วิถีของ”เจ๊เกียว” สุจินดา เชิดชัย อาจจะไม่ใช่ role model ของเหล่าสตาร์ตอัป เพราะเจ๊เกียวใช้เวลาหลายสิบปีกว่าจะร่ำรวยเป็นหมื่นล้าน
สิ่งหนึ่งที่เจ๊เกียวเหมือนกับคนรุ่นใหม่อื่น ๆ ก็คือ “ความฝัน”
แต่ ความฝันของเจ๊เกียวเมื่อตอนเป็นเด็กคือ อยากเป็นนักก่อสร้าง อยากสร้างตึกสูง ๆ ไว้ไปกินข้าว ดูดาวบนชั้นที่ 100
ซึ่งเมื่อตื่นจากฝันกลับเป็นได้เพียงเด็กที่ได้เรียนแค่ชั้น ป. 4 เพราะพ่อแม่ต้องการให้ออกมาช่วยครอบครัวขายของและเลี้ยงน้องอยู่กับบ้าน
เจ๊เกียวเลิกที่จะฝันแต่กลับมุ่งมั่นในการตั้งใจทำงาน เพื่อให้พ้นจากความจน ความลำบากเป็น แรงผลักดันสำคัญ
เธอมีวิธีคิดในการบริหารงาน บริหารคนอย่างไร แม้ในช่วงวิกฤตสุด ๆ เจ๊เกียวก็ไม่ได้ล้ม จนเหลือศูนย์
บทสัมภาษณ์นี้บางส่วนมาจากเวทีเสวนา Women Empowerment “พลังหญิง” ขับเคลื่อนเศรษฐกิจยั่งยืน ที่จัดโดย SCG
ปัญหาในครอบครัวในวัยเด็ก ไม่ได้ทำให้เจ๊เกียวหมดหวังที่จะสร้างอนาคต
เจ๊เกียว สุจินดา เชิดชัย เจ้าของกลุ่มบริษัทเชิดชัยทัวร์ มาจากครอบครัวที่ค่อนข้างยากจน พ่อแม่มีลูก 10 คน เป็นลูกคนที่ 6 ภาพจำในวัยเด็กคือจะเห็นแม่นั่งร้องไห้หลังจากทะเลาะกับพ่อเป็นประจำ ทำให้เกิดความคิดที่จะดูแลพี่น้องให้สุขสบาย ซึ่งเป็นแรงกระตุ้นให้เจ๊เกียวเป็นคนขยันตั้งแต่เด็ก ๆ เป็นคนเรียนหนังสือเก่งแต่ได้เรียนเพียงแค่ชั้น ป. 4 เพราะต้องออกมาช่วยพ่อแม่ขายของชำอยู่กับบ้าน
ทั้ง ๆ ที่ตัวเองมีความฝันว่า ต้องการเรียนเกี่ยวกับการก่อสร้าง หวังจะสร้างตึกสูง ๆ เพื่อที่จะได้ไปกินข้าวและดูดาวชั้นที่ 100
กลัวจน กล้วลำบาก คือแรงผลักดันสำคัญ
จากชีวิตวัยเด็กที่ยากจน การเห็นพ่อแม่พี่น้องทำงานหนักกลายเป็นแรงผลักดันที่ทำให้เธอเป็นคนขยันทำงานมาตั้งแต่เล็ก ๆ และคิดจะทำโน่น ทำนี่ ตลอดเวลาเพื่อให้พ้นจากความลำบาก และเห็นครอบครัวมีความสุข
เพราะอยากรวย เจ๊เกียวเลยเป็นคนประหยัด ไม่ซื้อเสื้อผ้าข้าวของแบรนด์เนม มีเงินก็จะซื้อที่ดินเก็บไว้ จนกล่าวได้ว่าเป็นเศรษฐีที่ดินคนหนึ่งของเมืองไทย โดยเฉพาะในโคราชบ้านเกิดที่มีที่ดินแปลงเล็กแปลงใหญ่มากมายหลายพันไร่
จนกระทั่งอายุ 19 ปี ก็ได้เแต่งงานกับคุณวิชัย เชิดชัย คุณวิชัยเป็นเจ้าของอู่ต่อรถ ที่ได้ขยายกิจการไปธุรกิจรถโดยสารเมื่อปี 2514 โดยมีภรรยาเป็นผู้ดูแลคนสำคัญ
