เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 1 ก.พ. 2563 ผู้เข้าอบรมหลักสูตรผู้บริหารการสื่อสารมวลชนระดับสูง ด้านกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (บสส.) รุ่นที่ 9 สถาบันอิศราฯ ได้จัดการสัมมนาสาธารณะหัวข้อ “How to รอด…รอดอย่างไรในสถานการณ์เศรษฐกิจร้อน การเมืองแรง” ณ ห้องออดิทอเรียม ชั้น 6 อาคารปฏิบัติการวิทยุโทรทัศน์ บมจ. อสมท เพื่อนำเสนอมุมมองการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการเมือง ภายใต้ปัจจัยความเสี่ยงรอบด้านทั้งในและต่างประเทศ โดยมีวิทยากร ประกอบด้วย ดร.กิริฎา เภาพิจิตร ผู้อำนวยการวิจัยและคำปรึกษาระหว่างประเทศ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย นายกรณ์ จาติกวณิช อดีต รมว. คลัง ดร.ชัยยงค์ สัจจิพานนท์ อดีตเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และ รศ. ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของนายกรัฐมนตรี
ดร.กิริฎา เภาพิจิตร ผอ. ทีดีอาร์ไอ เปิดเผยว่า ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้น่าจะเติบโตต่ำกว่า 2% จากคาดการณ์เดิมมองว่าปีนี้จะเติบโตได้ในระดับ 2.8% หลักๆ มาจากผลกระทบจากไวรัสโคโรนาที่ส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง และงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ที่ล่าช้า กว่าจะเบิกจ่ายได้น่าจะเดือน มิ.ย. 2563 รวมถึงปัญหาภัยแล้ง
ทั้งนี้ การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา อาจจะส่งผลกระทบให้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนลดลง 2 ล้านคน และส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่นๆ ปรับลดลง 8 แสนคน เฉพาะผลกระทบจากการท่องเที่ยวจะทำให้ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ปีนี้ลดลงเหลือ 2% เมื่อรวมผลกระทบจากภัยแล้ง งบประมาณล่าช้า จึงมีโอกาสที่จะต่ำกว่า 2%
“ผลกระทบไวรัสโคโรนาเป็นเรื่องเร่งด่วนที่รัฐบาลจะต้องสร้างความเชื่อมั่น เพราะไม่ได้กระทบเฉพาะการท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ยังเชื่อมโยงกับห่วงโซ่การผลิต เพราะชิ้นส่วนบางอย่างที่นำเข้าจากจีนต้องหยุดชะงัก”
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยปีนี้ไม่ได้มีเฉพาะข่าวร้ายเท่านั้น ยังมีข่าวดีในหลายเรื่อง ทั้งเศรษฐกิจโลกที่ยังเติบโตอยู่ จากคาดการณ์ของสำนักต่างๆ ได้บอกว่าไม่มีวิกฤตเช่นเดียวกับในประเทศที่เศรษฐกิจยังเติบโตแม้จะชะลอตัว บวกกับแนวโน้มราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับลดลง ปีนี้ไม่น่าจะเกิน 70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล อีกทั้งเงินบาทเริ่มอ่อนค่า ล่าสุดอยู่ที่ระดับ 31.2 บาทต่อดอลลาร์ (31 ม.ค.) ราคาสินค้าเกษตรเริ่มขยับ แม้ว่าจะมีปัญหาภัยแล้งทำให้เราได้อานิสงส์ไม่เต็มที่ สุดท้ายคือ ทิศทางอัตราดอกเบี้ยตลาดโลกรวมถึงไทยปรับลดลง
