารมากมาย แถมบางรายลงท้ายด้วยการถูกปฏิเสธ
ขณะที่จุดเด่นของโรงรับจำนำคือ รวดเร็ว ขั้นตอนน้อย ได้เงินง่าย และได้เงินชัวร์ (กรณีที่ของจำนำไม่มีปัญหา) เพราะเป็นการนำทรัพย์สินมาแปลงเป็นเงินสด ที่ผ่านมา โรงรับจำนำจึงถือเป็นแหล่งเงินทุนทางเลือกอันดับต้นในยามที่ประชาชนต้องการสินเชื่อเร่งด่วน
โรงรับจำนำ Easy Money สาขาแรกเปิดตัวที่เมืองรังสิต จ. ปทุมธานี เมื่อปี 2548 จากนั้นก็ขยายตัวมาเรื่อยๆ จนปัจจุบันมีทั้งหมด 50 สาขาใน 28 จังหวัดครบทุกภาค แต่ยังไม่มีในกรุงเทพฯ นอกจากนี้ Easy Money ยังมีร้านจำหน่ายสินค้าหลุดจำนำภายใต้ชื่อ Easy Money Shop อีก 2 แห่ง ที่เซ็นทรัลพระราม 3 และที่นครราชสีมา
สำหรับเหตุผลที่ Easy Money ไม่มีโรงรับจำนำในกรุงเทพฯ คุณสิทธิวิชญ์กล่าวว่า อาจเป็นเพราะกระทรวงมหาดไทย (ผู้ออกใบอนุญาตจัดตั้งโรงรับจำนำ) มองว่ากรุงเทพฯ มีโรงรับจำนำอยู่มากแล้ว
คุณสิทธิวิชญ์ระบุว่า ปัจจุบันโรงรับจำนำทั่วประเทศน่าจะมีราว 800 แห่ง แบ่งเป็น
- ‘สถานธนานุเคราะห์’ หรือโรงรับจำนำของรัฐ ซึ่งมีทั้งหมด 39 แห่ง เฉพาะในกรุงเทพฯ มีมากถึง 29 แห่ง
- ‘สถานธนานุบาล’ แบ่งเป็น โรงรับจำนำของกรุงเทพมหานคร 21 แห่ง และโรงรับจำนำขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศอีกเกือบ 240 แห่ง
- โรงรับจำนำเอกชน กระจายอยู่ทั่วประเทศราว 500 แห่ง
Easy Money ถือเป็นโรงรับจำนำที่มีสาขามากที่สุดในประเทศไทย และอาจเรียกได้ว่าเป็นโรงรับจำนำเอกชนที่มีเงินหมุนเวียนในกิจการสูงที่สุดแห่งหนึ่งของไทย โดยมีกระแสเงินหมุนเวียนเฉลี่ยเดือนละ 2,000-3,000 ล้านบาท อัตราการเติบโตเฉลี่ย 20% ต่อปี
ผลประกอบการปี 2561 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 2,744,346,295.8 บาท เติบโตจากปี 2560 กว่า 13% ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 33,245,518.9 บาท เติบโตจากปี 2560 ถึงกว่า 40% แหล่งรายได้หลักของธุรกิจมาจากดอกเบี้ย ขณะที่รายได้รองคือ การขายสินทรัพย์หลุดจำนำ
ภาพจำด้านลบ …ความท้าทายใหญ่ในธุรกิจโรงจำนำ
ตลอด 15 ปีที่ผ่านมาธุรกิจโรงรับจำนำ Easy Money ยังคงเติบโตได้ดี ปัจจุบันมีฐานลูกค้าหลายแสนราย โดยแบ่งเป็นกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าและธุรกิจ SME ขนาดเล็กประมาณ 25% จากเดิม 23% โดยเหตุผลที่ SME เพิ่มขึ้นเป็นเพราะโรงรับจำนำช่วยเปลี่ยนสินทรัพย์เป็นสภาพคล่องให้กับกิจการได้ทันกับความต้องการหรือความจำเป็นของธุรกิจได้เป็นอย่างดี ส่วนที่เหลืออีก 75% เป็นกลุ่มมนุษย์เงินเดือนและคนทั่วไป
