ตลาดอีคอมเมิร์ซไทย 2563 เติบโตอย่างก้าวกระโดดช่วงโควิดระบาด (วิเคราะห์)
ในวันที่ใคร ๆ กักตัวอยู่บ้าน จากสถานการณ์โควิด-19 ที่มาพร้อมกับห้างร้านที่ปิด ผลักดันให้คนไทยช้อปออนไลน์มากขึ้น
ธนาวัฒน์ มาลาบุปผา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท ไพรซ์ซ่า จำกัด คาดการณ์ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ หรือช้อปออนไลน์ในกลุ่ม C2C หรือ Customer to Customer ไม่รวมบริการจองที่พักโรงแรม ตั๋วเครื่องบิน ดิจิทัลคอนเทนต์ และบริการอื่น ๆ ที่จับต้องไม่ได้
พบว่าในปี 2563 ธุรกิจช้อปออนไลน์มีมูลค่าที่ 220,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 4-5% ของค้าปลีกทั้งประเทศ
ช้อปปิ้งออนไลน์ในปี 2563 มีการเติบโต 35% จากปี 2562 ที่มีมูลค่า 163,300 ล้านบาท สัดส่วน 3% ของค้าปลีกทั้งประเทศ
แม้คนไทยจะช้อปปิ้งออนไลน์สูงขึ้น แต่ยังถือว่ามีสัดส่วนจากมูลค่าค้าปลีกที่ไม่มากนักเมื่อเทียบประเทศอื่น
โดยในปี 2562
จีน สัดส่วน 25% จากมูลค่าค้าปลีก
สหราชอาณาจักร สัดส่วน 22% จากมูลค่าค้าปลีก
เกาหลีใต้ สัดส่วน 22% จากมูลค่าค้าปลีก
สหรัฐอเมริกา สัดส่วน 11% จากมูลค่าค้าปลีก
ญี่ปุ่น สัดส่วน 9% จากมูลค่าค้าปลีก
อินเดีย สัดส่วน 3% จากมูลค่าค้าปลีก
และไทย สัดส่วน 3% จากมูลค่าค้าปลีกเช่นกัน
เมื่อมองมาที่สัดส่วนยอดจำหน่ายผ่านช้อปออนไลน์ช่องทางต่าง ๆ พบว่า
พฤติกรรมคนไทย มีสัดส่วนซื้อสินค้าจากช่องทาง eMarketplace มากขึ้น
จากข้อมูลของไพรซ์ซ่าพบว่าในปี 2561 ช่องทางจำหน่ายสินค้าออนไลน์มีสัดส่วนคือ
Social Media 40%
eMarketplace 35%
Brand.com 25%
ส่วนในปี 2562 มีการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนยอดจำหน่ายดังนี้
Social Media 38%
eMarketplace 47%
Brand.com 15%
การเติบโตของสัดส่วนยอดจำหน่ายผ่าน eMarketplace ในปีที่ผ่านมา มาจากการเพิ่มขึ้นของผู้เล่นหน้าใหม่ ๆ อย่างเช่น NocNoc ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ไพรซ์ซ่ามองว่าเป็นหนึ่งใน eMarketplace
นอกจากนี้ eMarketplace ที่มีการปรับตัวเป็น Social Media มากขึ้น เช่นการมีฟีเจอร์แชต จากการมองเห็นพฤติกรรมคนไทยชอบคุยกับคนขายก่อนซื้อ รวมถึงการเพิ่ม Live Commerce เข้ามาเป็นจุดขายดึงความสนใจนักช้อปตอบสนองไลฟ์สไตล์คนไทย
และ Marketeer มองว่าการเติบโตของสัดส่วน eMarketplace ยังมาจากการยอมขาดทุน จัดกิจกรรมดับเบิ้ลเดย์อย่างต่อเนื่อง พร้อมแคมเปญและเกมในรูปแบบต่างๆ เพื่อดึงดูดให้นักช้อปเข้ามาในแพลตฟอร์มเป็นประจำ
ส่วนโซเชียลมีเดีย แม้จะมีสัดส่วนที่ลดน้อยลง แต่ยังมีการเติบโตด้านมูลค่ามหาศาล โดยเฉพาะการขายสินค้าในรูปแบบ Live Commerce
แต่ช่องทางที่มีสัดส่วนลดลงอย่างเห็นได้ชัดคือ Brand.com เนื่องจากเป็นช่องทางที่ต้องใช้เงินลงทุนสูง ทั้งการลงทุนเทคโนโลยี การจัดการ และการตลาด ทำให้การขายสินค้าในช่องทาง Brand.com ส่วนใหญ่จึงเป็นผู้เล่นรายใหญ่เท่านั้น เพราะมองว่าเป็นช่องทางที่เป็นเจ้าของเอง และสามารถควบคุมสิ่งต่าง ๆ ที่ต้องการได้ด้วยตัวเอง
