ด้วยจำนวนคนจีนที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (n-COV) และผู้เสียชีวิตจาก “โรคปอดอู่ฮั่น” ที่เพิ่มขึ้นทุกวัน บวกกับการที่เมืองอู่ฮั่นประกาศภาวะฉุกเฉินขั้นสูงสุด จนนำไปสู่การปิดเมืองอู่ฮั่น พร้อมด้วยประกาศหยุดตรุษจีนยาวไปถึงวันที่ 2 ก.พ. และห้ามคนจีนเดินทางออกนอกประเทศ
…ปรากฏการณ์เหล่านี้ทำให้ประชาชนทั่วโลกแสดงความเป็นห่วงความปลอดภัยและความเป็นอยู่ของคนจีน นานาชาติต่างล้วนให้กำลังใจประเทศจีน ประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในนั้น นี่จึงเป็นที่มาของภาพและคลิปที่มีวลี “อู่ฮั่น เจียโหยว” หรือ “อู่ฮั่น สู้สู้”
นอกเหนือจากการให้กำลังใจ ในแง่ของเม็ดเงิน ก็มีธารน้ำใจหลั่งไหลไปจากหลากหลายบริษัทชั้นนำ ที่ขอร่วมด้วยช่วยกันบรรเทาความเดือดร้อนของคนจีนและช่วยสนับสนุนทางการจีนในการต่อสู้กับภัยร้ายจากโรคระบาดครั้งนี้
Tim Cook เปิดฉากบริจาคประกาศก่อนใคร
กล่าวได้ว่า Tim Cook น่าจะเป็นภาคเอกชนรายแรกที่แสดงออกอย่างเป็นทางการถึงความเห็นใจกับประชาชนคนจีนที่ต้องสูญเสียโอกาสในการเฉลิมฉลองวันปีใหม่จีน พร้อมทั้งประกาศว่า Apple ขอมีส่วนร่วมช่วยเหลือคนจีนในการบรรเทาภัยโรคระบาดจากเชื้อไวรัสโคโรนา (2019-nCOV) ตั้งแต่วันที่ 25 ม.ค. ก่อนที่ WHO จะประกาศให้ “โรคระบาดอู่ฮั่น” เป็นภัยระดับโลก (Global Risk) และเป็นความเสี่ยงระดับสูง (High Risk)
โดยก่อนนี้ WHO ประเมินว่า “โรคปอดอู่ฮั่น” เป็น “ความเสี่ยงระดับสูงของประเทศจีน” แต่มีความเสี่ยงแค่ระดับกลางสำหรับโลก (Moderate) เท่านั้น กระทั่งวันที่ 27 ม.ค. WHO จึงยอมรับว่าประเมินผิดพลาด พร้อมกับยกระดับให้การระบาดครั้งนี้เป็นความเสี่ยงระดับสูงของโลก จากการแพร่ระบาดที่รวดเร็วยากแก่การควบคุม
อย่างที่ทราบว่า Apple ใช้โรงงานในประเทศจีนเป็นผู้ผลิต iPhone แต่นั่นอาจไม่ใช่เหตุผลเดียวในการบริจาค เพราะมีรายงานข่าวระบุว่า Apple มักบริจาคเงินช่วยเหลือเพื่อบรรเทาภัยพิบัติและหายนะต่างๆ ที่เกิดขึ้นทั่วโลกอยู่บ่อยครั้ง โดยเมื่อไม่นานมานี้ ก็ได้บริจาคเงินช่วยเหลือเหตุการณ์ไฟป่าที่ออสเตรเลีย
ทั้งนี้ มีข่าวลือจาก Bloomberg แว่วมาว่าเหตุการณ์โรคระบาดครั้งนี้อาจส่งผลต่อการวางขาย iPhone 9 ในเดือน มี.ค. นี้ และ Nikkei รายงานว่าหากการระบาดและภาวะฉุกเฉินยังยืดเยื้อ อาจส่งผลต่อการเปิดตัว iPhone 12 ในช่วงปลายปีนี้ด้วย อย่างไรก็ดี ยังไม่มีความเห็นต่อข่าวลือดังกล่าวทั้งจากผู้บริหารฝั่ง FoxConn และ Apple
กลุ่มซีพีบริจาค 50 ล้านหยวน ช่วยหยุดโรคระบาด