ถึงที่ผ่านมาธุรกิจจะเติบโตเป็นอย่างดี แต่คุณสิทธิวิชญ์มองว่า มีอุปสรรคสำคัญที่ท้าทายธุรกิจโรงรับจำนำ และต้องก้าวข้ามไปให้ได้เพื่อจะได้เติบโตต่อไปในอนาคต
ความท้าทายนั้นคือ ภาพจำในอดีตของโรงรับจำนำตั้งแต่ม่านไม้ไผ่หรือกระจกทึบปิดบังประตูเข้าออก ทำให้คนภายนอกไม่อาจมองเห็นคนข้างในได้ชัดเจน บวกกับสภาพภายในตึกที่สีค่อนข้างมืดทึบ และลูกกรงเหล็ก ทำให้บรรยากาศดูไม่ค่อยเป็นมิตร ยิ่งมาได้ยินกรณีผู้จำนำถูกกดราคา ถูกสับเปลี่ยนทอง ของจำนำถูกทำให้เสียหาย นี่ยังไม่นับรวมภาพหมึกสีน้ำเงินติดอยู่ที่หัวแม่มือที่เป็นหลักฐานการเข้าโรงจำนำ ฯลฯ
ทั้งหลายเหล่านี้ คุณสิทธิวิชญ์มองว่าล้วนทำให้ภาพลักษณ์การเข้าโรงจำนำกลายเป็นเรื่องน่าอาย ต้องปกปิด และหลายคนเลือกที่จะเลี่ยงไปใช้บริการสินเชื่อจากแหล่งอื่น รวมถึงยอมเป็นหนี้บัตรเครดิต ยอมกู้นอกระบบ ทั้งที่ดอกเบี้ยของโรงรับจำนำถูกกว่าตั้งเยอะ
เพื่อลบภาพจำแย่ๆ เหล่านี้ คุณสิทธิวิชญ์จึงพยายามยกระดับโรงรับจำนำ Easy Money โดยชูแนวคิดในการเป็น ‘สถาบันสินเชื่อทางเลือกของคนไทย’ ด้วยการเพิ่มความน่าเชื่อถือ เพิ่มบรรยากาศและบริการที่เป็นมิตร ควบคู่ไปกับการตอกย้ำจุดแข็งของโรงรับจำนำในเรื่องของ ‘การได้เงินง่าย ได้เงินเร็ว ได้เงินชัวร์’ ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
การปรับตัวใน 3 (+1) เรื่องของ Easy Money
1. ใช้เทคโนโลยีและดีไซน์ใหม่
โรงรับจำนำ Easy Money พลิกโฉมโรงรับจำนำใหม่ โดยใช้วิธีติดกระจก ตกแต่งให้ดูทันสมัย โอ่โถงโล่งสบาย สีสันสดใส เปลี่ยนจากลูกกรงเหล็กเป็นเคาน์เตอร์กระจก เพื่อให้ลูกค้าสามารถเห็นตาชั่งและการจัดเก็บทรัพย์ของตัวเองได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ ยังมีการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาใช้ให้บริการ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ออกตั๋ว คิดและคำนวณดอกเบี้ย ใช้เทคโนโลยีบาร์โค้ด และ Finger Scan เพื่อยืนยันตัวตนและความเป็นเจ้าของทรัพย์ แทนการปั๊มหัวแม่มือ
2. ใช้ความเป็นมืออาชีพ
