เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ Marketeer ได้มีโอกาสไปนั่งอัพเดท ชีวิตการทำธุรกิจของอภิรักษ์ โกษะโยธิน ประธานกรรมการบริษัท และซีอีโอ บริษัท วี ฟู้ดส์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ออฟฟิศเล็กๆน่ารักบนชั้น5 ตึกFYI ในวันที่ทุกคนกำลังกังวลกับการระบาดรอบใหม่ของโควิด-19
อภิรักษ์มุ่งมั่นสร้างแบรนด์ วี คอร์น และ วี ฟาร์ม ข้าวโพดหวานพร้อมทาน และน้ำนมข้าวโพด มานานถึง 7 ปี ด้วยความมั่นใจว่าโลกในอนาคต คนจะให้ความสำคัญในเรื่องอาหารเพื่อสุขภาพมากขึ้น
ไลฟ์สไตล์และเทรนด์ของคนรุ่นใหม่เป็นสิ่งที่เขาให้ความสนใจ และได้มีโอกาสเข้าไปบริหารองค์กรใหญ่ๆ ที่ทำสินค้าที่โฟกัสคนกลุ่มนี้อยู่นานหลายปี
เช่นการเข้าไปดูแลพิซซ่าฮัท ไทยแลนด์ จำกัด สาขาแรกที่กรุงเทพฯ เมื่อปี 2526
เป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาดบริษัท เป๊ปซี่–โคล่า อินเตอร์เนชั่นแนล ไทยแลนด์ จำกัด จนได้ขึ้นเป็นผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาดของเป๊ปซี่ภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เป็นผู้บุกเบิกสินค้าขนมขบเคี้ยวฟริโต–เลย์ ของเป๊ปซี่ ในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟริโต–เลย์ ไทยแลนด์ จำกัด คนแรกเมื่อ 25 ปีก่อน
อภิรักษ์ ทำงานกับกลุ่มเป๊ปซี่–โคล่า นานถึง 11 ปี ก่อนพลิกชีวิตการทำงานไปเป็น ซีอีโอ ให้กับ บมจ. แกรมมี่ เป็นบริษัทคนไทยบริษัทแรกที่เขามีโอกาสได้เข้าไปร่วมงาน
“ช่วงนั้นผมไม่คิดว่าเป็นการพลิกชีวิตการทำงานเพราะแกรมมี่ ก็มีคนรุ่นใหม่เป็นลูกค้าเป้าหมายเหมือนกัน เพียงแต่เป็นเรื่องของการเอ็นเตอร์เทน ไม่ใช่เรื่องของอาหาร”
ก่อนที่จะออกมาเป็นผู้บริหารใน บริษัท ทีเอ ออเร้นจ์ จำกัด (ทรูมูฟ) ทำงานร่วมกับ ศุภชัย เจียรวนนท์
ประสบการณ์ ในการบริหารองค์กรภาคเอกชน ได้นำมาใช้ในการบริหารกรุงเทพมหานคร เมื่อมีโอกาสได้ขึ้นมาเป็นผู้ว่า กทม. 2 สมัย และการเป็น สส. เมื่อเขาก้าวมาสู่เส้นทางการเมือง
จนกระทั่งช่วงเว้นวรรคทางการเมือง เขาได้กลับมาทำธุรกิจอีกครั้ง เมื่อประมาณ 7 ปีที่แล้ว หลังจากอยู่ในวังวนของการเมืองประมาณ 10 ปี
และครั้งนี้ พอกันทีกับการเป็นลูกจ้าง

ในช่วงเวลานั้น เทรนด์ของเรื่องสุขภาพ เรื่องออกกำลังกาย และการทานอาหารที่มีประโยชน์ กินผัก ลดแป้ง น้ำตาลต้อง 0 เปอร์เซ็นต์ เป็นเรื่องที่มาแรงมาก
ข้าวโพดหวานต้มสุก เป็นสินค้าตัวหนึ่งที่ไม่ต้องพูดกันมากสื่อสารกันเยอะ ทุกคนรู้จัก ทุกคนรู้แล้วว่าเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ ทั้งในเรื่องของ เบต้าแคโรทีน ช่วยบำรุงสายตา บำรุงผิวพรรณ
เมื่อถูกนำมาสร้างมูลค่าเพิ่ม ด้วยการวิจัยพัฒนาสายพันธุ์ใหม่ๆ แล้วจับแต่งตัวสวยๆ ไปวางขายในเซเว่น ที่ลูกค้าใคร่อยากทานตอนไหนต้องได้ทาน
2 ตัวแรกที่ถูกนำไปทำตลาดคือข้าวโพดฝัก และข้าวโพดคลุกเนย ปัจจุบันมี น้ำนมข้าวโพด และขยายมาเป็นอาหารคลีน “ชุดรวมนึ่ง” มีทั้งข้าวโพด มันม่วง และฟักทอง
แค่ปีแรก ก็เริ่มได้รับรางวัล สุดยอดนวัตกรรม “เซเว่น อินโนเวชั่น อวอร์ดส์ 2020″ และตามมาอีกหลายรางวัล
แต่ในเรื่องรายได้อาจจะยังไม่สวยงามนัก เพราะยอดขายยังอยู่ที่ประมาณปีละ 200 ล้านบาท ส่วนกำไร อภิรักษ์บอกว่ายังไม่อยากพูดถึง
“ความท้าทายของการทำสินค้าเกษตรคือเรามีศัตรูที่มองไม่เห็น คาดการณ์ไม่ได้ เช่นบางปีต้องเจอกับภัยธรรมชาติ ภัยแล้ง ฝนเยอะ น้ำท่วม และการขายสินค้าที่สดใหม่จากไร่ วันนึงจะส่งของเข้าเซเว่นถึง 2 รอบ เป็นการบริหารจัดการซัพพลายเชนที่หินระดับหนึ่งเลยครับ”
ช่วงล็อกดาวน์ ยอดขายตกตามเซเว่น 30-40% แต่หลังจากนั้นเห็นได้ชัดว่าโควิด-19 คือตัวกระตุ้นที่ทำให้คนหันมาสนใจในเรื่อง อาหารเพื่อสุขภาพมากขึ้น ทำให้ยอดขาย ดีขึ้นเรื่อยๆ
วันนี้ยอดขาย 50% มาจากข้าวโพดฝักตัด 3 ท่อน อีก 30% ข้าวโพดคลุกเนย ข้าวโพดหวานพร้อมทาน อีก 20% คือน้ำนมข้าวโพด