จากรถโดยสารเพียง 1 คันที่วิ่งเส้นทางในโคราช
65 ปีผ่านไป ปัจจุบันเจ๊เกียวเป็นเจ้าของผู้ประกอบการรถทัวร์โดยสารรายใหญ่ของประเทศ เส้นทางเดินรถสายหลักมีทั้งทางภาคอีสาน ภาคตะวันออก ภาคกลาง และภาคเหนือ รวมทั้งยังมีธุรกิจรถโดยสารไม่ประจำทางอีกจำนวนมาก รวมเเล้วเกือบพัน
ประกาศขายกิจการเดินรถบางส่วน
เจ๊เกียวเล่าว่าตลอดระยะเวลาที่ทำธุรกิจมีปัญหาเกิดขึ้นมากมาย ล่าสุดปัญหาหนักที่สุดก็คือสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้ผู้โดยสารน้อยลง และค่าน้ำมันดีเซลก็แพงขึ้นต่อเนื่อง
วิ่งไปขาดทุนไปทุกวันจนต้องประกาศขายกิจการในส่วนของเชิดชัยทัวร์ ที่เป็นธุรกิจหนึ่งของบริษัทเชิดชัยคอร์ปอร์เรชั่น มีทรัพย์สินสำคัญคือรถโดยสารประจำทาง (หมวด 10) วิ่งตามเส้นทางบังคับ ที่ได้สัมปทานมา มีรถอยู่ประมาณ 200 กว่าคัน
โดยยังมีธุรกิจรถโดยสารไม่ประจำทาง (หมวด 30) ที่วิ่งได้ทั่วประเทศ ซึ่งรับจ้างรับส่งพนักงานบริษัทเอกชน หน่วยงาน รัฐวิสาหกิจต่าง ๆ อยู่อีกหลายร้อยคัน
วันนี้แม้ยังขายกิจการส่วนนี้ไม่ได้ แต่เธอก็บอกว่าไม่เคยกลัวกับปัญหา ที่ผ่านมาก็เจอเรื่องหนัก ๆ มามากก็สามารถผ่านมาได้ทุกครั้ง โดยมีคติประจำใจที่ว่า
“ปัญหาต่างๆ เป็นของที่คู่กันกับมนุษย์ เพราะคนเราเกิดมามีกรรม เราถือว่าปัญหานี้คือกรรมที่ตามมาเพื่อให้เราได้แก้ไข เราจึงต้องแก้กรรมไปให้จบ ไม่ต้องไปเสียใจ กังวลใจ”
ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกันหากขายไม่ได้ก็ไม่เป็นไร
“ถึงยังไม่มีใครมาซื้อ ก็จะไม่หยุดวิ่งแน่นอน คือทำการค้าอย่าคิดเอาแต่ได้อย่างเดียว ก็ต้องมีเสียบ้าง ครั้งนี้ขาดทุนวันละเท่าไรก็สู้ จะพยายามหาวิธีต่าง ๆ มาพยุงบริษัทไว้ให้ได้ ไม่ให้ลูกน้องต้องเดือดร้อนตกงาน”
วิธีการแก้ปัญหาอย่างหนึ่งก็คือ ยอมเอาทรัพย์สมบัติของตัวเองที่เป็นที่ดินออกมาขายเพื่อให้เชิดชัยทัวร์ยังวิ่งรถต่อไปได้
ถ้าให้ไล่เรียงที่ดินแปลงใหญ่เจ๊เกียวบอกว่า เดอะมอลล์โคราชก็เช่าที่เธอ 30 ปี โลตัสนั่นก็ลูกค้าเช่าที่ดินรายใหญ่
แปลงใหญ่ที่สุดที่กำลังต้องการขายประมาณ 2-3 พันไร่ อยู่ในอำเภอปักธงชัย ซื้อมานานเกือบ 40 ปี มีหลายเจ้าของเป็นหุ้นส่วนกัน แต่เธอมีมากที่สุดเกือบ 2 พันไร่
