“สามย่านมิตรทาวน์” ปี 2020 จะเติบโตอย่างไรท่ามกลางทำเลฮอตอย่าง ‘ถนนพระราม 4’ ที่มีโครงการมิกซ์ยูสเตรียมผุดขึ้นมากมาย
ระยะทางร่วม 13 กิโลเมตรบนถนนพระราม 4 มีถึง 4 โครงการมิกซ์ยูสที่มีมูลค่ารวมกันถึง 2 แสนล้านบาท
3 ใน 4 มิกซ์ยูสเหล่านี้คือของ ‘เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี’ ไล่เรียงจากโครงการที่มีมูลค่าแพงที่สุดอย่าง “One bangkok” กับพื้นที่ 104 ไร่ มูลค่า 120,000 ล้านบาท
ถัดมา “THE PARQ” พื้นที่ 24 ไร่ มูลค่า 20,000 ล้านบาท และ “สามย่านมิตรทาวน์” โครงการมิกซ์ยูส 14 ไร่ มูลค่า 9,000 ล้านบาท ที่ใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปี
ส่วนอีก 1 โครงการคือ มิกซ์ยูสที่เป็นการร่วมทุนระหว่างดุสิตธานีกับซีพีเอ็น มูลค่า 36,700 ล้านบาท ในชื่อ “Dusit Central Park”
กลับมาโฟกัสที่ “สามย่านมิตรทาวน์” อีกหนึ่งโปรเจกต์โครงการมิกซ์ยูสของเสี่ยเจริญ ภายใต้การบริหารของบริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ โกลเด้นแลนด์ ที่เปิดให้บริการมาตั้งแต่ ก.ย. ปีที่ผ่านมา
นับรวมแล้วเป็นเวลาร่วม 4 เดือน สามย่านมิตรทาวน์ที่มีคอนเซ็ปต์คือ ‘คลังแห่งอาหารและการเรียนรู้’ มีโพสิชั่นชัดเจนตั้งแต่แรกคือ จับกลุ่มลูกค้ากลุ่มนักศึกษา และพนักงานออฟฟิศ เปิดต้อนรับผู้คนมากมาย
แล้วช่วงที่ผ่านมาภาพรวมของสามย่านมิตรทาวน์เป็นอย่างไร
ธีรนันท์ กรศรีทิพา รองกรรมการผู้จัดการสายงานพัฒนาธุรกิจรีเทล เปิดเผยว่า จากวันแรกที่มีร้านค้าเปิดให้บริการกว่า 80% มาวันนี้สามย่านมิตรทาวน์มีร้านเปิดให้บริการแล้ว 86% และปัจจุบันมีผู้เช่าแล้วกว่า 95%
ขณะที่กลุ่มลูกค้าหลักยังคงเป็น “นักเรียน-นักศึกษา-พนักงานออฟฟิศ”
Student 35%
Jobber 35%
Senior 28% (ส่วนใหญ่ไม่ได้มากับครอบครัว จะเป็นกลุ่ม Active Aging คนวัยเกษียณที่ยังเที่ยว ยังแอคทีฟกับกิจกรรมประจำวัน)
Tourrist 2%
ส่วนทราฟฟิกคนใช้บริการนั้น ธีรนันท์ระบุว่า เกินความคาดหมายที่ตั้งไว้ตั้งแต่ตอนแรก ในส่วนของโซนรีเทล วันธรรมดามีผู้ใช้บริการ 70,000 เพิ่มขึ้นจากที่ตั้งเป้าไว้ (37,000 คน) 76% และในวันเสาร์-อาทิตย์ 80,000 คน เพิ่มจากที่ตั้งเป้าไว้ 140%
ขณะที่โซน 24 ชม. มีคนใช้บริการเฉลี่ย 15,000 ต่อวัน โดยมี peak time คือ 22.00-01.00 น.