เมื่อวันที่ 27 ม.ค. เพจ We are CP ได้แจ้งข่าวว่า เครือเจริญโภคภัณฑ์ในจีน หรือ ซีพีในจีน ได้บริจาคน้ำยาฆ่าเชื้อของธุรกิจในเครือกว่า 33 ตัน มูลค่ารวม 1.2 ล้านหยวน ให้แก่สภากาชาดมณฑลหูเป่ยเพื่อให้นำไปแจกจ่ายให้โรงพยาบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
พร้อมกันนี้เจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์ ในฐานะประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ ระบุว่าทางเครือซีพียังได้เร่งบริจาคเงินและเครื่องอุปโภคบริโภครวมมูลค่า 50 ล้านหยวน ตามความต้องการของเขตที่มีโรคระบาด โดยเป็นเครื่องอุปโภคบริโภครวมมูลค่า 20 ล้านหยวน ประกอบด้วยอาหาร อุปกรณ์ป้องกัน และอุปกรณ์ทางการแพทย์ ให้กับเจ้าหน้าที่ในเขตแพร่ระบาดต้องการอย่างเร่งด่วนเป็นหลัก
สำหรับเงิน 30 ล้านหยวน แบ่งเป็นเงินบริจาค 10 ล้านหยวน มอบให้แก่ Chinese Academy of Medical Sciences และ Peking Union Medical College เพื่อจัดตั้งกองทุนวิจัยด้านวิทยาศาสตร์ สำหรับงานวิจัยไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ และเงินบริจาค 20 ล้านหยวนมอบให้แก่ Overseas Chinese Charity Foundation of China เพื่อช่วยเหลือและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคในมณฑลหูเป่ย
ในเพจยังระบุด้วยว่า ตลอดช่วง 40 ปีที่เข้าไปดำเนินธุรกิจในจีน ซีพีในจีนได้บริจาคเงินและสินค้าเครื่องใช้อุปโภคบริโภคเพื่อการกุศลและเพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของคนจีนในเหตุการณ์ภัยพิบัติต่างๆ อาทิ การแพร่ระบาดของโรคซาร์สในปี 2546 แผ่นดินไหวที่เมืองเวิ่นชวน ปี 2551 และแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่เสฉวน ปี 2556 เป็นต้น รวมแล้วเป็นเงินมากกว่า 1.6 พันล้านหยวน
แบรนด์หรูห่วงลูกค้าจีน บริจาคร่วม 5 ล้านเหรียญสหรัฐ
ต้องยอมรับว่าในช่วง 5-10 ปีมานี้ กลุ่มลูกค้าชาวจีนนับเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของสินค้าหรูหราทั้งหลาย จนเรียกได้ว่าเป็น “กระดูกสันหลัง Luxury Brands” หลากหลายแบรนด์
นี่อาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้บริษัทที่เป็นเจ้าของกลุ่มสินค้าแบรนด์หรูต่างตบเท้าเข้ามาให้ความช่วยเหลือประเทศจีนกันอย่างถ้วนหน้า โดยเมื่อวันที่ 27 ม.ค. ที่ผ่านมา กลุ่ม LVMH เจ้าของสินค้าแบรนด์เนมสุดหรูที่ครองใจไฮโซชาวจีนรุ่นใหม่ ได้ ประกาศบนหน้าเว็บไซต์ LHMV ภาษาจีนว่า ทางกลุ่มจะบริจาคเงินจำนวน 16 ล้านหยวน ให้แก่สภากาชาดจีนเพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลน เครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์การแพทย์ในเขตอู่ฮั่น พร้อมทั้งประกาศว่าจะช่วยจัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์จากฝรั่งเศสและยุโรปเข้าไปช่วยด้วย
