ตลาดหลอดไฟ ทำไมหลายครัวเรือนจึงต้องเลือกแบรนด์ Philips (วิเคราะห์)

130 ปีมาแล้วที่ Philips” ได้มีส่วนสำคัญต่อการช่วยให้ชีวิตคนทั่วโลกปลอดภัยและสะดวกสบายขึ้น ผ่านหลอดและโคมไฟส่องสว่างในไทย Philips เป็นที่รู้จักและไว้ใจในด้านอุปกรณ์ส่องสว่างมานานถึง 69 ปี

ความสำเร็จดังกล่าวทำให้ล่าสุด Philips ภายใต้การบริหารแบรนด์ของ บริษัท ซิกนิฟาย คอมเมอร์เชียล (ประเทศไทย) จำกัด ครองตำแหน่ง Marketeer No.1 Brand Thailand  ในหมวดหลอดไฟ LED / Lamp ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 แล้ว

รางวัลในปีนี้ยิ่งทวีความสำคัญ เพราะเป็นการรับประกันว่าผู้บริโภคชาวไทยยังมอบความไว้วางใจให้ Philips เป็นแสงส่องทางท่ามกลางวิกฤตระดับโลกจากสถานการณ์โควิด

No.1 แห่งความภาคภูมิใจที่มาพร้อมความรับผิดชอบ

รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งและภาคภูมิใจอย่างมากที่ได้รับรางวัล Marketeer No.1 Brand Thailand แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกได้ถึงความรับผิดชอบ เพราะการคว้าอันดับ 1 ว่ายากแล้ว แต่การยืนหนึ่งมาได้อย่างยาวนานนั้นยากกว่า”  

นี่คือประโยคแรกที่  Mr. Jagannathan Srinivasan – Managing Director บริษัท ซิกนิฟาย คอมเมอร์เชียล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวกับ Marketeer ในการสนทนากันครั้งนี้

พร้อมขยายความว่า ภาคภูมิใจเพราะเป็นรางวัลแห่งความไว้ใจที่ผู้บริโภคมอบให้ และยังเป็นการคว้ารางวัลได้ถึง 3 ปีต่อเนื่องอีกด้วย และในอนาคตต่อจากนี้ Philips จะยังเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง ทั้งเพื่อตอบแทนผู้บริโภคและครองตำแหน่งอีกในปีต่อ ๆ ไป ไม่ว่าความท้าทายจะเพิ่มขึ้นมากแค่ไหนก็ตาม

พลังแสงสว่างส่องทางยามวิกฤต
เพื่อวันข้างหน้าที่สดใสกว่าเดิม

บทสนทนาดำเนินต่อไปด้วยการที่ Mr. Jagannathan ให้รายละเอียดถึงที่มาของความสำเร็จ พร้อมบทบาทสำคัญของ Philips ต่อผู้บริโภคชาวไทยและทั่วโลกในสถานการณ์โควิดตลอดเกือบ 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นโอกาสให้ผู้บริโภคได้รู้จักและเห็นศักยภาพของ Philips มากขึ้น

“เกือบ 2 ปีที่ผ่านมาไทยและประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ล้วนได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด โดยที่เห็นชัดเจนและผู้บริโภคสัมผัสได้มากที่สุด คือการที่สมาชิกของทุกครอบครัวต้องติดล็อกดาวน์ ใช้ชีวิตร่วมกันอยู่ในบ้านนานขึ้น พ่อแม่ก็ Work from Home ลูกก็เรียนออนไลน์

แสงจากผลิตภัณฑ์ของ Philips จึงเข้ามามีบทบาทสำคัญ ทั้งเพื่อให้แสงสว่างในห้องที่เหมาะสม ปลอดภัยและถนอมสายตา ระหว่างทำงานและเรียนอยู่ในบ้าน ขณะเดียวกันแสงยังช่วยสร้างบรรยากาศในห้อง เมื่อต้องการปรับโหมดสู่การพักผ่อน โดยทั้งหมด Philips มี Philips Hue ระบบไฟ IoT อัจฉริยะ ซึ่งเป็นที่นิยมใช้เป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ที่ปรับ Ambience โทนสี, ระดับความสว่าง และให้ความบันเทิง เช่น การ sync เสียงเพลงจาก Spotify เข้ากับจังหวะไฟ หรือ การเล่นเกมแล้วไฟปรับเปลี่ยนไปตามภาพบนจอ และยังมี Philips Smart LED with WiZ connected ที่เปิดตัวไปไม่นาน เป็นระบบไฟอัจฉริยะ Wifi ซึ่งเน้นติดตั้งง่ายผ่านระบบ Wifi ในบ้าน ผ่าน WiZ Ecosystem  ซึ่งทั้ง 2 ระบบสามารถควบคุมได้ผ่าน  Smart Devices เช่น Mobile, Speaker เป็นต้น และสามารถใช้ได้บนระบบปฏิบัติการ iOS และ Android  ไว้รองรับทุกความต้องการตามเทรนด์ Smart Home รวมถึง หลอดและโคมไฟ “ถนอมสายตา” ตัดแสงสีฟ้า และหลากหลายรุ่นในตลาดโดยสังเกตได้จากโลโก้ Eye Comfort ที่กล่องสินค้า นี่ทำให้ยอดขายผลิตภัณฑ์ส่องสว่างของ Philips เติบโตขึ้นอย่างมากในช่วงสองปีที่ผ่านมา”

ผู้บริหารซิกนิฟายประเทศไทย กล่าวต่อว่า อีกผลิตภัณฑ์หนึ่งภายใต้แบรนด์ Philips ที่โตขึ้นอย่างเห็นได้ชัดช่วงสองปีนี้ และมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องคือ กลุ่มโซลูชั่นไฟแสง UV-C