ส่วนเรื่องงบประมาณที่ล่าช้าไม่ได้กังวลเรื่องงบประจำ เพราะสามารถใช้งบกลางปีไปก่อนได้ แต่ที่ห่วงคืองบลงทุนที่กว่าจะออกมาได้ก็เดือน มิ.ย. หากออกมาแล้วก็อยากให้เร่งเบิกจ่ายให้ได้มากกว่า 70% จะมีส่วนสำคัญในการสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภค
ด้านนายชัยยงค์ สัจจพานนท์ อดีตเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เปิดเผยว่า การรับมือกับสถานการณ์ไวรัสโคโรนา ทุกภาคส่วนทำได้ค่อนข้างดี โดยท่านทูตจากปักกิ่ง 3 คนจะเดินทางไปเมืองอู่ฮั่น เพื่อดูแลคนไทยที่นั่นแม้กลับไปต้องถูกกักตัว 14 วัน ส่วนทางการไทยจะจัดไปรับคนไทยในอู่ฮั่นวันที่ 4 ก.พ. นี้ ซึ่งการเตรียมความพร้อมด้านสาธารณสุขเราได้รับคำชมจาก WHO มาโดยตลอด
สำหรับสถานการณ์การเมืองต่างประเทศ จะต้องเผชิญกับความไม่แน่นอน จากการทำนโยบายของทรัมป์ที่จะต้องสร้างคะแนนเสียง โดยเฉพาะเรื่องสงครามการค้า ที่แม้ตอนนี้จะมีการประนีประนอมในรอบแรก การลดภาษีรอบแรกเป็นแค่ส่วนย่อยจากการใช้กำแพงภาษี สงครามการค้ายังมีอยู่เพียงแต่ตอนนี้เบาบางลง
“นโยบายที่ไม่ชัดเจนของทรัมป์สร้างความลำบากต่อผู้ดำเนินนโยบาย เราเองก็ต้องสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างจีนและสหรัฐฯ ที่ผ่านมาทำได้ดี สร้างความสมดุลไม่ให้เกิดผลกระทบว่าเลือกข้างใดข้างหนึ่ง และดำเนินการที่เป็นประโยชน์ เราสามารถดำเนินความสัมพันธ์พิเศษกับจีนและสหรัฐฯ ได้ โดยต้องหลีกเลี่ยงประเด็นที่สร้างความเข้าใจผิด”
นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าไทยกล่าวว่า คณะกรรมการร่วมเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประมาณการอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปี 2563 ไว้เมื่อเดือนมกราคมอยู่ที่ระดับ 2.5-33% โดยที่ยังไม่มีปัจจัยเรื่องงบประมาณรายจ่ายปี 2563 ล่าช้าและการระบาดของไวรัสโคโรนา ดังนั้น ในการประชุม กกร. วันที่ 5 กุมภาพันธ์นี้ จะมีการทบทวนประมาณการเศรษฐกิจไทยใหม่อีกครั้ง ซึ่งขณะนี้ชัดเจนว่าจะเติบโตต่ำกว่า 3% แต่เชื่อว่าจะไม่ต่ำกว่า 2.5% เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังมีโอกาสรับเงินลงทุนที่เข้ามาลงทุนจากต่างประเทศ จากการย้ายฐานการผลิตจากประเทศจีนต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา จากการที่ไทยเป็นศูนย์กลางภูมิภาคในประเทศ CLMV
แม้เศรษฐกิจไทยจะเจอปัจจัยลบ แต่ก็ยังมีข่าวดีในแง่การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ทำให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น สะท้อนจากตลาดอีคอมเมิร์ซที่เติบโตสูงในปีที่ผ่านมา ขณะเดียวกันทุกภาคส่วนสามารถช่วยกันฟื้นเศรษฐกิจไทย ด้วยโครงการไทยเท่ เที่ยวเมืองไทย และใช้ของไทย โดยเฉพาะหน่วยงานภาครัฐ ต้องสนับสนุนให้เกิดการจัดสัมมนาในประเทศ เชื่อว่าจะช่วยให้เม็ดเงินหมุนเวียนเศรษฐกิจพยุงเศรษฐกิจไทยในช่วงที่ปัจจัยเสี่ยงรุมเร้าได้
