สยามพรีเมียมเอาท์เล็ต เดินทางมาครบ 1 ปี แต่วันนี้ยังเจอโจทย์ที่ท้าทาย
1 ปี ของ สยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต กรุงเทพ
ที่ในวันนี้ยังเจอกับโจทย์ท้าทายเดิม โควิด-19 เศรษฐกิจชะลอตัว
ในวันนั้น (19 มิ.ย. 63) ท่ามกลางเศรษฐกิจชะลอตัว สถานการณ์โควิด-19 ก็ยังไม่ได้ดีขึ้น สยามพิวรรธน์ มั่นใจ ตัดสินใจเปิดตัว สยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต กรุงเทพ ขึ้น
ไมเคิล ถัง กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามพิวรรธน์ ไซม่อน จำกัด เล่าย้อนไปให้ฟังว่า ผลตอบรับดีเกินที่คาดไว้ คนมาเยอะ ลานจอดรถเต็ม
จากนั้นจำนวนคนค่อย ๆ ลดลงตามปกติของการเปิดเอาท์เล็ตในช่วงแรก
ไฮซีซันช่วงเดือนธันวาทราฟฟิกคนมาเดินเอาท์เล็ตคึกคักอีกรอบ ลานจอดรถเต็มอีกครั้ง
แต่ดันมาเจอการระบาดของโควิด-19 ระลอกสอง เหมือนอยู่ ๆ ก็ ‘ตกเหว’ ที่ไมเคิลบอกว่าทุกคนตกเหวเหมือนกันหมด
‘ตกเหว’ อีกรอบในเดือนเมษากับการระบาดรอบใหม่ที่กรุงเทพฯ และจำนวนผู้ติดเชื้อแตะหลักพันทุกวัน
ระลอกใหม่นี้ทำให้ต้องกลับมานั่งมองกลยุทธ์กันอีกรอบ และ wait & see ดูว่าจะไปทิศทางไหน เมื่อเห็นทิศทางที่ดีถึงจะปล่อยแคมเปญ โปรโมชั่นต่าง ๆ ออกไป
จากวันแรกมีร้านค้าเปิดให้บริการแค่ 65% มาตอนนี้ครบ 1 ปีมีร้านค้าเปิดให้บริการคิดเป็น 91%
มีผู้ใช้บริการไปแล้วกว่า 2 ล้านคน คนไทยยังเป็นกลุ่มหลัก
ผู้หญิง 65% และผู้ชาย 35%
ส่วนครึ่งปีแรกของปี 2564 ผู้คนยังมาช้อปไปแล้ว 1 ล้านคน
แม้ทราฟฟิกต่อวันในช่วงเดือนเมษา-พ.ค. จะลดลง 20% กว่าช่วงปกติ
แต่ตอนนี้ทราฟฟิกเริ่มกลับมาแล้ว
ทราฟฟิกคนเดิน สยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต กรุงเทพ มีแค่ไหน
ก่อนการระบาดระลอกสาม 5,000-6,000 คนต่อวัน
หลังการระบาดละลอกสาม 3,000 คนต่อวัน
ปัจจุบัน ราว 5,000 คนต่อวัน”
มียอดใช้จ่ายเฉลี่ยต่อหัวราวๆ 1,400 บาท
ทิศทางครึ่งปีที่เหลือนี้ สยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต กรุงเทพ จะเดินเกมอย่างไร
หัวเรืออย่างไมเคิล ถัง ระบุว่า ประเทศไทยมีการคาดการณ์ตัวเลขนักท่องเที่ยวจะขยายตัวในระดับต่ำ 1-2%
และการฟื้นตัวจะเริ่มดีขึ้นปีหน้า นักท่องเที่ยวจะกลับมาเติบโต 10-15% ในปี 2566-2567
เพราะฉะนั้นกลยุทธ์ยังไม่เปลี่ยนคือ จับกลุ่มลูกค้าคนไทยเป็นหลัก และชาวต่างชาติที่อยู่ในไทย
ใช้การตลาดที่สมาร์ทขึ้น ดูเรื่องของไทม์มิ่งในการปล่อยแคมเปญให้ถูกจังหวะ ปรับตัวนิวนอร์มอลรุกโซเชียลมีเดียทุกแพลตฟอร์ม เข้าไปเป็นพันธมิตรกับธนาคาร
ที่สำคัญคือการดึงลักชัวรีแบรนด์ใหม่ ๆ เข้ามาเปิดช้อปที่เอาท์เล็ต ยังเป็นกลยุทธ์ที่จะดึงดูดผู้บริโภคให้มาช้อปปิ้งมากขึ้น
หลังจากนี้จะยังมีแบรนด์ทยอยมาเรื่อย ๆ เดือนสิงหาจะเห็น Longchamp เปิด Exclusive Outlet เป็นที่แรก
ไมเคิลยังระบุอีกว่า เราต้องระมัดระวังค่าใช้จ่ายเหมือนเดิม
ที่ผ่านมา สยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต กรุงเทพ เอาตัวรอดมาได้เพราะเราควบคุมต้นทุนได้ดี
บวกกับเป็นองค์กรที่ลีนอยู่แล้ว เพราะมีทีมอยู่ราว ๆ 40 คน และยังต้องลีนต่อไป
แม้จะเหนื่อยกับการที่ต้องปรับตัวและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แต่ไม่เคิล บอกว่าข้อดีขององค์กรที่ลีนและทีมเล็กแบบที่เขาดูอยู่นี้ทำให้ปรับตัวเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวาได้ทันท่วงที
ภาพใหญ่แผนธุรกิจระยะยาวแผนที่จะขยายสาขาคงต้องดูความพร้อม และความสำเร็จของเอาท์เล็ตสาขานี้เป็นหลัก
หลังจากนั้นจึงจะขยายสาขาต่อไป
แผนระยะสั้นคือ ต้องพยุงตัวเองในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน ต้องพร้อม หาร้านค้าใหม่ ๆ ควบคุมค่าใช้จ่าย และเมื่อสถานการณ์กลับมาปกติก็พร้อมลุยเต็มที่
แม้ไมเคิลจะไม่ได้บอกถึงตัวเลขรายได้ของปีที่ผ่านมา และเป้าปีนี้ว่าเป็นแบบไหน
แต่เขายืนยันว่า สถานการณ์แบบนี้ ทำได้เท่านี้ก็ถือว่าดีแล้ว แต่หากเป็นไปในสถานการณ์ปกติยังดีได้มากกว่านี้อีก
ครึ่งปีหลังที่เหลือนี้จะทำได้ตามที่ตั้งเป้าไว้หรือไม่นั้น
ต้องรอดูกัน
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้
Website : Marketeeronline.co /
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ Website: Marketeeronline.co
Facebook: www.facebook.com/marketeeronline