อีกแปลงหนึ่งประมาณ 1,700 ไร่ บนถนนมิตรภาพ เป็นพื้นที่สีม่วง ที่สามารถสร้างคลังสินค้าและโรงงานได้
เธอมองว่าโดยวิธีนี้เป็นการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ช่วยเหลือลูกน้องที่มีภาระต้องรับผิดชอบ แต่ก็ต้องขอให้รัฐบาลและกระทรวงคมนาคมเข้ามาดูแลช่วยเหลือผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมนี้บ้าง เช่นเดียวกันกับการเข้าไปช่วยภาคเกษตรกรรมต่าง ๆ
วิธีบริหารหัวใจตัวเอง ในการทำงาน
เมื่อถามว่าระหว่างทางของความสำเร็จเคยมีความเหนื่อย ท้อแท้ ไม่มีกำลังใจในการก้าวเดินบ้างหรือเปล่า เธอตอบว่า ไม่เคยเกิด เพราะตัวเองคือนักสู้
“ไม่เคยร้องไห้ ไม่เคยเสียน้ำตา แม้แต่สามีเสียชีวิตก็ไม่ร้อง ไม่อยากให้ผู้หญิงมีทุกข์ เอาชีวิตไปฝากไว้กับผู้ชายคนหนึ่ง”
ปัญหาของสามีที่ไม่ซื่อสัตย์ เป็นอุปสรรคในการทำงานของผู้หญิงหลายคน เจ๊เกียวบอกว่าตัวเองมีชีวิตคู่ที่ยาวนาน แต่งงานตั้งแต่อายุ 19 ปี จนลูกชายคนโตอายุ 65 ปีแล้ว แต่อยากเตือนผู้หญิงว่าให้รักตัวเองให้มาก ๆ อย่าให้ความรักกับสามีจนเกินไป ให้คิดว่าเขาเป็นเพียงเพื่อน เป็นที่ปรึกษา และโฟกัสไปที่การเลี้ยงลูกให้ดีเป็นหลัก
ถ้าทนไม่ได้ที่จะอยู่ด้วยกัน ก็ให้เลิกกันไป หาคู่ใหม่ ตั้งใจทำงานและเลี้ยงลูกไป และที่สำคัญอย่าปล่อยตัว ต้องทำตัวเองให้สวยและดูดี พูดจาไพเราะ และพูดในทางที่ดีสร้างสรรค์ตลอดเวลา ไม่ว่าจะอยู่ที่บ้าน หรืออยู่ที่ทำงาน
เเละยิ้มเข้าไว้ รอยยิ้มไม่มีต้นทุน แต่ส่งผลตอบแทนให้เราไปสู่ความสำเร็จได้
การเป็นผู้หญิง ไม่ใช่อุปสรรค
ทุกคนทำได้ ต้องไม่กลัว ขอให้ลงมือทำก่อน ระยะเวลาในการทำไม่น่าจะเกิน 1 ปี ก็จะเห็นผลลัพธ์
“ซึ่งผลของมันจะมีทั้งบวก ลบ คูณหรือหาร ถ้าผลลัพธ์ทำแล้วบวกถึงจะบวกน้อยก็ยังดีกว่าลบ ถึงจะลบก็ยังดีกว่าหาร เพราะฉะนั้นให้ระวัง หากธุรกิจของคุณมีบุญเข้ามาอีกนิดมันจะมีตัวคูณเข้ามาช่วย ตัวคูณจะเร็วมาก ผลลัพธ์บวกนี่คือเรื่องพื้นฐาน ส่วนตัวคูณหมายถึงว่าเป็นคนมีบุญเก่าที่ทำให้ธุรกิจอยู่ได้”
