เมื่อกระแสคนดูทีวีน้อยลง แต่ไปดูรีรันในยูทิวบ์มากขึ้น “กีฬา” เลยเป็น Number One Content in the World เพราะเป็นรายการที่ดูรีรันแล้วไม่มัน ต้องดู Real Time อย่างเดียวเท่านั้น
วันนี้ นอกจากกีฬาฟุตบอล สังเวียนมวยบ้านเราจึงคึกคัก มีไม่ต่ำกว่า 20 รายการ ในทีวีหลายช่อง ที่กำลังประหมัดอย่างเลือดเดือด เพื่อหวังจะกระชากเรตติ้งของคนดูให้กับช่อง ซึ่งหลายรายการก็ทำได้สำเร็จจริง ๆ
และนี่เป็นวิธีคิดหนึ่งที่สำคัญ ทำให้เกิดบริษัท วันแชมเปี้ยนชิพ ผู้จัดการแข่งขันศิลปะการต่อสู้แบบผสม ( Mix Matial Arts หรือ MMA) ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย มีสำนักงานใหญ่ในประเทศสิงคโปร์ และมีสำนักงานในประเทศไทย เป็นแห่งที่ 2 โดยมี “สุกี้” กมล สุโกศล แคลปป์ 1 ในผู้ก่อตั้ง เบเกอรี่ มิวสิค ค่ายเพลงดังในอดีต เป็นประธาน วันแชมเปี้ยนชิพ ในเมืองไทย
เมื่อผู้บริหารค่ายเพลงมาหลงใหลในเรื่องการต่อสู้ เปลี่ยนจากการ “ปั้นนักร้อง” มาเป็นการ ”ปั้นนักมวย” สังเวียนนี้จึงน่าสนใจ
ทุกธุรกิจ ขับเคลื่อนเพราะความรัก
เบเกอรี่ เป็นตำนานค่ายเพลงที่เกิดจากความรักในการร้องเพลงของเพื่อนรัก 3 คนคือ สุกี้, บอย โกสิยพงษ์ และสมเกียรติ อริยะชัยพาณิชย์ เมื่อปี 2537 เป็นกลุ่มผู้จุดประกายเพลงอินดี้ และ อัลเทอร์เนทีฟ ให้เกิดขึ้นในเมืองไทย สร้างชื่อให้ศิลปินในค่ายอย่างวง โมเดิร์นด็อก, โจอี้ บอย หรือกรู๊ฟไรเดอร์ส มาตั้งแต่ในสมัยนั้น ก่อนที่ทั้ง 3คนจะ โบกมือลาออกมาจากค่ายนี้เมื่อประมาณ 10 ปีก่อน
หลังจากนั้นสุกี้โลดแล่น มาทำรายการทีวี “ซิ่งล่าฝัน” เรียลลิตี้โชว์ที่เดินทางไปยังประเทศต่าง ๆ ด้วยมอเตอร์ไซค์ เขาขี่มอเตอร์ไซค์รอบเอเชีย 2 ปี ก็เริ่มอิ่มตัว อยากหาอะไรใหม่ ๆ ในชีวิตทำ
การขี่มอเตอร์ไซค์ เป็นอีกสิ่งหนึ่งในชีวิตที่เขาชื่นชอบ ถึงแม้วันนี้จะเลิกทำรายการนี้ไปแล้วและเคยประสบอุบัติเหตุเกือบถึงชีวิตถึง 2 ครั้ง ก็ยังไม่ยอมเลิกมีโอกาสยังคงออกทริปกับเพื่อนฝูงอยู่เรื่อย ๆ
“ผมได้เข้ามาช่วยครอบครัวทำธุรกิจโรงแรม บังเอิญตอนนั้นกำลังสร้างโรงแรมใหม่ เดอะสยามกับเวฟ ที่พัทยา ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยทำธุรกิจกับครอบครัวมาก่อนเลย แต่เข้าใจล่ะว่าเป็นของเราก็ต้องเข้ามาช่วยกันสานต่อ เลยทำมาตั้งแต่ปี 2552 ถึงปัจจุบัน ”
เป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่เขาใช้ความรัก ความผูกพันเป็นตัวขับเคลื่อน แต่ดูชีวิตจะราบรื่นเกินไป วันนี้ความรักครั้งใหม่ของเขาเลยเกิดขึ้นกับ MMA และมีความฝัน ในการเป็นผู้ร่วมจุดประกายของกีฬาประเภทนี้ให้เกิดขึ้นในประเทศไทย
ThinK Gobal Act local
