หลังคลาย ‘ล็อกดาวน์’ วันที่ 17 พฤษภาคม 2563 นับเป็นวันแรกในการกลับมาเปิดให้บริการของศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี ซึ่งตั้งอยู่บนถนนเพลินจิต ศูนย์กลางย่านธุรกิจและย่านจับจ่าย (Shopping District) ที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ จับมือผู้ประกอบการร้านค้าและบริการต่างๆ ภายในศูนย์ฯ เปิดให้บริการอีกครั้ง

ยกเว้น โรงภาพยนตร์ ร้านนวดและบริการเสริมความงามที่เกี่ยวกับใบหน้า และโซนสำหรับเด็กเล่น โดยในระยะแรกเปิดให้บริการวันจันทร์-วันพฤหัสบดี เวลา 11.00-20.00 น. วันศุกร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 10.00-20.00 น. หรือจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง

หลังปิดบริการชั่วคราวไปนานเกือบ 2 เดือน เนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 พร้อมยกระดับมาตรการความสะอาดและความปลอดภัยเชิงรุก ตามแผนปฏิบัติการ “เซ็นทรัล เอ็มบาสซี สะอาด มั่นใจ ในทุกตารางเมตร’ ต้อนรับเข้าสู่การใช้ชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) สอดรับแผนแม่บทของกลุ่มเซ็นทรัล  ‘ทุกคน ทุกศูนย์ ทุกจุด ไม่ว่าร้านไหน บริการใด ไร้กังวล’ สอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติตามข้อกำหนดขั้นสูงสุดจากภาครัฐ สร้างความมั่นใจและความปลอดภัยให้แก่ลูกค้าและผู้ที่เข้ามาใช้บริการ รวมถึงพนักงานผู้มาปฏิบัติหน้าที่

นอกจากนี้ เพื่อต้อนรับการกลับมาของนักช้อป ได้ปล่อยแคมเปญ “Central Embassy : One Life. Infinite Responsibilities. Welcome back!” ที่ตั้งใจส่งมอบความห่วงใยอย่างไม่สิ้นสุด และเพื่อสร้างผลลัพธ์ทางสังคมที่พร้อมร่วมฝ่าวิกฤต COVID-19 ไปด้วยกัน

บรม พิจารณ์จิตร กรรมการผู้จัดการ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี กล่าวว่า “การกลับมาเปิดให้บริการของศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี รวมถึงร้านค้าและบริการต่างๆ ในครั้งนี้ เรายินดีต้อนรับทุกท่าน และพร้อมส่งมอบบริการที่ดีและมีคุณภาพให้แก่ลูกค้าดังเช่นที่ผ่านมา โดยคำนึงถึงความสะอาด สะดวก และปลอดภัยเป็นสำคัญ พร้อมติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อพิจารณาปรับใช้กลยุทธ์การดำเนินการให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น และร่วมฝ่าสถานการณ์ที่ท้าทายนี้ไปด้วยกันอย่างดีที่สุด พร้อมกันนี้ เราได้จัดแคมเปญและโปรโมชั่นสำหรับลูกค้าคนพิเศษ ที่เราตั้งใจจัดขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยให้ทุกคนได้จับจ่ายกันอย่างคุ้มค่า และสนับสนุนให้ผู้ประกอบการร้านค้าสามารถดําเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศให้กลับมาฟื้นตัว จากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวในช่วงต้นปีที่ผ่านมา”

สำหรับบรรยากาศของการกลับมาเปิดศูนย์การค้าฯ วันแรก เริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 10.00 น. มีลูกค้าทยอยเดินทางมาใช้บริการที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี ต่างให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตามมาตรการสุขอนามัยและความปลอดภัย 5 แกนหลัก ที่ได้กำหนดไว้ เริ่มตั้งแต่การคัดกรองอย่างเข้มงวด (Extra Screening) โดยลูกค้าใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา แต่หากลูกค้าไม่ได้นำมา ทางศูนย์ฯ ยังมีบริการจำหน่ายหน้ากากผ้าเพื่ออำนวยความสะดวกลูกค้ามากยิ่งขึ้น และเพียงผู้เข้าใช้บริการสแกน QR Code ผ่านแพลตฟอร์มติดตามตัว “ไทยชนะ” เพื่อลงทะเบียนการเข้าออกศูนย์การค้าฯ และร้านค้าแต่ละร้าน โดยทุกคนสามารถเช็กความหนาแน่นและความพร้อมการให้บริการได้ ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการช่วยลดความเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโควิด-19 จากนั้นเข้ารับการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายด้วยเครื่องสแกนวัดอุณหภูมิ ณ บริเวณทางเข้าหลักของอาคารศูนย์การค้าฯ พร้อมมีบริการพรมเช็ดเท้าฆ่าเชื้อที่ประตูทางเข้า และมีการตั้งจุดวางขวดแอลกอฮอล์เจลหน้าประตูทางเข้า-ออก ลิฟต์ จุดเคาน์เตอร์บริการ และทั่วบริเวณภายในศูนย์ฯ

