นับเป็นครั้งแรกในรอบ 29 ปีที่ ZEN Group ตัดสินใจนำอาหารจีนเข้ามาในพอร์ต
โดย Din’s คือร้านอาหารจีนที่มีต้นกำเนิดมาจากไต้หวัน และไปโด่งดังในญี่ปุ่น จนกระทั่ง ZEN ได้นำเข้ามาในไทยผ่านการซื้อสิทธิ์มาสเตอร์แฟรนไชส์จาก Din’s ในประเทศญี่ปุ่นมา
‘บุญยง ตันสกุล’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ZEN อธิบายถึงเหตุผลของการนำ Din’s เข้ามาเปิดในไทยว่า
“ปัจจุบันตลาดอาหารจีนในประเทศไทยมีมูลค่าราว 20,000-30,000 ล้านบาท
ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นร้านอาหารที่อยู่ในรูปแบบ Full Course คือเสิร์ฟเป็นจานใหญ่ที่มีราคาต่อหัวราว 300-400 บาท
ตรงนี้จึงเป็นช่องว่างที่ทำให้เรามีโอกาสเติบโตในตลาดนี้ได้ เพราะ Din’s คืออาหาร ‘จีนจานด่วน’ ที่เน้นรับประทานเร็วรับประทานง่าย
อาหารจานหลักเริ่มต้นที่ 95 บาท จ่ายต่อมื้อเฉลี่ยอยู่ที่ 120-150 บาท และความเร็วนี้ก็ยังตอบโจทย์กับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ที่เน้นความสะดวกรวดเร็วมากขึ้น
ซึ่งถ้าเป็นร้านอาหารจีนทั่วไปจะสามารถทำเทิร์นได้ประมาณ 2-3 เทิร์น/วัน
แต่ด้วยความเสิร์ฟเร็วอย่างเสี่ยวหลงเปาใช้เวลาทำประมาณ 5-7 นาทีก็จัดเสิร์ฟได้ ลูกค้าใช้เวลากินต่อครั้งประมาณครึ่งชั่วโมง ทำให้ Din’s สามารถทำเทิร์นได้ประมาณ 7-8 เทิร์น/วัน

โดย Din’s สาขาแรกที่สามย่านมิตรทาวน์นี้เราตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 1.5 ล้านบาท/เดือน
แต่จาก 1 เดือนที่ผ่านมาเราทำยอดขายไปได้กว่า 4 ล้านบาทแล้ว
นอกจากนี้ Din’s ยังถือเป็นอาหารจีนแบรนด์แรก ที่เข้ามาเติมให้พอร์ตร้านอาหารของเรามีความครบครันมากขึ้น
จากก่อนหน้าที่มี 15 แบรนด์ ซึ่งประกอบไปด้วยร้านอาหารไทย ร้านอาหารญี่ปุ่น หรือร้านอาหารเวียดนาม”
สำหรับ Din’s สาขาแรกที่สามย่านมิตรทาวน์นี้ ใช้งบลงทุนราว 6 ล้านบาท กับพื้นที่ 108 ตารางเมตร และจำนวน 21 โต๊ะ
โดยบุญยง ตั้งเป้าจะเปิดให้ครบ 8-10 สาขาในปี 2020 นี้
ส่วนภายใน 3 ปีตั้งเป้าให้ Din’s มีทั้งหมด 30 สาขา กับรายได้ซึ่งหวังไว้ที่ 300 ล้านบาท พร้อมขยายสาขาทั้งในแบบที่ลงทุนเองและแฟรนไชส์
รวมถึงการพา Din’s ไปบุกใน 4 ประเทศ CLMV อย่างกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนามอีกด้วย

โดยเมนูพระเอกของ Din’s คือเสี่ยวหลงเปา ที่ใช้เครื่องจักรในการปั้นแทนคน เพื่อความรวดเร็ว มาตรฐาน
และการใช้เครื่องจักรมาปั้น ก็ทำให้ Din’s สามารถลดต้นทุนในแง่ของคนไปได้เยอะเช่นกัน
ไม่ใช่แค่กับ Din’s เท่านั้น แต่ร้านอาหารอื่นๆ ในเครือของ Zen ก็ยังมีแนวโน้มที่จะปรับร้านอาหารให้มีขนาดเล็กลง ใช้คนน้อยลง และใช้เครื่องจักรกับเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเพื่อลดต้นทุนในธุรกิจ
เพราะความเล็กและรวดเร็วนี้เป็นสิ่งที่ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ ที่นับวันจะยิ่งมองหาความรวดเร็วและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
–