เพื่อให้บริการได้อย่างรวดเร็ว อีกกุญแจในการให้บริการ คือความเชี่ยวชาญของเจ้าหน้าที่ในการแยกแยะและประเมินทรัพย์สินได้อย่างแม่นยำ ซึ่งคุณสิทธิวิชญ์บอกว่าทักษะของ Easy Money ทำให้ลูกค้าที่นำทองมาจำนำจะได้รับเงินภายใน 3 นาที ขณะที่ทรัพย์สินประเภทอื่นจะใช้เวลาเฉลี่ยไม่เกิน 20-30 นาที
เกณฑ์ทั่วไปในการประเมินราคาทรัพย์สินหรือของที่เอาไปจำนำจะได้เงินมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับ 1) สภาพคล่องทรัพย์สินในการขายทรัพย์นั้น ถ้าซื้อง่ายขายคล่องก็จะได้ราคาประเมินดี 2) ราคาตลาดของทรัพย์นั้น เช่น ราคาทอง ณ วันนั้น หรือราคากระเป๋าแบรนด์เนมรุ่นนี้ในตลาดซื้อขายกันที่เท่าไร ฯลฯ และ 3) สภาพความสมบูรณ์ของทรัพย์ที่นำมาจำนำ เช่น ไม่มีตำหนิ มีใบรับประกัน ฯลฯ
คุณสิทธิวิชญ์เล่าว่า ด้วยความชำนาญของเจ้าหน้าที่ประเมินทรัพย์สินของที่นี่ ทำให้ Easy Money มีความสามารถในการรับจำนำของได้อย่างหลากหลาย ตั้งแต่ทอง เพชร นาฬิกา กระเป๋าแบรนด์เนม ถุงกอล์ฟแบรนด์เนม รองเท้าแบรนด์เนม ไปจนถึงของสะสมอย่างตุ๊กตาบลายธ์ ตุ๊กตาเฟอร์บี้ กีตาร์รุ่นลิมิเต็ด หรือพระเครื่องเกจิดัง ฯลฯ
3. ใช้มาตรฐานบริการเดียวกับธนาคาร
เพื่อให้ผู้ใช้บริการยอมรับและเชื่อถือ คุณสิทธิวิชญ์มองว่า มาตรฐานในการเก็บรักษาทรัพย์จำนำต้องดีเทียบเท่าสถาบันการเงินชั้นนำ โดยที่ Easy Money เครื่องประดับทองและเพชรทุกชิ้นจะถูกเก็บในซองพลาสติกอย่างหนารีดร้อนทั้ง 4 ด้าน เพื่อไม่ให้ทรัพย์กระทบกันจนเกิดเป็นรอย และทรัพย์จำนำจะถูกเก็บอย่างเป็นระบบใน ‘ห้องมั่นคง’
คุณสิทธิวิชญ์เล่าว่า ด้วยมาตรฐานการเก็บรักษาทรัพย์ที่เทียบเท่าหรือดีกว่าทำให้มีลูกค้าบางรายเลือกที่จะนำทรัพย์มาฝากที่โรงรับจำนำ Easy Money แทนฝากกับธนาคาร โดยยอมเสียดอกเบี้ยเป็นค่าฝากทรัพย์
นอกจากนี้ โรงรับจำนำ Easy Money ยังเน้นบริการด้วยความสุภาพและสร้างความประทับใจให้ลูกค้าด้วยบริการเสริมอื่นๆ เช่น บริการเตือนเพื่อไม่ให้ลูกค้าเผลอปล่อยทรัพย์หลุดจำนำ และห้องรับรองมิดชิด (ห้อง VIP) สำหรับลูกค้าที่จำนำหลายชิ้น พร้อมด้วยเครื่องนับเงินเสร็จสรรพ เป็นต้น
4. ใช้ Wording ใหม่
นอกจากความพยายามในการปรับปรุงรูปโฉม ระบบ และบริการของโรงรับจำนำ อีกกลยุทธ์ที่คุณสิทธิวิชญ์พยายามใช้เพื่อเปลี่ยนภาพลักษณ์เชิงลบของการจำนำและผู้ใช้บริการโรงรับจำนำ คือวาทกรรมที่ว่า….