สิ่งที่ทำให้สามย่านมิตรทาวน์มีผู้ใช้บริการมากกว่าที่ผู้บริหารคาดไว้มองว่าเพราะคนที่เข้ามาช่วงแรกเป็นวัย Digital Native
กลุ่มลูกค้าวัยนี้หากถูกใจหรือชอบสิ่งไหนก็มักบอกต่อผ่านช่องทางออนไลน์ รวมถึงร้านค้าที่เข้ามาเป็นร้านที่ Relate กับกลุ่มลูกค้าทำให้สามย่านมิตรทาวน์ติดตลาดและดึงดูดใจลูกค้าที่เป็นกลุ่มลูกค้าหลักได้ไม่ยาก
เพราะจากที่ทีมบริหารฯ เก็บข้อมูล Social Listening พบว่ากว่า 95% เป็นไปในทาง positive ส่วนอีก 5% เป็นเรื่องการเดินทางไม่สะดวก การจอดรถไม่อำนวย
ส่วนปีนี้ที่มีความท้าทายรอบด้านรวมทั้งภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ธีรนันท์บอกกับเราว่า ความท้าทายในปีนี้คือ “การเป็นน้องใหม่ในตลาด” และ “การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของทั้งเทคโนโลยีและผู้บริโภค” ที่เราต้องเมกชัวร์ให้ได้ว่าเราจะทำอย่างไรเพื่อดึงลูกค้ามาใช้บริการ
เพราะฉะนั้นทิศทางในปีนี้ของสามย่านมิตรทาวน์จึงจะใช้ 3 กลยุทธ์ดังต่อไปนี้
1. ขนทัพร้านค้าเปิดให้บริการที่นี่ที่เดียว (One and Only) โดยที่ไม่มีร้านสาขา รวมถึงเป็นร้านที่ธรรมดาไม่ได้เข้าห้าง และมาเปิดที่สามย่านครั้งแรก หรือร้านค้าที่เปลี่ยน Platform ใหม่
2. ซิกเนเจอร์อีเวนต์ (Signature Event) เพื่อตอกย้ำแบรนดิ้งศูนย์การค้าขวัญใจทุกเพศ ทุกวัย หลังประสบความสำเร็จจาก “ลานนมสามย่าน” สามารถตอบโจทย์ด้วยรูปแบบการจัดงานที่ผู้ใช้บริการสามารถแสดงตัวตนในด้านดี ทำให้เกิดกระแสพูดถึงในออนไลน์
ปีนี้ตั้งเป้ามีซิกเนเจอร์อีเวนต์อย่างต่อเนื่องอย่างน้อยไตรมาสละ 1 ครั้ง โดยจะทุ่มงบการตลาดถึง 200 ล้านบาท
3. ผนึกพาร์ตเนอร์ชั้นนำ (Mitr Partnership) เพื่อจัดกิจกรรมสร้างตำนานใหม่ให้กับสามย่านได้กลับมารุ่งเรืองอีกครั้งไปพร้อมๆ กัน ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มมีการพูดคุยกับพาร์ตเนอร์แล้วหลายราย คาดว่าจะสร้างความคึกคักให้กับตลาดรีเทลให้น่าจับตามองยิ่งขึ้น
หากมิกซ์ยูสบนถนนพระราม 4 เปิดครบหมดทุกแห่ง คงทำให้ย่านนี้คึกคักมากกว่าเดิมอีกเป็นแน่ ส่วน “สามย่านมิตรทาวน์” ที่เน้นกลุ่มลูกค้านักเรียน นักศึกษา และวัยทำงานเป็นหลักจะเดินเกมอย่างไรเป็นเรื่องน่าติดตาม
ธีรนันท์ระบุถึงปัจจัยลบด้านปัญหาสุขภาพในจีนที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ว่า เชื่อว่าจะส่งผลเพียงระยะสั้น และไม่ส่งผลต่อยอดลูกค้าของสามย่านมิตรทาวน์มากนัก เพราะยอดผู้ใช้บริการที่มาใช้บริการในศูนย์ฯ และเข้าพักที่โรงแรมทริปเปิ้ลวายโฮเทล ยังคงเป็นผู้ใช้บริการสัญชาติไทยป็นอันดับ 1
ขณะที่สัดส่วนผู้ใช้บริการที่เป็นสัญชาติจีนคิดเป็นเพียง 2% เท่านั้น
สามย่านมิตรทาวน์, samyanmitrtown, มิกซ์ยูส, นั่ง MRT ลงสามย่าน, ช้อปปิ้ง, โคเวิร์กกิ้งสเปซ
–