ผู้คนในแวดวงรถทัวร์จะเรียกเธอว่า “เจ้าแม่” หรือ “มาเฟีย” ด้วยเหตุผลที่ว่า เป็นผู้หญิงที่มีลูกน้องส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย เช่น ช่างผู้ชายในโรงงานที่รวมแล้วเป็นพัน ๆ คน ไม่รวมพนักงานขับรถ เด็กประจำรถ อีกจำนวนมาก
ทุกคนให้ความรักนับถือและยำเกรงเธอเพราะเธอช่วยเหลือพวกเขาในเรื่องงานอาชีพทั้งหมด สอนให้รู้จักใช้เงิน เก็บเงิน
แต่ก็ยอมรับว่ามีลูกน้องบางคนที่เป็นคนโกงบ้างแต่ถ้ารู้ว่าโกงเพื่อเอาไปต่อยอดซื้อบ้านซื้อนา ส่งลูกเรียนหนังสือ หรือไปดูแลพ่อแม่ก็จะไม่โกรธ แต่ถ้าเอาไปใช้สุรุ่ยสุร่ายกับเรื่องผู้หญิงหรือเหล้าเบียร์ ไปได้แน่นอน
“ลูกน้องเจ๊มีบ้านกันทุกคน ฉันมักจะสอนลูกน้องเสมอตั้งแต่พื้นฐานของการเกิดมามีชีวิตจะเดินทางแบบไหนถึงจะประสบความสำเร็จ อยู่อย่างมีความสุข และได้นำคำสอนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ต้องอยู่แบบพอเพียง เวลาว่างให้รู้จักทำสวนทำไร่ ขุดบ่อปลาเอาไว้เลี้ยงชีพตัวเอง”
การที่เกิดมาเป็นลูกผู้หญิงทุกคนโชคดีแล้ว และอย่ามองว่าเป็นจุดอ่อนจนต้องหวังพึ่งพาคนอื่น
“ให้คิดตลอดเวลาว่าทำอย่างไรถึงจะเป็นคนที่พึ่งตัวเองได้ ต้องทำมาหากินเป็นและเมื่อมีสามีต้องทำทุกอย่างให้สามีรัก เมื่อเป็นแม่ทำอย่างไรถึงจะเลี้ยงลูกให้ได้ดีเพื่อเป็นกำลังของประเทศชาติ ไม่ต้องคิดจะพึ่งผู้ชาย ไม่ต้องหวังให้เขาช่วยในเรื่องต่าง ๆ การที่เราเป็นผู้หญิงเก่งทำเป็นทำได้ คือสิ่งที่มีความสุขที่สุดในชีวิตของลูกผู้หญิงแล้ว”
เจ๊เกียวให้ความเห็นทิ้งท้ายว่า
“ชีวิตฉันตอนนี้ก็มีความสุขเกินคาดแล้ว ที่ตั้งใจว่าจะมีสมบัติหมื่นล้านก็มีแล้ว ฉันสามารถก้าวไปถึงได้ตั้งแต่ 20 ปีที่แล้ว แต่ไม่กล้าพูดเท่านั้น เพราะกลัวคนจะหมั่นไส้ แต่วันนี้ฉันกล้าพูดเพราะฉันอายุ 85 ปีแล้ว ใครจะว่าก็ว่าไปฉันยอมรับคำติชม คำด่า ไม่เป็นไรเลย รักก็ขอบใจ เกลียดก็ขอบใจ แต่ฉันเป็นคนไม่มีความทุกข์เท่านั้นเอง”
หลังการสัมภาษณ์ Marketeer ขอถ่ายรูป เจ๊เกียวไม่ปฏิเสธฺ เเต่ก็เรียกหาคนติดตามที่เป็นผู้หญิงวัย 72 ปี เข้ามาเพื่อเอาเเหวนเเละต่างหูเพชรเม็ดโตมาประดับ
“คนเราต้องรู้จักเเต่งตัวให้ดูดี” เป็นข้อคิดสุดท้ายของเธอ
–
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ Website: Marketeeronline.co
Facebook: www.facebook.com/marketeeronline