ด้านคู่แข่งอย่าง KERING กลุ่มสินค้าแบรนด์หรูโดนใจคนจีนไม่แพ้กลุ่ม LVMH ก็ไม่ยอมน้อยหน้า มีรายงานข่าวว่า เจ้าของเครือระบุว่าจะบริจาค 7.5 ล้านหยวนให้กับสภากาชาดหูเป่ย ขณะที่บางแห่งระบุว่าบริจาค 5 ล้านหยวนให้แก่สภากาชาดจีน บางสำนักข่าวยังรายงานว่า กลุ่ม Swarovski ก็ประกาศบริจาคอีก 3 ล้านหยวน (บางข่าวระบุจำนวนอื่น) ขณะที่แบรนด์เครื่องสำอางอย่าง L’Oréal บริจาค 5 ล้านหยวน Estée Lauder บริจาค 2 ล้านหยวน และ Shiseido ร่วมบริจาคอีก 1 ล้านหยวน
บริษัทอเมริกันยักษ์ใหญ่ไม่ทิ้งตลาดคนจีน


Financial Times รายงานเมื่อวันที่ 28 ม.ค. ว่า บริษัทอเมริกันยักษ์ใหญ่หลายแห่งร่วมกันบริจาคเพื่อช่วยบำบัดภัยโรคระบาดครั้งนี้ รวมกันเป็นเงินมูลค่าร่วม 10 ล้านหยวน นำโดย Microsoft ประกาศบริจาค 1 ล้านหยวนเพื่อบรรเทาภัยในเขตเมืองอู่ฮั่นและพื้นที่ใกล้เคียง ขณะที่ Dell ประกาศบริจาค 2 ล้านหยวน ด้านยักษ์ใหญ่เกี่ยวกับสินค้าการเกษตรอย่าง Cargill ประกาศบริจาคหน้ากากนับแสนชิ้นพร้อมเงินจำนวน 2 ล้านหยวน เพื่อสนับสนุนทีมแพทย์และให้การช่วยเหลือชุมชนที่ประสบภัยโรคระบาด
บทความนี้ ยังระบุว่า แบรนด์สินค้าอุปโภคบริโภคยักษ์ใหญ่อย่าง PepsiCo และ Procter & Gamble ก็จะมีประกาศออกมาเช่นกัน พร้อมกับบอกด้วยว่า มูลนิธิ Bill & Melinda Gates น่าจะบริจาคไปแล้ว 5 ล้านเหรียญสหรัฐ
คนจีนไม่ทิ้งกัน แบรนด์ใหญ่จีนไม่ทิ้งชาติ
ในช่วงเวลาไม่กี่ปี จีนกลายเป็นประเทศที่มีบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำที่ก้าวขึ้นมาเป็นแถวหน้าของโลกมากมาย โดยปัจจัยหนึ่งที่ทำให้บริษัทเหล่านี้เติบโตมาได้อย่างรวดเร็ว เนื่องมาจาก ความยิ่งใหญ่และเข้มแข็งของตลาดภายในประเทศ หรือก็คือ การมีกลุ่มลูกค้าคนจีนเป็นกำลังซื้อหลักของแบรนด์เหล่านี้นั่นเอง ดังนั้น เมื่อถึงเวลาที่ “ชาติต้องการ” บริษัทเหล่านี้จึงออกมาช่วยชาติอย่างเต็มที่
เริ่มจาก Baidu ผู้ให้บริการ Software Application Search Engine ยักษ์ใหญ่ของจีน ประกาศจัดตั้งกองทุนเกี่ยวกับสาธารณสุขและโรคระบาด (Epidemic and Public Health Security Fund) มูลค่า 300 ล้านหยวน เพื่อการป้องกันและพัฒนาการรักษาเชื้อโรคใหม่ๆ ตลอดจนเผยแพร่ข้อมูลด้านการป้องกันเพื่อสุขอนามัย และบริษัทยังจะใช้เทคโนโลยี AI ใช้เทคโนโลยีในการวิเคราะห์และประมวลผล รวมถึง Big Data เพื่อช่วยหน่วยงานรัฐในการวิจัยและพัฒนา เพื่อการควบคุมโรคและบริหารจัดการโรคระบาด