พร้อมกันนี้ เพื่อลดความแออัด (Social Distancing) โดยมีการจำกัดจำนวนคนเข้าศูนย์การค้าไม่เกิน 1 คน ต่อ 5 ตร.ม. พร้อมจัดให้มีเจ้าหน้าที่เพื่อคอยให้คำแนะนำและอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าที่บริเวณประตูทางเข้า และเว้นระยะห่างระหว่างผู้ใช้บริการและผู้ปฏิบัติหน้าที่อย่างน้อย 1 เมตร รวมถึงในขณะที่ลูกค้าเพลิดเพลินกับการจับจ่ายสินค้าตามหลักการเว้นระยะห่างทางสังคม ในส่วนของร้านอาหารได้ดำเนินมาตรการด้านสุขอนามัย โดยได้จัดที่นั่งรับประทานอาหารภายในร้านให้เว้นระยะห่างกัน จัดทำ Table Shield ฉากกั้นบนโต๊ะอาหาร ขณะที่ผู้ที่มารอใช้บริการก็ต้องเว้นระยะในการเข้าแถวเช่นเดียวกัน สำหรับร้านอาหารที่เปิดให้บริการ Take Away ได้จัดให้มีที่นั่งคอยสำหรับผู้มาใช้บริการทุกคน โดยมีระยะห่างกันไม่น้อยกว่า 1 เมตร นอกจากนี้ เพื่อติดตามให้มั่นใจ (Safety Tracking) สำหรับอาหาร Take away ทุกกล่อง ต้องมีการระบุข้อมูลชื่อร้าน สาขา วันที่และเวลา พร้อมชื่อและอุณหภูมิของผู้ประกอบอาหารติดบนกล่องอาหาร นอกจากนี้ ศูนย์การค้าฯ มียังมาตรการเข้มงวดพิเศษสำหรับพนักงานรับส่งสินค้าหรืออาหาร (Delivery Man) ตั้งแต่ประตูทางเข้า ที่นั่งรอ ที่จอดรถเฉพาะ บริการฆ่าเชื้อที่ถุงมือ

รวมไปถึงสร้างความมั่นใจ สะอาดทุกจุดในเชิงรุก (Extra Cleaning) โดยคำนึงถึงสุขอนามัยของผู้มาใช้บริการเป็นสำคัญ ได้มีการติดตั้งตู้สำหรับเครื่อง UV-C ฆ่าเชื้อที่ถุงช้อปปิ้ง รวมถึงมีการเช็ดทำความสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อบัตรจอดรถทุกใบหลังการใช้และก่อนยื่นให้ลูกค้าทุกครั้ง รวมถึงเพจเจอร์กลมไร้สายหรือเครื่องเรียกรับบริการที่ร้านอาหารต่างๆ ในโซน OPEN HOUSE (โอเพ่น เฮ้าส์) และชาร์จการ์ดทุกใบในศูนย์อาหาร Eathai (อีทไทย) พร้อมทั้งเช็ดทำความสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อที่โต๊ะ เก้าอี้ และ Table Shield ทุกครั้งหลังใช้บริการ และพื้นในร้านทุกครึ่งชั่วโมง ตลอดจนดำเนินการเช็ดทำความสะอาดภายในลิฟต์ ห้องน้ำ พื้น ผนัง ผิวสัมผัส ลานจอดรถ ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรคทุก 30 นาที มีการทำความสะอาดแบบ Deep Clean ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรค หลังเวลา 20.00 น. ของทุกวัน และทำ Big Cleaning ทั้งศูนย์ฯ และพื้นที่สำนักงาน ทุกสัปดาห์ อีกทั้งแยกขยะหน้ากาก จากขยะทั่วไป และมากไปกว่านั้น จะมีการติดตั้ง Handrail UV Sterilizer เครื่องฆ่าเชื้อโรคด้วยแสง UV บนราวจับบันไดเลื่อนขึ้นลงทุกตัว เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้แก่ลูกค้าขณะจับราวบันได

นอกจากนี้ เพื่อลดการสัมผัส (Touchless Experience) ให้ลูกค้าสบายใจยิ่งกว่า ทางศูนย์ฯ ได้จัดให้มีพนักงานเปิด-ปิดประตูศูนย์การค้าและร้านค้า รวมทั้งพนักงานกดลิฟต์ ให้ลูกค้า อีกทั้งยังสนับสนุนให้ลูกค้าชำระเงินแบบ Cashless ผ่านบัตรเครดิตและช่องทางการชำระเงินระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-payment ในทุกร้านค้าอีกด้วย นอกจากนี้ ยังมีมาตรการเสริมเพื่อเพิ่มความเข้มงวดด้านสุขอนามัยของผู้ให้บริการและผู้มาใช้บริการตามลักษณะการให้บริการของร้านค้าแต่ละประเภท ไม่ว่าจะเป็น ร้านอาหาร ร้านแฟชั่น ร้าน Beauty & Service ร้าน Specialty/Technology/Financial Service ธนาคาร รวมถึง OPEN HOUSE และศูนย์อาหาร Eathai ที่ได้กลับมาเปิดให้บริการ ตลอดจนโรงภาพยนตร์ ร้านนวดและบริการเสริมความงามที่เกี่ยวกับใบหน้า และโซนสำหรับเด็กเล่น หากกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง

ทั้งนี้ ในส่วนของพนักงานของร้านค้า และพนักงานสำนักงาน รวมถึงผู้มาติดต่องานทุกคนสวมใส่หน้ากากตลอดเวลาตั้งแต่เข้าปฏิบัติหน้าที่ และผ่านการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายก่อนเข้าพื้นที่ศูนย์การค้าฯ และสำนักงาน ทุกวัน 100% และพนักงานต้องลงทะเบียนการเข้าออกทุกพื้นที่ปฏิบัติงานผ่านแอปพลิเคชัน (หรือผ่าน QR Code หรือแบบฟอร์มออนไลน์) ทุกวัน รวมถึงวัดอุณหภูมิพนักงานระหว่างวัน นอกจากนี้ ยังมีการ Tracking ข้อมูลด้านสุขภาพและการเดินทางของพนักงานทุกคนในศูนย์ฯ ย้อนหลัง 14 วัน และมีการอัปเดตติดตามข้อมูลทุกวันก่อนเริ่มงาน


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer