ที่ผ่านมา Marketeer ได้นำเสนอเรื่องราวการช่วยเหลือชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม ของ “บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด” มาอย่างต่อเนื่อง และในโอกาสคัดเลือก “แบรนด์ดีประเทศไทย : พันธกิจเพื่อสร้างสังคมดียั่งยืน” ชื่อของ “บุญรอดฯ” จึงเป็นหนึ่งชื่อที่ไม่สามารถมองข้ามไปได้
จากความชัดเจนในการสานต่อพันธกิจหลักที่ไม่เพียงโฟกัสแค่การเติบโตทางธุรกิจเท่านั้น แต่เป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญกับการสร้างสรรค์สังคมดีมาอย่างต่อเนื่อง เรียกได้ว่าเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนการเติบโตมาจากการสร้างความสุขให้กับทุก ๆ คนรอบข้างอย่างแท้จริง
ระยะเวลา 89 ปี นับว่าเป็นเวลาที่ค่อนข้างยาวนาน หากเทียบกับช่วงชีวิตของคนคนหนึ่ง ต้องถือว่าผ่านประสบการณ์ร้อนหนาว เห็นความเปลี่ยนแปลงของสิ่งต่าง ๆ รอบตัวมามาก เช่นเดียวกับ 89 ปีในการยืนหยัดของบุญรอดฯ ที่รับช่วงส่งไม้ต่อรุ่นสู่รุ่นจนมาถึงเจเนอเรชั่นที่ 4 สะท้อนถึงความแข็งแรง และมั่นคงมาจากภายใน รวมทั้งน่าค้นหาว่าอะไรที่ทำให้บุญรอดฯ เติบโตได้อย่างยั่งยืนมาจนถึงทุกวันนี้
ส่งต่อ DNA ของบุญรอดฯ จากรุ่นสู่รุ่น
บุญรอดฯ ให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคมมาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งโดย “พระยาภิรมย์ภักดี” (บุญรอด เศรษฐบุตร) ได้มอบปรัชญาการทำงานโดยยึดประโยชน์ของส่วนรวมไว้ว่า “ทุกคนควรมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือสังคมอย่างต่อเนื่อง” กลายมาเป็น DNA ที่มีอยู่ในคนของ “สิงห์” ที่มองว่าทุกคนเป็นเหมือนครอบครัว และต้องมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้ครอบครัว ผ่านสินค้าและบริการที่มีคุณภาพ รวมทั้งการตอบแทนคืนให้สังคม ซึ่งถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวด้วยเช่นกัน โดยได้ยึดถือปฏิบัติสานต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ทั้งผู้นำองค์กรในเจเนอเรชั่นต่อมาคือ คุณประจวบ ภิรมย์ภักดี คุณสันติ ภิรมย์ภักดี จนมาถึง คุณจุตินันท์ ภิรมย์ภักดี รวมไปถึงทุกคนในครอบครัวภิรมย์ภักดี และพนักงานทุกคนที่ต้องถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของ “ครอบครัวสิงห์” ด้วยเช่นกัน
ทุกธุรกิจที่เติบโตขึ้นของบุญรอดฯ จึงมาจากการมองอย่างรอบด้าน ทั้งโอกาสเติบโตในเชิงธุรกิจ ความต้องการของผู้คน รวมทั้งการเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเติมเต็มสังคมไทยได้ ตั้งแต่ธุรกิจดั้งเดิมอย่างธุรกิจเบียร์ ที่ขณะนั้นยังไม่มีเบียร์ที่เป็นของคนไทยมาก่อน รวมทั้งการผลิตโซดา น้ำดื่ม เพิ่มเติมเข้ามา จนปัจจุบันสามารถขยายธุรกิจออกไปได้มากกว่าแค่กลุ่มธุรกิจดั้งเดิม รวมกันแล้วถึง 6 กลุ่มด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มธุรกิจอาหารครบวงจร กลุ่มธุรกิจซัปพลายเชน ธุรกิจต่างประเทศ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งในกลุ่มบรรจุภัณฑ์
อีกหนึ่งความชัดเจนที่สามารถตอกย้ำความเชื่อและ DNA ในแบบของคนหัวใจสิงห์ที่ส่งต่อกันมาในทุกรุ่น คือ วิชั่นจากผู้นำองค์กรคนปัจจุบันอย่าง คุณจุตินันท์ ภิรมย์ภักดี ซึ่งได้มอบวิสัยทัศน์ “Bringing Joy To Life” หรือ การเติมเต็มความสุขให้ชีวิต สะท้อนถึงความมุ่งหมายในการดำเนินธุรกิจ ภายใต้แนวคิด “องค์กร ชุมชน/สังคม และสิ่งแวดล้อม ต้องมีความสุขร่วมกันอย่างยั่งยืน” ที่ใช้ความสุขมาเป็น Passion เป็นแรงขับเคลื่อนไปสู่การสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน เพื่อให้ทุกคนในองค์กรมีเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน
ความแข็งแกร่งขององค์กร วัดจากความสามารถในการสร้างความเจริญก้าวหน้า ต่อเนื่อง และนโยบายตอบแทนสังคมที่มั่นคง” : จุตินันท์ ภิรมย์ภักดี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บุญรอด บริวเวอรี่ จำกัด