“MMA เป็นกีฬาที่เริ่มในประเทศอเมริกา ผมก็ตามดูมาตั้งแต่วันแรก ๆ เมื่อ 20 กว่าปีก่อน เสน่ห์ของกีฬาประเภทนี้คือการต่อสู้แบบผสมผสาน เป็นการนำเอากีฬาที่ดีที่สุดของแต่ละประเทศมารวมกัน เช่น คาราเต้ มวยไทย กังฟู ยูยิตสู ยูโด ใครดีที่สุดมาพิสูจน์กันเลย ไม่ต้องมาบอกด้วยปากว่าของใครดีกว่า ผมชอบไอเดียนี้มาก ๆ แล้วคนที่เป็นแชมป์ก็ต้องเป็นหมด จะเก่งกีฬาอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ ต้องเก่งกว่าการแข่งมวยทั่ว ๆ ไปเยอะมาก”
เริ่มจากความชอบ รวมถึงเจ้าของสปอร์ตอีเว้นท์ที่ใหญ่มากในเอเชียนั้นเป็นคนไทยและเป็นเพื่อนรักของเขา และจากความคิดที่มองว่า ปัจจุบันในเอเชียไม่มีองค์กรกีฬาที่ยิ่งใหญ่ข้ามทวีปเลย อย่างเช่น เอ็นบีเอมา อีพีแอลมา หรือเอฟวันเลย และที่สำคัญ MMA เป็นการเอากีฬาที่สุดยอดในเอเชียเข้ามาโดยมีมวยไทยเป็นส่วนประกอบหลัก
ดังนั้น ทุกครั้งที่มีการแช่ง MMA ไม่ว่าที่ไหน ในโลกจะได้ยินคำว่า “มวยไทยศอก” “มวยไทยเตะ” หลายครั้งมากในแต่ละแมทช์
สุกี้ และ น้องชายของเขา “น้อย วงพรู” กับ “ชาตรี ศิษย์ยอดธง” เจ้าของและประธานบริษัทวันแชมเปี้ยนชิพ เป็นเพื่อนที่เรียนโรงเรียนนานาชาติในประเทศไทยมาด้วยกันเมื่อสมัยเด็ก ๆ ก่อนที่ชาตรีจะไปเรียนต่อต่างประเทศและจบปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เคยทำสตาร์ทอัพ ที่ซิลิคอนวัลเลย์ ก่อนจะมาก่อตั้งบริษัทเมื่อประมาณ 5 ปีที่ผ่านมา
“ผมยังมีความเชื่อส่วนตัวนะครับว่าเวลาทำธุรกิจต้อง ThinK Gobal Act local และเป็นประเด็นที่เราพูดกันมากในตอนนี้ ตอนผมทำค่ายเบเกอรี่เป็นเพลงฝรั่ง แต่ต้องปรับให้เข้ากับคนไทย MMA ก็เหมือนกันเรามาแข่งในเมืองไทยก็ต้องมีนักแข่งคนไทย หรืออย่างแฟนเพจของวันแชมเปี้ยนชิพที่ใหญ่มากก็ต้องมีภาษาไทยแปลให้เขา ไม่ใช่ทุกอย่างฝรั่งจ๋าหมด ต้องทำคลิปของเมืองไทย จะเอาคลิบจากเมืองนอกอย่างเดียวก็ไม่ได้”
สำหรับบทบาทของ “วัน” ในประเทศไทย วางแผนที่จะจัดในเมืองไทยปีละ 2 ครั้ง ครั้งแรกจะจัดในวันที่ 11 มีนาคมที่อิมแพคเมืองทองธานี
ถ้าตลาดโตมากขึ้น สุกี้บอกว่าอาจจะมีรายการทีวีแยกออกมา หรืออาจจะจัดเล็กหน่อยไปตามหัวเมืองต่าง ๆ ก็ได้
ทำธุรกิจ ชัวร์มาก ก็ไม่มัน ?
สุกี้เคยบอกว่า งานไหนถ้าไม่ท้าทาย มันชัวร์เกินไปก็ทำไม่สนุก แล้วงานนี้ท้าทายแค่ไหน ?
“คือ เวลาทำอะไรผมเอา Passion มาก่อนตลอด ไม่เคยเอาธุรกิจนำ เพราะถ้าเอาธุรกิจนำบางครั้งทำไปก็เบื่อ ไม่อยากทำ แล้วเป็นอย่างนั้นจริง ๆ แต่ถ้าเมื่อไหร่ทำด้วยความรัก จะสนุก สู้ไม่ถอย ผมเชื่อว่าทุกคนเป็นอย่างนั้น อีกอย่าง ผมชอบทำอะไรไม่เหมือนคนอื่น ผมเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่เด็ก ถ้าเขาทำกันเยอะแล้วไม่อยากทำ ยิ่งคนบอกว่ายากทำไม่ได้หรอก ยิ่งอยากทำ ผมเป็นคนแบบนั้น”
MMA ก็เช่นเดียวกัน ความท้าทายอยู่ตรงที่ว่าถึงแม้ ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา มวยเป็นกีฬาที่เติบโตมากในเมืองไทย มียิมใหม่ ๆ เกิดขึ้นต่อเนื่อง แต่ MMA ยังเป็นกีฬาใหม่ในเมืองไทย หลายคนไม่เข้าใจ ไม่รู้จัก
แล้วจะจุดประกายให้กีฬาประเภทนี้ในเมืองไทยได้อย่างไร?