ด้าน Meituan ผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม Food Delivery รายใหญ่ของจีน ตั้งกองทุนมูลค่า 200 ล้านหยวน เพื่อดูแลเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ให้เข้าถึงทรัพยากรในการรักษาไปจนถึงการสนับสนุนชีวิตประจำวันของเจ้าหน้าที่การแพทย์ โดยเบื้องต้นจะโฟกัสที่เจ้าหน้าที่ในอู๋ฮั่นก่อน นอกจากนี้ บริษัทยังส่งอาหารฟรีทุกวัน วันละ 1,000 ชุด และจักรยาน 3 แสนคัน ให้กับเจ้าหน้าที่การแพทย์ในมณฑลหูเป่ย พร้อมกับเปิดแพลตฟอร์มบริจาคออนไลน์ผ่าน Meituan app เพื่อให้ผู้บริโภคได้มีส่วนร่วมในการต่อสู้กับไวรัสโคโรนาร่วมกัน
ส่วน Alibaba เปิดให้บริการการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) โดยระดมหมอจากทั่วประเทศ เพื่อให้คำปรึกษาแก่ผู้อาศัยในมณฑลหูเป่ย ทำให้ผู้ป่วยที่มีอาการป่วยเล็กๆ น้อยๆ สามารถปรึกษาแพทย์ได้เบื้องต้นผ่านทางแอป Alipay และ Taobao ซึ่งเป็นอีกหนทางที่จะช่วยลดความแออัดในโรงพยาบาล และลดความเสี่ยงที่จะทำให้การระบาดแพร่กระจายไปมากขึ้น พร้อมกันนี้บางสื่อรายงานว่า Alibaba ยังได้ตั้งกองทุนพิเศษเพื่อต่อสู้กับภัยโรคระบาดครั้งนี้ มูลค่าถึง 1 พันล้านหยวน นอกจากนี้ Tencent ได้ร่วมบริจาคอีก 300 ล้านหยวนเพื่อรับมือกับเหตุการณ์ครั้งนี้
ขณะที่ Pingan Good Doctor บริษัท Health Care ออนไลน์ ได้ประกาสตั้งศูนย์ปฏิบัติการ Antivirus พร้อมทั้งบริจาคหน้ากาก 10 ล้านชิ้นไปยังทั่วประเทศจีน และเปิดให้บริการโทรปรึกษาสุขภาพฟรี ส่วน Qihoo 360 ประกาศบริจาค 15 ล้านหยวน เพื่อซื้ออุปกรณ์การแพทย์ ด้านบริษัท AI ชื่อ iFlyTek บริจาคเงิน 10 ล้านหยวน พร้อมอุปกรณ์การแพทย์มูลค่า 500,000 หยวน ขณะที่แพลตฟอร์มขายของออนไลน์ JD.com ประกาศส่งหน้ากากอนามัย 1 ล้านชิ้น และอุปกรณ์การแพทย์อีก 6 หมื่นชิ้นไปอู๋ฮั่น
ด้านแบรนด์สมาร์ทโฟน อย่าง Xiaomi ประกาศบริจาคหน้ากาก N95 และอุปกรณ์การแพทย์ต่างๆ มูลค่ารวมกว่า 3 แสนหยวน ให้กับสำนักงานใหญ่ด้านการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดที่เมืองอู๋ฮั่น ส่วน โดย Meizu ประกาศบริจาคเงิน 300,000 หยวน เพื่อร่วมต่อสู้กับการระบาดของไวรัสโคโรนา ส่วน TikTok (จีน) – Douyin จัดทำเพจเพื่ออัปเดตสถานการณ์โรคระบาดและเพิ่มเอฟเฟกต์วิดีโอในชื่อ “Jiayou” เพื่อให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่การแพทย์และผู้ป่วย รวมถึงประชาชนจีน ในการต่อสู้กับโรคระบาดไปด้วยกัน
Huawei ได้ติดตั้งสถานีสัญญาณ 5G เพื่อให้บริการแก่โรงพยาบาลในอู่ฮั่น พร้อมบริจาคเงิน 30 ล้านหยวน เท่ากับเงินบริจาคของ OPPO และ Vivo ส่วน TCL บริจาค 10 ล้านหยวน พร้อมด้วยสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่จำเป็นสำหรับโรงพยาบาล เช่น จอ LCD ตู้เย็น แอร์ เครื่องซักผ้า ฯลฯ ขณะที่แบรนด์มือถือสำหรับตลาดรอง อย่าง Nubia, Realme และ Meizu ก็ร่วมบริจาคเงิน 6 แสนหยวน, 5 แสนหยวน และ 3 แสนหยวน ตามลำดับ
นอกจากนี้ ยังมีแบรนด์สินค้ากีฬาชื่อดังของจีนบริจาค 10 ล้านหยวน บริษัทแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตฯ ซึ่งผู้ก่อตั้งเป็นนักธุรกิจจีน ร่วมบริจาคอีก 10 ล้านหยวน อีกทั้งยังมีคู่รักเซเลบริตี้ชาวจีนและแจ็คสันGot7 ที่บริจาครายละ 2 แสนหยวน แต่สิ่งที่น่าประทับใจคือ มีพลเมืองจีนจำนวนหนึ่งที่ควักเงินซื้อหน้ากากตามกำลังทรัพย์ที่มีเพื่อเอาไปบริจาคให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจและประชาชนทั่วไป พร้อมด้วยสมาคมคนจีนในต่างแดนจากทั่วโลกต่างพยายามระดมทุนและอุปกรณ์การแพทย์เพื่อส่งกลับไปช่วยคนในประเทศแม่
ไม่เพียงแค่เม็ดเงินที่หลั่งไหลไปสู่อู๋ฮั่น ยังมีอาสาสมัครทั้งแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ รวมถึงพนักงานบริษัทผลิตหน้ากากและผลิตยาฆ่าเชื้อ ที่ต่างทุ่มเททำหน้าที่ของตนอย่างเต็มที่เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการต่อสู้โรคระบาดครั้งนี้ รวมถึงมหาวิทยาลัยครูปักกิ่งที่อาสาให้บริการสายด่วนบรรเทาความเครียดให้แก่เพื่อนร่วมชาติ เป็นต้น
สุดท้ายนี้ ก็ได้แต่หวังว่า ด้วยความร่วมแรงร่วมใจของคนจีนเอง บวกกับธารน้ำใจและกำลังใจจากคนทั้งโลก ประเทศจีนจะสามารถผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้ในเร็ววัน โดยสูญเสียชีวิตและมูลค่าทางเศรษฐกิจน้อยที่สุด … อู่ฮั่น เจียโหยว อู่ฮั่น สู้สู้!!!
ที่มาข้อมูล: เพจ China Xinhua News, jingdaily, themds,gizmochina, FT, abacusnews; Marketeer รวบรวม*
*หมายเหตุ เป็นการรวบรวมรายชื่อบริษัทที่บริจาคอย่างเป็นทางการและมีการออกสื่อ โดยรวบรวมข่าวการบริจาคตั้งแต่ช่วงที่รัฐบาลจีนเริ่มประกาศภาวะฉุกเฉินที่เมืองอู่ฮั่น จนถึงช่วงเช้าวันที่ 29 ม.ค. เท่านั้น
–
ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