ใช้ “ความสุข” สร้างคน สร้างสังคมคุณภาพ
ตลอด 89 ปีที่ผ่านมา บุญรอดฯ ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการ “สร้างคน” และ “ดูแลสังคม” มาโดยตลอด ภายใต้การส่งไม้ต่อของแต่ละเจเนอเรชั่นที่เข้ามาดูแล ซึ่งยังคงทำหน้าที่ในการขับเคลื่อนและสานต่อตามเจตนารมณ์ของผู้ก่อตั้ง ทั้งการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ และการดูแลช่วยเหลือผู้คนในสังคมเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน
ภาพการดูแลและเติมเต็มความสุขให้ผู้คนในสังคมของบุญรอดฯ น่าจะเป็นภาพที่ทุกคนได้เห็นจนชินตา แต่อีกด้านหนึ่งที่บุญรอดฯ ให้ความสำคัญไม่แพ้กัน คือ การเติมเต็มคุณภาพชีวิตที่ดีให้พนักงาน เพื่อเป็นจุดเริ่มต้น “สร้างคน” สร้างต้นแบบ “คนหัวใจสิงห์” ที่พร้อมเป็นกำลังหลักส่งต่อความช่วยเหลือ การดูแลและส่งมอบโอกาสไปยังผู้คนในสังคมโดยรอบ
“ถ้าอยากเห็นสังคมมีคุณภาพ เราก็ต้องสร้างคนที่มีคุณภาพให้กับสังคม”
สิ่งที่บุญรอดฯ ทำและให้ความสำคัญมาโดยตลอดคือ การทำให้ทุกคนในองค์กรสัมผัสถึงความรู้สึกของการเป็นครอบครัวเดียวกัน การดูแลพนักงานทุกคนเป็นอย่างดี ไม่ใช่แค่การดูแลในแง่ของสวัสดิการ แต่รวมไปถึงการมอบโอกาส มอบความมั่นคงในชีวิต เปิดโอกาสให้พนักงานเติบโตอย่างเท่าเทียม รวมทั้งการพัฒนาศักยภาพและทักษะที่เป็นประโยชน์ในการทำงาน และสอดคล้องกับการแข่งขันในยุคปัจจุบัน ผ่านการสร้างโปรแกรมพัฒนาบุคลากรที่มีการดีไซน์หลักสูตรแบบ Tailor-Made หรือการออกแบบเฉพาะบุคคล ให้สอดคล้องกับคุณสมบัติหรือความชำนาญส่วนตัวของพนักงานแต่ละคน เพื่อให้ตอบโจทย์เป้าหมายที่พนักงานต้องการและสามารถนำไปใช้งานได้จริง
รวมไปถึงการสร้างวัฒนธรรมองค์กร “SINGHA WAY” หรือ “วิถีของสิงห์” ที่เป็นวิถีปฏิบัติขององค์กร เพื่อให้พนักงานทุกคนในองค์กรทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพและมีความสุขจากภายใน พร้อมมีความรับผิดชอบต่อสังคม เพื่อสร้างการขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
ด้วยความเชื่อที่ว่า “คน” เป็นต้นทุนที่สำคัญของการพัฒนาในทุก ๆ มิติตามมา การมีคนที่มีคุณภาพเป็นการสร้างฐานรากของการพัฒนาที่แข็งแรงและยั่งยืน บุญรอดฯ จึงพยายามเติมเต็มสังคมด้วยการดูแล ช่วยเหลือ รวมทั้งสนับสนุนโอกาสให้แก่ผู้คนอย่างทั่วถึง เมื่อผู้คนที่เคยได้รับโอกาสมีความแข็งแรง และมีความพร้อมมากขึ้น ก็จะสามารถเปลี่ยนสถานะจากผู้รับมาเป็นอีกหนึ่งผู้ให้ พร้อมร่วมกันสานต่อห่วงโซ่แห่งความช่วยเหลือ เพื่อส่งมอบโอกาสที่ตัวเองเคยได้รับไปสู่ผู้คนในสังคมได้อีกทางหนึ่งต่อ ๆ กันไปอย่างไม่สิ้นสุด
สรุป
ทั้งหมดเป็นเพียงส่วนหนึ่งในการดำเนินธุรกิจของบุญรอดฯ ตลอด 89 ปีที่ผ่านมา ซึ่งไม่ได้โฟกัสแค่ภาพความสำเร็จหรือการเติบโตทางธุรกิจเท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับการเติมเต็มความสุขและมอบคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ผู้คนในสังคม โดยเฉพาะ “ความสุขของคนในองค์กร” เพื่อเป็นตัวแทนในการส่งต่อความสุขที่ได้รับไปยังสังคมรอบข้าง
เปรียบได้กับการเป็นข้อต่อแรกของห่วงโซ่ ก่อนจะขยายเครือข่ายของโอกาสและความช่วยเหลือไปสู่ชุมชนและสังคม ไม่ต่างกับการเพิ่มข้อต่อเพื่อความแข็งแรงและความยาวให้แก่ห่วงโซ่ จนสามารถนำไปสร้างประโยชน์ได้หลากหลาย
เพราะเราทุกคนถือเป็นส่วนหนึ่งในสังคมที่เราอยู่ และสามารถออกแบบสังคมที่เราอยู่ได้ด้วยการขับเคลื่อนของเราทุกคน ต่อให้บริบทของโลกจะเปลี่ยนไปอย่างไร เทคโนโลยีจะพัฒนาไปไกลแค่ไหน โลกจะถูกดิสรัปต์อีกสักกี่รอบก็ตาม แต่ “คน” ก็ยังเป็นทรัพยากรหลักที่สำคัญในการขับเคลื่อนและสร้างการเติบโตให้แก่องค์กรได้อยู่เสมอ
–
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ Website: Marketeeronline.co
Facebook: www.facebook.com/marketeeronline