“ผู้ใช้บริการโรงรับจำนำ คือกลุ่มคนที่มีความสามารถในการเก็บออมและมักซื้อของสะสมมีค่าตามรสนิยม แล้วเมื่อถึงเวลาที่ต้องการใช้เงินด่วนก็รู้จักบริหารสภาพคล่องอย่างชาญฉลาด และรู้จักพึ่งพาตัวเองในสถานการณ์ฉุกเฉิน ด้วยการนำทรัพย์สินเหล่านั้นมาเปลี่ยนเป็นเงินสด (หรือเปลี่ยนเป็นทุนสำหรับกลุ่ม SME) แล้วเมื่อได้รายได้มาก็กลับมาไถ่ถอน โดยเสียดอกเบี้ยต่ำกว่าแหล่งสินเชื่อหลายๆ แห่ง”
ซึ่งฟังดูก็ไม่ใช่การเยินยอลูกค้าที่เกินไปนัก เพราะเมื่อดูจากอัตราผู้จำนำที่ปล่อยให้ทรัพย์หลุดซึ่งมีเพียง 5% ของผู้จำนำทั้งหมด ก็สะท้อนวินัยการใช้เงินของผู้ใช้บริการจำนำได้ ไม่มากก็น้อย
ทรัพย์สินยอดฮิตที่ถูกจำนำ
สำหรับสินค้ายอดฮิตที่ถูกจำนำที่โรงรับจำนำ Easy Money มากที่สุด 5 อย่าง ได้แก่
1) ทองคำและเครื่องประดับทอง มีสัดส่วนสูงถึง 70-80%
2) เพชรและเครื่องประดับเพชร
3) นาฬิกาตั้งแต่แบรนด์ยอดนิยมอย่าง G-Shock ไปถึงแบรนด์หรู
4) สินค้าแบรนด์เนม ถือเป็นของจำนำที่มาแรงมากในช่วงหลัง เนื่องจากคนรุ่นใหม่นิยมสะสมของแบรนด์เนมมากขึ้น ขณะเดียวกันก็มีคนนิยมซื้อสินค้าแบรนด์เนมมือสองเพิ่มขึ้น ทำให้สินค้าซื้อง่ายขายคล่อง
5) สินค้าไอที รวมถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าสมัยใหม่
ส่วนสินค้าที่ไม่รับจำนำ ได้แก่ ทรัพย์สินที่กฎหมายระบุให้ต้องมีทะเบียน เช่น ปืน, รถ ฯลฯ
เปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยโรงรับจำนำ
ข้อมูลจากสำนักงานสถานธนานุเคราะห์ ระบุว่า
เงินต้นไม่เกิน 5,000 บาทคิด อัตราดอกเบี้ย 0.25% ต่อเดือน
เงินต้น 5,001 บาท แต่ไม่เกิน 10,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 0.75% ต่อเดือน
เงินต้น 10,001 บาท แต่ไม่เกิน 20,000 บาท คิดดอกเบี้ย 1.00% ต่อเดือน
และเงินต้น 20,001 บาท แต่ไม่เกิน 100,000 บาท คิดดอกเบี้ย 1.25% ต่อเดือน
ข้อมูลจากเว็บไซต์สถานธนานุบาลกรุงเทพมหานคร ระบุว่า
เงินต้นไม่เกิน 5,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 0.25 % ต่อเดือน
เงินต้น 5,001 – 15,000 บาท คิดดอกเบี้ย 1.00 % ต่อเดือน
เงินต้นเกิน 15,000 บาท การคิดดอกเบี้ยแบ่งเป็น เงินต้น 2,000 บาทแรก 2 % ส่วนที่เกิน 2,000 บาท 1.25 % ต่อเดือน
ข้อมูลจาก โรงรับจำนำ Easy Money ระบุว่าการคิดอัตราดอกเบี้ยของโรงรับจำนำเอกชนเป็นไปตาม พ.ร.บ.โรงรับจำนำ พ.ศ. 2505 โดยกำหนดว่า
เงินต้น 2,000 บาทแรก คิดอัตราดอกเบี้ย 2% ต่อเดือน ส่วนที่เกินจากนั้นคิดอัตราดอกเบี้ย 1.25% ต่อเดือน
พูดง่ายๆ ก็คือเพดานอัตราดอกเบี้ยสูงสุดไม่เกิน 1.25% ต่อเดือน ซึ่งถูกกว่าอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิต สินเชื่อบุคคล และเงินกู้นอกระบบ แน่นอน!!
