ธุรกิจค้าปลีก เป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่มีความอ่อนไหวจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมค่อนข้างง่าย โดยเฉพาะสินค้าประเภทฟุ่มเฟือย แต่ยังไงก็ตาม ตลาดของค้าปลีกก็ยังมีอัตราเติบโต โดยรวมปีละไม่ต่ำกว่า 2-3 % ซึ่งเป็นการเติบโตที่ไม่เพียงพอกับการแข่งขัน ที่รุนแรงเพิ่มขึ้นทุกวัน ดังนั้นแต่ละแบรนด์ก็ต้องทำงานกันหนักมากขึ้น
ใครที่สามารถเข้าใจลูกค้าได้ดีที่สุด ก็จะครองส่วนแบ่งได้มากที่สุดเหมือนกัน 2-3 ปีที่ผ่านมา จึงค่อนข้างเป็นเรื่องที่เหนื่อยสำหรับทุกแบรนด์
“ สำหรับปีนี้ เราก็ยังไม่เห็นปัจจัยลบอะไรที่เป็นนัยสำคัญ ดังนั้นจึงมั่นใจว่าความคล่องตัวในการจับจ่ายของประชาชน ยังดีขึ้นอย่างแน่นอน อย่างเช่นในโครงการประชารัฐ โครงการสาธารณูปโภคพื้นฐาน ทางรถไฟที่ยังต้องทำอย่างต่อเนื่อง เลยค่อนข้างมั่นใจว่าปีนี้จะต่างจากปีที่แล้ว โครงการหลายอย่างจับต้องได้มากขึ้น”
ชาคริต ดิเรกวัฒนชัย รองประธานกรรมการแผนกสื่อสารองค์กรและความยั่งยืน บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม ให้ความเห็น
หัวใจสำคัญที่ทำให้ เทสโก้ โลตัสประสบความสำเร็จตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มี 3 เรื่องหลัก คือ
1.ให้ความสำคัญกับความต้องการของลูกค้า ดังนั้นวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนของเทสโก้ โลตัส คือราคาต้องถูกสุดๆ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการกระตุ้นให้คนจับจ่าย ปีที่แล้วคนซื้อของมากขึ้นเพราะโปรโมชั่นที่เป็นส่วนลด ปกติเทสโก้ โลตัสทำโปรโมชั่นมาตลอด แต่เพื่อเป็นการช่วยเหลือลูกค้าในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัวก็จะเลือกแคตากอรี่ที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวันของลูกค้า เช่นประเภทแม่และเด็ก และ อาหารสดมาปรับราคาลดลงก่อน
“เราเข้าใจลูกค้าและเราทำในสิ่งที่ลูกค้าต้องการ โดยเฉพาะในเรื่องของราคาที่เรามีโปรโมชั่นทุกสัปดาห์ ถ้านับเป็นจำนวนครั้งอาจจะไม่มากกว่าปีก่อนๆ แต่ถ้านับเป็นจำนวนสินค้าที่เอามาทำโปรโมชั่น จำนวนจะเยอะขึ้น เช่น อาหารสดเมื่อก่อนอาจจะมีไม่กี่ตัว แต่คราวนี้เราลดราคาทั้งแผนก เพื่อให้คนรู้ว่ามาแผนกนี้จะมีลดแน่นอน จากเมื่อก่อนเราลดเพียงแค่สินค้าบางตัวในร้านเท่านั้น”
2.วางนโยบายการทำงานร่วมกับคู่ค้าเอสเอ็มอีอย่างชัดเจนเป็นระบบมากขึ้น เทสโก้โลตัส มีคู่ค้าซึ่งเป็นลูกค้า เอสเอ็มอี ประมาณ 90 % หรือประมาณ 7 พันราย เกินครึ่งเป็นเอสเอ็มอีของสดที่เกี่ยวกับอาหาร อีกครึ่งหนึ่งจะเป็นเสื้อผ้าและของใช้ต่างๆ
ปีที่ผ่านมาบริษัทจะมีการทำกิจกรรมร่วมกับคนกลุ่มนี้มากขึ้น มีการจัดสัมมนา เชิญวิทยากรมาให้แนวทางของการสนับสนุนเอสเอ็มอี เพื่อให้เอสเอ็มอีกับองค์กรโตไปด้วยกัน เพราะสิ่งที่เทสโก้ โลตัสต้องการคือเป็นพื้นที่ที่จะขายวางสิ่งของ และต้องคิดต่อว่าสินค้านั้นลูกค้าพอใจหรือไม่ เป็นการทำงานร่วมกัน และให้ความรู้ทั้งกับเอสเอ็มอีและพนักงงานเทสโก้ โลตัสเอง
รวมทั้งมีการเทรนนิ่งในเรื่องการดีไซน์การออกแบบอย่างเช่น เอสเอ็มอี กลุ่มที่ตัดเสื้อในช่วงวันสงกรานต์ที่จะถึงนี้ ได้มีการพูดคุยในการออกแบบลายเสื้อใหม่ ที่สวยงามดูดีมากขึ้น เพื่อให้โดนใจคนซื้อทุกกลุ่ม เฉพาะเสื้อสงกรานต์ เทสโก้ โลตัสมียอดขาย ประมาณ 5 แสนตัว หรือ 80 ล้านบาทต่อปี จากพันสาขาทั่วประเทศ
3.การทำงานเพื่อชุมชน เป็นวัฒนธรรมองค์กรอย่างหนึ่งที่เทสโก้ โลตัส พยายามสร้างให้พนักงานทำอย่างต่อเนื่อง จากรุ่นสู่รุ่น เช่นการทำโครงการของขวัญปันสุข ไปเยี่ยมโรงเรียน หรือสถานรับเลี้ยงเด็ก บางแห่ง ปีละ 1-2 ครั้ง ไปเลี้ยงอาหารกลางวัน ไปทำกิจกรรม ซึ่งทำมามาต่อเนื่องหลายปี บางปีมีการร่วมบริจาคจากลูกค้าด้วย เมื่อได้สิ่งของแล้วพนักงานจะเอาไปให้เป็นของขวัญปีใหม่ และพยายามจะเลือกของที่เป็นประโยชน์ มากที่สุดเช่น น้ำยาฆ่าเชื้อและเจลล้างมือ แทนขนม และของเล่นที่มีบริจาคมากอยู่แล้ว
หรือโครงการบริจาครองเท้าให้เด็กๆใน 3จังหวัด ชายแดนภาคใต้ที่ตั้งเป้าไว้ 1.2 หมื่นคู่ แต่สามารถได้มาทั้งหมดถึง 2.3 หมื่นคู่
รวมทั้งโครงการ การลดใช้ถุงพลาสติก ซึ่งทำมาต่อเนื่อง 3 ปี ชื่อโครงการภูมิใจไม่ใช้ถุง และ สามารถลดการใช้ถุงพลาสติก ผ่านโครงการรณรงค์แล้ว ประมาณ 38 ล้านใบ
ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