ตลาดที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ โอกาสมี แต่จะจับใจผู้สูงวัยอย่างไรดี ? (วิเคราะห์)

อีก 4 ปีข้างหน้าประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่ สังคมสูงอายุโดยสมบูรณ์

และอีก 12 ปีข้างหน้าประเทศไทยจะเข้าสู่ สังคมสูงอายุระดับสุดยอด

สิ่งที่น่าสนใจคือ ตลาดที่อยู่อาศัย” ของคนสูงวัย จะจับกลุ่มสูงวัยที่มีกำลังซื้อ และไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปอย่างไร ในวันที่แนวโน้มของผู้สูงวัยในอนาคตจะอยู่คนเดียวมากยิ่งขึ้น

สะท้อนจากการสำรวจข้อมูลผู้สูงอายุ ปี 2560 ของสำนักงานสถิติแห่งชาติว่า สัดส่วนผู้สูงอายุที่อยู่คนเดียวอยู่ที่ประมาณ 10% ของประชากรผู้สูงอายุ เติบโตกว่า 4.5% ในช่วงปี 2550-2560 และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

ส่งผลให้ปัจจัยพื้นฐานอย่างที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุ น่าจะเป็นที่ต้องการตามการเพิ่มขึ้นตามสัดส่วนของประชากรสูงวัยของไทย

สังคมสูงอายุโดยสมบูรณ์ : จำนวนประชากรอายุ 65 ปีขึ้นไป มากกว่า 14% ของประชากรทั้งหมด
สังคมสูงอายุระดับสุดยอด : จำนวนประชากรอายุ 65 ปีขึ้นไป มากกว่า 20% ของประชากรทั้งหมด

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่าความต้องการขายที่พักอาศัยผู้สูงอายุในปัจจุบันยังเน้นเจาะตลาดกลุ่ม Upper Class และ Luxury Segment สำหรับกลุ่มผู้สูงอายุที่มีกำลังซื้อสูงเป็นหลัก

โดยกำหนดให้ผู้มีสิทธิ์ซื้อต้องมีอายุ 50-55 ปีขึ้นไป และชำระค่าเข้าพักเป็นเงินก้อนและเงินจ่ายล่วงหน้า ไม่รวมค่าส่วนกลางและค่าใช้จ่ายรายเดือนอื่น ๆ

แต่สิ่งเหล่านี้อาจยังไม่ตอบโจทย์ กลุ่มผู้สูงอายุที่มีกำลังซื้อรอง ลงมาที่มีการวางแผนเงินออมเพียงพอ ซึ่งที่ผ่านมายังคงมีตัวเลือกไม่มากนัก

ทำให้น่าจะเป็นโอกาสของผู้ประกอบการในการทำตลาดสำหรับกลุ่มเป้าหมายนี้

​แล้วคำถามคือผู้ประกอบการจะจับกลุ่มคนสูงวัยที่มีกำลังซื้อรองลงมาเหล่านี้อย่างไรดี

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่าสิ่งที่จะช่วยให้ ตลาดที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ ตอบโจทย์ความต้องการผู้สูงอายุที่มีศักยภาพได้มากขึ้น อาจต้องประกอบด้วย 2 ปัจจัยหลัก

1) การสร้างความเชื่อมั่นในการรองรับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้สูงอายุในแต่ละช่วงเวลา

โดยเฉพาะในด้านสุขภาพหรือการรักษาพยาบาลแบบ Continuing Care ซึ่งแพ็กเกจที่นำเสนอต้องมีความยืดหยุ่นได้ภายใต้เงื่อนไขที่ระบุไว้ตามสัญญา

มีทรัพยากรหรือพันธมิตรทางธุรกิจที่น่าเชื่อถือเพื่อสร้างความมั่นใจว่าสามารถดูแลผู้สูงอายุได้อย่างต่อเนื่อง

เช่น หากผู้สูงอายุเปลี่ยนจากที่เคยดูแลตัวเองได้ เป็นผู้ป่วยที่ต้องการการรักษาพยาบาล ก็จะสามารถปรับเปลี่ยนบริการที่จะได้รับภายใต้เงื่อนไขที่ตกลงไว้

โดยผู้สูงอายุสามารถเลือกบริการเพิ่มเติมแบบ Customized ได้เองตามความต้องการ สามารถแบ่งจ่ายเป็นรายงวด หรือจ่ายในรูปแบบเบี้ยประกันสุขภาพที่จะครอบคลุ​มบริการทางการแพทย์ที่จำเป็นตามเงื่อนไขสุขภาพในแต่ละช่วงเวลา ทดแทนการนำเสนอแบบ Universal Package ที่ต้องชำระเงินล่วงหน้าเป็นจำนวนมาก

ทั้งนี้ ที่อยู่อาศัยแบบ Continuing Care นี้เป็นที่นิยมอย่างมากในต่างประเทศ ทั้งในสหรัฐอเมริกาและยุโรป เนื่องจากจะสร้างความเชื่อมั่นและเป็นหลักประกันในการใช้ชีวิตของผู้สูงอายุได้

 2) การปรับกลยุทธ์การตลาดและผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่จะช่วยเพิ่มความสามารถในการซื้อของผู้สูงอายุให้เข้าถึงที่อยู่อาศัยได้มากขึ้น

โดยเน้นกลุ่มราคาที่เข้าถึงได้มากขึ้น ซึ่งน่าจะอยู่ที่ระดับไม่เกิน 2.5 ล้านบาทต่อหน่วย รวมถึงการขยายกลุ่มเป้าหมายที่มีสิทธิ์ซื้อไปสู่กลุ่มที่ดูแลผู้สูงอายุ และวัยทำงานที่วางแผนที่อยู่อาศัยหลังเกษียณล่วงหน้า ตั้งแต่อายุ 45 ปีขึ้นไป

โดยอาจนำเสนอรูปแบบการซื้อสิทธิ์ในลักษณะผ่อนชำระระยะยาว สำหรับเข้าอยู่เมื่ออายุถึงตามเกณฑ์ที่กำหนด เพื่อช่วยลดความเสี่ยงจากการจ่ายเป็นเงินก้อน

I

อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ 
Website : Marketeeronline.co / Facebook : www.facebook.com/marketeeronline

 

 


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer