ขนมถ้วย D.I.Y กรณีศึกษา การพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสของ แป้งตราหมีคู่ดาว
อีกหนึ่ง Case Study ของการพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส จนทำให้โรงงานที่ทำธุรกิจแบบ B2B ขายส่งมานานกว่า 40 ปี กลายเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป และคนรุ่นใหม่มากขึ้น
1
เล่าให้ฟังกันก่อนว่าเจ้าของไอเดีย D.I.Y Box Set เหล่านี้คือ ‘แป้งตราหมีคู่ดาว’ แบรนด์ที่ผลิตแป้งเพื่อเอาไปทำอาหารต่าง ๆ และขายส่งให้กับอุตสาหกรรมขนาดใหญ่มานานกว่า 40 ปี
ซึ่งรายได้กว่าครึ่งหนึ่งของแป้งตราหมีคู่ดาวมาจากการส่งออกไปยังต่างประเทศ
2
แต่เมื่อโควิดเข้ามาสร้างผลกระทบจนทำให้ยอดขายลดลง
ทายาทรุ่นที่สองของแป้งตราหมีคู่ดาวอย่าง ‘คุณฟา-สถาพร ไพศาลบูรพา’ จึงต้องเร่งหาทางออก เพื่อทำให้ธุรกิจที่มีมาตั้งแต่รุ่นพ่ออยู่ต่อไปได้
สิ่งที่เธอเลือกทำ ไม่ใช่แค่เอาทีมผู้บริหาร หรือฝ่ายการตลาดมานั่งประชุมกันว่าจะทำยังไงต่อไป
แต่คือการตั้งคำถามใส่ Google Form เพื่อส่งให้พนักงานทุกคน ทุกตำแหน่ง ไม่เว้นแม้แต่แม่บ้านช่วยกันตอบว่า แต่ละคนมีวิธีจะช่วยลดต้นทุนหรือเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทยังไง
ไปจนถึงคำถามที่ว่า ตั้งเป้ายอดขายโปรเจกต์ที่คิดมากันไว้เท่าไร
3
ตอนแรกเธอก็แอบกังวล ว่าจะมีพนักงานให้ความร่วมมือตอบกลับมาไหม
ซึ่งผลที่ได้ออกมาก็ผิดคาด
เพราะแม้จะมีพนักงานทั้งหมด 200 คน แต่คำตอบที่เธอได้กลับมากลับมีกว่า 300 ไอเดีย
4
และเมื่อลองเอาคำตอบของพนักงานทุกคนวิเคราะห์รวมกัน เธอจึงได้ไอเดียใหญ่มาก้อนหนึ่ง ซึ่งนั่นก็คือความคิดที่ว่า
“ในเมื่อการ Work From Home ทำให้คนหันมาทำอาหารมากขึ้น แล้วบริษัทก็มีวัตถุดิบที่เอาไปต่อยอดได้อยู่แล้ว
ทำไมไม่ทำเป็น Box Set แบบ D.I.Y ที่ตวงส่วนผสม เตรียมอุปกรณ์ทุกอย่าง มีคู่มือขั้นตอนการทำไปให้ แล้วให้คนไปปรุงกันเอาเอง”
จากนั้นก็ใช้เวลาเพียง 2 อาทิตย์ ในการคิดค้นพัฒนาสูตร จนกลายมาเป็น ขนมถ้วย D.I.Y และ ไดฟูกุ D.I.Y ที่สร้างยอดขายได้กว่า 300,000 บาทภายในระยะเวลาเพียง 1 เดือนเท่านั้น
5
คุณฟาเล่าย้อนกลับไปให้ฟังว่าเมื่อ 5 ปีที่แล้ว เธอมีไอเดียจะสร้างแบรนด์ ‘ตราหมีคู่ดาว’ ให้เป็นที่รู้จัก ขยับรูปแบบธุรกิจจาก B2B มาเป็น B2C เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับแบรนด์ และทำให้ธุรกิจไม่ตกอยู่ในสงครามราคา
แต่ดูเหมือนว่าโควิดจะเป็นตัวบิดแรงเร่ง ที่ทำให้ไอเดียเมื่อ 5 ปีที่แล้วกลายเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาได้
6
แม้ 300,000 บาทจะเป็นตัวเลขที่ดูเยอะ
แต่เมื่อเทียบกับสเกลของการเป็นโรงงานขนาดใหญ่ ที่ต้องเลี้ยงพนักงานกว่า 200 ชีวิตเอาไว้
300,000 บาท จึงกลายเป็นเม็ดเงินที่ไม่เยอะอย่างที่คิด
ถึงอย่างนั้นคุณฟาก็ยังมองว่ามันคุ้มค่า เพราะการลงทุนครั้งนี้เธอไม่ได้ขาดทุน แถมกำไรที่ได้กลับมามีค่ามากกว่าเงิน 300,000 เสียอีก
7
กำไรที่เธอว่าคือการได้ฟังเสียงของพนักงานที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน
อย่างพนักงานแผนกควบคุมคุณภาพ ด้วยเนื้องานที่ทำให้เขาไม่ได้เสนอไอเดียอะไรมาก แต่การตอบแบบสอบถามใน Google Form นั้น ก็ทำให้คุณฟาได้เห็นว่าจริง ๆ แล้วพนักงานคนนั้นมีความคิดที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว
หรือแม้แต่ได้เรียนรู้วิธีทำธุรกิจแบบ B2C ได้ขยับขยายลองขายแบบออนไลน์ ที่เธอและทีมงานไม่เคยได้ทำแบบจริง ๆ จัง ๆ อย่างนี้มาก่อน
และอีกหนึ่งกำไรก็คือเรื่องของ Branding ที่ทำให้แบรนด์ซึ่งขายส่งมาตลอดกว่า 40 ปี เป็นที่รู้จักในหมู่คนทั่วไปมากขึ้น
8
จนถึงวันนี้ที่ธุรกิจได้รับผลกระทบจากโควิด ทั้งการใช้จ่ายที่ชะลอตัวในประเทศ หรือรายได้การส่งออกอีกกว่าครึ่งที่ได้รับผลกระทบ
แต่คุณฟาก็บอกกับเราว่า เธอยังไม่ลดจำนวนพนักงานเลยแม้แต่คนเดียว
และสวัสดิการที่เคยให้ในช่วงเวลาปกติก็ยังอยู่ครบ
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้
Website : Marketeeronline.co /