ส่วนแบรนด์สินค้าที่เป็นผู้เล่นหน้าใหม่ในช่องทางออนไลน์นิยมใช้บริการผ่าน eMarketplace มากกว่า จากความง่ายในการเปิดการขายและไม่ต้องลงทุนพัฒนาแพลตฟอร์มเอง แต่ความท้าทายของช่องทาง eMarketplace คือ มีคู่แข่งจำนวนมาก
ธนาวัฒน์บอกกับเราว่าแม้ในปีที่ผ่านมา eMarketplace จะมีสัดส่วนที่เพิ่มสูงขึ้นจากผู้เล่นหน้าใหม่ ๆ แต่ตลาดในประเทศไทยยังคงมีเพียงผู้เล่นหลักเพียง 2 รายเท่านั้น ได้แก่ ลาซาด้าและช้อปปี้
ในปีที่ผ่านการสำรวจของไพรซ์ซ่าพบว่า ช้อปปี้มี 54% และ ลาซาด้า 46% แม้ลาซาด้าจะบุกตลาด eMarketplace ในประเทศไทยก่อนก็ตาม
สำหรับ Social Commerce ในปีที่ผ่านมาพบว่าสัดส่วนมาจาก
Facebook 42%
Line 34%
IG 19%
Twitter 5%
สินค้ายอดฮิตของ ตลาดอีคอมเมิร์ซไทย
สำหรับในปี 2563 จากสถานการณ์วิกฤตโควิด-19 ที่เกิดขึ้นไพรซ์ซ่าให้ข้อมูลเปรียบเทียบสินค้ายอดนิยมที่ผู้บริโภคค้นหา เปรียบเทียบราคาผ่านไพรซ์ซ่าในช่วงมกราคม-กุมภาพันธ์ 2563 ซึ่งเป็นช่วงก่อนวิกฤตโควิด-19 ในไทย กับช่วงมีนาคม-เมษายน 2563 ช่วงแพร่ระบาดของโควิด-19 พบว่า มีกลุ่มสินค้าที่มีการเติบโตด้านการค้นหากลุ่มสินค้าที่มียอดลดลงในการค้นหาอย่างเห็นได้ชัด ที่เป็นดาวรุ่งและร่วงดังนี้
รุ่ง
สุขภาพและความงาม เติบโต 34%
อุปโภคบริโภคในครัวเรือน เติบโต 34%
หนังสือ เติบโต 27%
เครื่องใช้ไฟฟ้า เติบโต 22%
คอมพิวเตอร์ เติบโต 4%
เฟอร์นิเจอร์ เติบโต 2%
ร่วง
รถ ยานพาหนะ ลดลง 44%
เสื้อผ้าและแฟชั่น ลดลง 41%
กีฬา สัตว์เลี้ยง เอาต์ดอร์ และของสะสม ลดลง 28%
โทรศัพท์ อุปกรณ์สื่อสาร ลดลง 27%
สำหรับกลุ่มสินค้าสุขภาพความงามซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าที่มีการเติบโต 5 อันดับแรกที่ผู้บริโภคค้นหาสินค้าในกลุ่มนี้เป็นสินค้าที่เกี่ยวกับการป้องกันตัวจากโควิด ทั้งหมด ได้แก่
หน้ากาก
แอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อ เช่น ศิริบัญชา เสือดาว และเป็นคำค้นหาที่มีการเติบโตมากที่สุด
เครื่องวัดอุณหภูมิ
เจลล้างมือ
สมุนไพรฟ้าทะลายโจร
หมวดเครื่องใช้ไฟฟ้า 5 อันดับแรกในการค้นหาได้แก่
เครื่องกรองอากาศ
เครื่องดูดฝุ่น เช่น เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย Xiaomi Deerma และเป็นหมวดคำค้นหาที่มีการเติบโตสูงสุด
เครื่องซักผ้า
ตู้เย็น
หม้อและกระทะไฟฟ้า เช่น หม้อทอดไร้น้ำมัน
หมวด อุปโภคบริโภค 5 คำค้นหายอดนิยมได้แก่
น้ำยาฆ่าเชื้อโรค เช่น เดทตอล
ทิชชู่เปียก
กุนเชียง
ข้าว
สุรา
ส่วนการค้นหาที่ลดลงอย่างเช่นหมวดแฟชั่น นาฬิกาข้อมือ กระเป๋า รองเท้าผ้าใบ เสื้อผู้หญิง และรองเท้ากีฬา มีการค้นหาที่ลดน้อยมากที่สุด
ทั้งนี้ การมาของโควิด-19 ทำให้ Customer Journey เปลี่ยนไปสู่ออนไลน์มากขึ้น แต่หลังการปลดล็อกของห้างสรรพสินค้าจะทำให้คนกลับมาเดินห้าง และได้เห็นพฤติกรรมการซื้อสินค้าในรูปแบบออมนิชาแนลมากขึ้น และซื้อสินค้าในช่องทางที่ถูกที่สุดหรือสะดวกที่สุดแทน
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้
Website : Marketeeronline.co /
ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