นายกรณ์ จาติกวณิช กล่าวถึงร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ยังไม่ประกาศใช้ว่า รัฐบาลทำอะไรต้องมีงบ คงต้องประเมินและผลักดันงบประมาณออกโดยเร็ว ทำได้หลายช่องทาง ถ้าจำเป็นฉุกเฉินต้องออกเป็นพระราชกำหนด โดยเฉพาะงบด้านการลงทุน หรือหากใช้ร่าง พ.ร.บ. งบประมาณฉบับเดิมเอาเข้าสภาใหม่ หากใช้เวลาไม่แตกต่างกัน รัฐบาลคงเลือกใช้วิธีหลัง ส่วนที่ถามว่ารัฐบาลแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจถูกทางหรือไม่ ถ้าถูกทางเศรษฐกิจคงดีขึ้นและสร้างความเชื่อมั่น นโยบายที่ออกมากระตุ้นเศรษฐกิจได้แค่ไหน สามารถวัดได้ และยังยังมาเจอไวรัสโคโรนา กำลังซื้อภายในประเทศลดลง ดังนั้น รัฐต้องกระจายงบประมาณและกระจายโอกาส โครงสร้างการเกษตรต้องปรับทั้งหมด ทำอย่างไรให้เกษตรกรอยู่ได้ ไม่ใช่คนทำอยู่ไม่ได้
นายกรณ์กล่าวอีกว่า วันนี้เป็นช่วงที่ประชาชน ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และรัฐต้องปรับตัวครั้งใหญ่และรวดเร็วให้สอดรับเทคโนโลยี โครงสร้างสังคมและเศรษฐกิจ โดยรัฐต้องปรับตัวในยุคเทคโนโลยี มีการกระจายอำนาจ โดยเฉพาะกระจายงบประมาณแผ่นดิน 35% ให้ท้องถิ่นบริหารเอง รวมถึงกระจายโอกาสและรายได้ให้ประชาชน รัฐต้องปรับแพลตฟอร์มในการประกอบอาชีพให้ประชาชน สร้างโอกาสให้เอกชนและประชาชนทำมาหากิน ที่ผ่านมาประเทศพึ่งนโยบายทางการเงินมานาน วันนี้ต้องหันมาพึ่งนโยบายการคลัง เพื่อให้การลงทุนภาคเอกชนโต เน้นให้โอกาสเอสเอ็มอีเข้าถึงงบประมาณ รูปแบบการออกนโยบายมีศูนย์กลางที่ประชาชน ขอเสนอให้รัฐบาลผลักดันนโยบายเหล่านี้ ส่วนที่มีคำถามว่าประเทศไทยควรปิดประเทศหรือไม่ คำถามนี้ต้องมีคำตอบเชิงวิทยาศาสตร์ โดยรัฐบาลต้องประเมินสถานการณ์ไวรัสโคโรนาว่ารุนแรงขั้นไหนถึงปิดประเทศ
ด้านนายปณิธานกล่าวว่า ตั้งแต่ออกจากพรรคประชาธิปัตย์ตั้งคำถามตอบได้ยากมาก คงปิดประเทศไม่ได้ ไทยไม่เคยปิดประเทศ และเรามีความเชื่อมโยงกับจีนเป็นพิเศษ ความสัมพันธ์ซับซ้อน อาจมีมาตรการเป็นพิเศษในการบริหารเฉพาะ เช่น จะนำเสนอ ครม. เรื่องวีซ่าในสัปดาห์หน้า ตอนนี้ ครม. ตั้งหลักได้ดีขึ้น โดยเฉพาะด้านความมั่นคง นายกฯ ดูแลใกล้ชิด เชื่อควบคุมได้ ส่วนมุมมองด้านความมั่นคงของรัฐบาล ในต่างประเทศขณะนี้มีหลายขั้วอำนาจ ทั้งการเติบใหญ่ของจีน ทำให้สหรัฐฯ วางตัวไม่ถูกว่าจะเป็นมิตรหรือเป็นศัตรู การเชื่อมโยงของอินเทอร์เน็ต ใครเร็วกว่าจะชิงความได้เปรียบ ส่วนความมั่นคงในประเทศไทย มีทั้งความมั่นคงของสถาบันพระมหากษัตริย์ มีขบวนการเคลื่อนไหวทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงความขัดแย้งทางเศรษฐกิจการเมือง สังคม และความซับซ้อนในเรื่องของน้ำท่วม น้ำแล้ง ฝุ่นจิ๋ว ไวรัสโคโรนา ยาเสพติด ตลอดจนถึงไซเบอร์
–