ของหลุดจำนำ… ช้อปปิ้งทางเลือกของคนฉลาดซื้อ
ตามกฎหมายระบุว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่ผู้จำนำขาดส่งดอกเบี้ยเกินระยะเวลา 4 เดือน กับอีก 30 วัน จะถือว่าทรัพย์ที่นำมาจำนำนั้นกลายเป็นทรัพย์หลุด ตกเป็นสิทธิ์ของโรงรับจำนำ ซึ่งถ้าเจ้าของทรัพย์อยากได้คืนจะต้องทำการประมูลหรือซื้อคืนจากโรงรับจำนำ
หมายความว่า ตราบใดที่ผู้จำนำยังคงจ่ายดอกเบี้ยไปเรื่อยๆ กรรมสิทธิ์ในทรัพย์ที่นำไปจำนำก็ยังจะเป็นของตนจนกว่าจะขาดส่งดอกเบี้ยเกินกว่า 4 เดือนกับอีก 30 วัน
สำหรับโรงรับจำนำ Easy Money ค่าเฉลี่ยของผู้ที่ปล่อยทรัพย์หลุดจำนำในแต่ละปีจะอยู่ที่ประมาณ 5% ของจำนวนผู้จำนำทั้งหมด ซึ่งเทียบเท่ากับ 5% ของจำนวนทรัพย์ที่ถูกจำนำ ยกเว้นปีที่เศรษฐกิจไม่ดี อัตราส่วนของทรัพย์หลุดจะเพิ่มขึ้น
สำหรับทรัพย์ที่หลุดจำนำจะถูกขายผ่านสาขาทั้ง 50 สาขา บางชิ้นอาจถูกนำไปขายในร้าน Easy Money Shop ซึ่งมีสาขาอยู่ที่เซ็นทรัลพระราม 3 และที่นครราชสีมา นอกจากนี้ ผู้สนใจสินค้าหลุดจำนำของ Easy Money ยังสามารถเข้าไปดูสินค้าได้ที่เว็บไซต์และ Facebook ของร้าน โดยคุณสิทธิวิชญ์ย้ำว่า จุดเด่นของสินค้าหลุดจำนำของ Easy Money คือของทุกชิ้นมีใบรับประกัน ขณะที่เครื่องประดับเพชรจะรับประกันจำนำคืนถึง 80%
พฤติกรรมจำนำกับดัชนีชี้วัดเศรษฐกิจ
จากประสบการณ์ในธุรกิจโรงรับจำนำมากว่า 15 ปี คุณสิทธิวิชญ์ได้ให้ข้อมูลดัชนีเศรษฐกิจโดยส่องผ่านพฤติการณ์โรงรับจำนำ โดยมีข้อมูลที่น่าสนใจ ดังนี้
- ช่วงที่เศรษฐกิจฟื้นตัวหรือเศรษฐกิจทรงตัว การเข้าโรงจำนำก็เพิ่มขึ้นได้เนื่องจากกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าและ SME (ใจสู้) ที่เห็นโอกาสในการขยายกิจการ จะมีต้องการเงินทุนระยะสั้น (เร่งด่วน) เพื่อมาหมุนเวียนในธุรกิจ และไปซื้อสินค้ามาสต๊อกเพิ่มให้ท้นกับการบริโภคที่ฟื้นตัว
- ผู้จำนำส่วนใหญ่มักไม่ปล่อยให้ทรัพย์หลุด ยกเว้นปีที่เศรษฐกิจฝืดเคืองมากๆ คนได้รับโบนัสน้อยลง คนมีรายได้ลดลง และมีคนตกงานเพิ่มขึ้น ปีนั้นทรัพย์จะหลุดเยอะ (นั่นแปลว่าไม่มีแม้กระทั่งเงินส่งดอกเบี้ย)
- ในปีที่เศรษฐกิจดี การไถ่ถอนทรัพย์จำนำจะสูง (ทรัพย์หลุดจะน้อย) โดยช่วงเวลาที่คนนิยมมาไถ่ถอนกันมากๆ คือช่วงปลายปีที่โบนัสออก และช่วงก่อนปิดสงกรานต์ เนื่องจากคนต้องการใส่ทองกลับบ้าน
- ช่วงที่มีคนเข้ามาจำนำเยอะกว่าช่วงเวลาปกติ คือช่วงก่อนเปิดเทอม โดยจะมีอัตราผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นถึง 40-50%
- ช่วงที่ราคาทองตก ธุรกิจโรงรับจำนำมักจะแย่
สุดท้ายนี้ คุณสิทธิวิชญ์สรุปว่า จากดัชนีโรงรับจำนำ เศรษฐกิจปี 2562 ที่ผ่านมาถือว่าทรงตัวใกล้เคียงกับปี 2561 อย่างไรก็ดี สำหรับธุรกิจโรงรับจำนำปีที่ผ่านมาเติบโตจากปีก่อนหน้ากว่า 10% ขณะที่ Easy Money โตถึงกว่า 20%
สำหรับเศรษฐกิจปี 2563 ผู้บริหาร Easy Money มองว่าน่าจะทรงตัวต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา แต่สำหรับ Easy Money ตั้งเป้าจะขยายสาขาเพิ่มอีก 10 สาขาภายในปีนี้ และเป้าการเติบโตไม่ต่ำกว่าปีที่ผ่านมา
–
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้
Website : Marketeeronline.co /
ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