โควิด-19 จุดกระแส PLANT – BASED ให้แรงขึ้น
อภิรักษ์ บอกว่าเพราะโควิดทำให้บริษัทต้องทรานฟอร์มตัวเองครั้งใหญ่โดยการเปิดขายผ่าน วี ฟาร์ม เดลิเวอรี่เป็นครั้งแรก พร้อมกับให้ความสำคัญในการขายทางด้านออนไลน์มากขึ้น
รวมทั้งได้เปลี่ยนแปลงตัวเองจากการขายอาหารเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพจากข้าวโพดเป็นหลัก เป็นบริษัทอาหารทางด้าน PLANT – BASED Food หรือการขายสินค้าอาหาร ที่ทำจากพืชเป็นหลัก และแทนที่จะพัฒนาและสร้างโรงงานเองเขากลับเลือกที่จะไปได้เร็วด้วยการหาพันธมิตร
โดยวันนี้ (2 ธ.ค.) ได้ประกาศการจับมือกับกลุ่มสตาร์ทอัพ บริษัท มอร์ฟู้ดส์ อินโนเทค จำกัด ผู้พัฒนาเนื้อจากโปรตีนพืช “มอร์มีท”
บริษัท มอร์ฟู้ดส์ มีนวัตกรรม มีโรงงานผลิตที่ทำสินค้า “มอร์มีท” ผลิตภัณฑ์
ทำให้ปัจจุบัน วี ฟู้ดส์ มีสินค้าแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก คือ
1.ข้าวโพดฝัก ซึ่งเป็นสินค้าหลักมานาน 7 ปี
2.เครื่องดื่มน้ำนมข้าวโพด ในอนาคตจะขยายไปเป็นสินค้า PLANT – BASED milk มากขึ้น
3.สินค้าคลีนฟู้ด เช่น ชุดนึ่ง มันม่วง ฟักทอง
4.PLANT – BASED Food ที่มีตัวแบรนด์ “มอร์มีท” ซึ่งจะร่วมกันพัฒนาสินค้า PLANT – BASED ใหม่ๆ ออกมาอีกเช่น “ลาบทอด” โปรตีนจากพืช ก็แซ่บกันได้
“ทั้งหมด จะเป็นโมเดลธุรกิจใหม่ของผมในปีหน้า โดยจะมีสินค้า PLANT – BASED ออกมาอีกเยอะ พูดง่ายๆ เหมือน ready to eat ที่ใช้ มอร์มีท หรือส่วนผสมอื่นที่ทำจากพืชทั้งหมด“

มีประโยชน์ หน้าตาดี และต้องทานอร่อย คือความท้าทายที่ต้องร่วมกันพัฒนา เพื่อให้คนหันมาสนใจมากขึ้น
เป็นโมเดลธุรกิจหนึ่งที่อภิรัก์ษ์ มั่นใจว่าจะทำให้ บริษัท วี ฟู้ดส์ (ประเทศไทย) เติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะนอกจากเป็นเทรนด์ที่ต้องไปในอนาคตแล้ว วันนี้ในบ้านเราคนลงมาเล่นตลาดนี้น้อยมาก มีเพียง 3-4 แบรนด์เท่านั้น ยอดขายก็ยังน้อย มูลค่าตลาดรวมยังเป็นแค่หลัก 10 กว่าล้านเท่านั้น
แต่เขามั่นใจว่าใน 1-2 ปีนี้ สามารถขยับไปถึงหลัก 100 ล้านบาทได้แน่นอน
“วันนี้เราขอเป็นปลาตัวเล็กที่ว่ายได้เร็วมากในตลาดของ emerging trend ที่เล็กจริง แต่โตเร็ว และมีอนาคตแน่นอน โดยมีโควิด-19 ช่วยจุดกระแส ให้แรงขึ้น”
เมื่อโอกาสมี ความท้าทายในการสร้างให้ วี ฟู้ดส์ ได้รับการยอมรับว่าเป็นบริษัทอาหารและเครื่องดื่มด้านนวัตกรรมที่คนนิยมชมชอบสูงสุด และสามารถเข้าไประดมทุนได้ในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องขององค์กร และเป็นการปูพื้นฐานที่แข็งแรงให้กับ ผู้บริหาร เจนที่ 2 “อนรรฆ โกษะโยธิน” ลูกชายคนเดียวที่มารับหน้าที่ในเรื่อง Marketing
คือสิ่งที่อภิรักษ์ ต้องมุ่งมั่นต่อไป
–