“แสงไฟ UV-C ถูกใช้ในโรงพยาบาล หรือกระบวนการทำน้ำประปา เพื่อยับยั้งเชื้อโรคมานานกว่า 40 ปีแล้ว แต่จากสถานการณ์โควิด Philips จึงได้นำหลอดไฟแสง UV-C ไปทดสอบในสถาบันวิจัยระดับโลกอย่าง Boston University เพื่อให้มั่นใจและเชื่อมั่นจะสามารถยับยั้งเชื้อไวรัส SAR-CoV2 ซึ่งเป็นเชื้อต้นเหตุของเชื้อโควิด-19 ได้หรือไม่

ผลออกมาว่าแสง UV-C จาก Philips สามารถยับยั้งการทำงานของไวรัสได้ในเวลาเพียงไม่กี่วินาที นี่เองนำมาสู่การพัฒนาและนำเสนอผลิตภัณฑ์ไฟแสง UV-C สู่ตลาดเพื่อการยับยั้งเชื้อโรคที่บ้าน ถือเป็นวิธีป้องกันที่มีประสิทธิภาพสูง เพื่อปกป้องสมาชิกในครอบครัวปลอดภัยจากเชื้อโควิด ส่วนออฟฟิศ โรงเรียน โรงงาน ห้างร้าน และหน่วยงานราชการของไทยก็นำไปใช้มากขึ้น เพื่อปกป้องพนักงานและผู้ใช้บริการ ได้ดีกว่าแค่ใช้เพียงเจลแอลกอฮอล์ล้างมืออย่างเดียว

ผลวิจัยของ Philips ร่วมกับทางแล็บ Innovative Bioanalysis ยังมีส่วนให้เราได้รู้ว่าแสง UV-C จาก Philips มีประสิทธิภาพในการยับยั้งเชื้อโรคที่ติดต่อผ่านทางอากาศ (Airborne) ซึ่งวิธีการใช้สารเคมี เช่น แอลกอฮอล์ หรือ น้ำยาฆ่าเชื้อไม่สามารถทำได้”

นอกจากนั้น Philips ยังเพิ่มความมั่นใจให้ผู้บริโภคชาวไทยด้วยการส่งผลิตภัณฑ์แสง UV-C กลุ่มสินค้าสำหรับผู้บริโภคเข้าทดสอบประสิทธิภาพและความปลอดภัยกับทางคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งได้รับการอนุมัติเป็นรายแรก ๆ ในประเทศไทยอีกด้วย

นวัตกรรมมากมายจากแสงไฟใต้แบรนด์ Philips ที่ช่วยพัฒนา ตลาดหลอดไฟ และคุณภาพชีวิต

ช่วงท้าย ๆ ของการสนทนากันครั้งนี้ ผู้บริหารซิกนิฟายประเทศไทย เผยให้เห็นถึงศักยภาพของผลิตภัณฑ์ส่องสว่าง Philips ที่ช่วยให้เราใช้ชีวิตง่ายขึ้นและปลอดภัยขึ้น เช่น หลอดไฟที่มีมีระดับการใช้พลังงานที่ต่ำลงไปกว่าปัจจุบันแต่ให้ความสว่างที่ดีขึ้น เหมาะกับรูปแบบการใช้ชีวิตคนในเมืองซึ่งจะอยู่ในที่หนาแน่นมากขึ้น โคมไฟโซลาร์เซลล์ตามบ้านและตรอกซอกซอยที่ทั้งประหยัดไฟและเปิด-ปิดเองอัตโนมัติ เหมาะอย่างมากสำหรับประเทศไทย นวัตกรรมเหล่านี้จะมาช่วยให้ผู้คนยังได้รับแสงสว่างที่ดีในยามค่ำคืน แต่จะช่วยลดการใช้พลังงาน ลดการปล่อยก๊าซ Carbon ซึ่งเป็นปัญหาหลักว่าด้วยเรื่องของโลกร้อนที่ทุกคนตระหนักและเผชิญในปัจจุบัน

และการนำผลิตภัณฑ์ส่องสว่างของ Philips ไปใช้ในภาคการเกษตร การปศุสัตว์ และเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ เพื่อให้ได้พืชผักเติบโตได้ดี ให้ไก่แข็งแรง เร่งเนื้อ เร่งโต ออกไข่ตามต้องการ และการเพิ่มผลผลิตกุ้ง ทั้งหมดจะนำมาซึ่ง productivity และ profit ที่มากขึ้นให้กับผู้ประกอบการ และผู้บริโภคก็จะได้อานิสงส์ คือ บริโภคสินค้าที่มีคุณภาพดี มีอาหารเพียงพอต่อประชากรโลกที่จะเพิ่มขึ้นอย่างมากในอนาคตอันใกล้  ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นอีกบทบาทหนึ่งที่สำคัญของ Philips ที่มีต่อความมั่นคงทางอาหารของโลก ตามเป้าหมาย UN SDGs [United Nations Sustainable Develompment Goals]

Mr. Jagannathan Srinivasan กล่าวทิ้งท้ายพร้อมความเชื่อมั่นว่า ด้วยเทคโนโลยีด้านแสงทั้งหมดของ Philips ที่พัฒนาก้าวหน้าไปในทิศทางที่ดีขึ้น จะทำให้คุณภาพชีวิตของชาวไทยและคนทั่วโลกดีขึ้น สอดคล้องตามแนวคิด Brighter lives, better world” ที่ Philips ยืดถือมาตลอดอย่างยาวนาน

อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ 
Website : Marketeeronline.co / Facebook : www.facebook.com/marketeeronline



อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ Website: Marketeeronline.co
Facebook: www.facebook.com/marketeeronline

ติดตาม Marketeer Online ทาง LINE Official


เพิ่มเพื่อน