“สิ่งหนึ่งที่สำคัญคือเราต้องสร้างสตาร์ของเรา ทำอย่างไรที่จะปั้นคนไทยให้ดังไปทั่วโลกได้ กีฬาจะแตกต่างกับดนตรีตรงที่ว่า ดนตรีถึงไม่เก่ง…คุณก็ใช้องค์ประกอบอย่างอื่นมาช่วยสร้างให้ดังขึ้นมาได้ ใช้เทคนิคเสียงร้อง ดูแลเรื่องการแต่งตัว ฝึกเรื่องบุคลิก ไปฝึกการแสดง แต่กีฬาทำอย่างนั้นไม่ได้ ต้องเป็นคนมีฝีมือจริง ๆ คุณแข่งแพ้ก็แพ้ ไม่มีใครช่วยได้ฝีมือของคุณล้วน ๆ”
เขาเชื่อว่าถ้าพัฒนานักชก MMA ในประเทศไทยให้มากขึ้น ความนิยมของคนไทยก็จะเพิ่มมากขึ้นตาม ส่วนจะโตได้แค่ไหนขึ้นอยู่กับความเก่งของนักชก ตอนนี้เราเก่งเรื่องมวยไทย ก็ต้องไปฝึก ยูยิตสู กังฟู ยูโดให้เก่ง ให้ครบเครื่องด้วย
คนไทยจำนวนมากมองว่ากีฬาประเภทนี้โหดมาก แต่ความจริงแล้วตลอดเวลาที่ผ่านมา กฎกติกาในการต่อสู้ได้พัฒนาไปมากแล้ว
“เมื่อ 20 ปีก่อน MMA โหดจริง การชกน้ำหนักไม่เกี่ยง คน 300 ปอนด์ อาจจะสู้กับคน 100 ปอนด์ กีฬาเลยโตไม่ได้ บางประเทศไม่ยอมให้ถ่ายทอดทีวี มันโหดเกินไป พอกฎกติกาเปลี่ยนคนก็ยอมรับได้มากขึ้น กีฬาก็โตเร็วมากขึ้นด้วย ครั้งนี้เราเอาผู้หญิงมาชกด้วย กีฬาก็จะดูเบาลง ทำให้คนมองว่าไม่เท่าไหร่ ขนาดผู้หญิงยังชกกันได้เลย”
กีฬา Number One Content in the World
“ตอนที่ผมคุยกับชาตรี เขาบอกว่าสุคุณต้องเป็นประธานบริษัทในเมืองไทย ผมตะโกนลั่น ‘โน’ ผมมีธุรกิจหลักอยู่แล้ว ผมอยากทำ แต่คงไม่เต็มตัวขนาดนั้น เขาพูดมาประโยคหนึ่งว่าต่อไปคนจะไม่ดูทีวี คนจะมาดูยูทิวบ์แทน สิ่งเดียวที่คนต้องดูทีวี คือกีฬาที่ดูรีรันแล้วไม่มัน ทำให้ผมมั่นใจว่าของสิ่งนี้สามารถทำเป็นธุรกิจได้ด้วยแน่นอน”
และที่สำคัญแค่เวลาปีครึ่งที่ได้มาคลุกคลีกับกีฬาได้เห็นมูลค่าตลาดรวมมหาศาลเลย มากกว่าตลาดดนตรีมากแบบเทียบกันไม่ได้
“แล้วยิ่งตอนนี้ ดนตรีมันใกล้จบละ พูดแล้วยังเศร้า ๆ เลย มันมาถึงจุดนี้ได้ไง” เขาพูดประโยคนี้ด้วยน้ำเสียงเศร้า ๆ
สำหรับรายได้สำคัญของ วันแชมเปี้ยนชิพ มาจากลิขสิทธิ์ในการถ่ายทอดสด ไปทั่วโลกกว่า 118 ทั่วโลก รวมทั้งรายได้จากโลคอลสปอนเซอร์ และสปอนเซอร์พ่วง
ส่วนแผนการทำตลาดในเมืองไทยก่อนการแข่งขันในเดือนมีนาคมนั้น จะทุ่มทางโซเชียลมีเดียเป็นหลัก โดยวางแผนลงโฆษณา 2 อาทิตย์ก่อนแข่งวันละ 1 แสนบาท
“เราเรียกตัวเองว่าเป็นสปอร์ตมีเดีย คัมพานี ไม่ใช่สปอร์ตอย่างเดียว วันนี้มีเดียแลนด์สเคปเปลี่ยนไปมาก ดังนั้นเมื่อเอากีฬากับมีเดียมารวมกัน ยิ่งสร้างมูลค่าเพิ่มมหาศาล ผมว่าวันนี้กำลังเข้าสู่ศตวรรษใหม่ของการกีฬาที่น่าตื่นเต้นจริง ๆ”
คราวนี้ ดูท่าทางเขาจะหลงใหลกับสปอร์ต ที่น่าจะทำเงินนี้ไปได้อีกนาน
เรื่อง : อรวรรณ บัณฑิตกุล
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้
Website : Marketeeronline.co /
