ทำไมนับวัน ตลาดกัมพูชา จึงยิ่งน่าสนใจสำหรับนักลงทุนไทย ?

ชนชั้นกลางขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

ในวันนี้ กัมพูชา มีการเติบโตด้านเศรษฐกิจสูง มี GDP ที่เติบโตสูงถึง 7% ซึ่งส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจมาจากการขยายตัวของชั้นกลางที่มีรายได้เฉลี่ยต่อครอบครัวที่สูงขึ้น ซึ่งกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่กล้าใช้จ่ายในสินค้าและบริการต่างๆ ซึ่งปัจจุบันประเทศกัมพูชามีประชากรมากถึง 15% ที่มีรายได้เฉลี่ยต่อครอบครัว(สามีและภรรยารวมกัน) มากถึง 2,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 66,600 บาท ซึ่งส่วนหนึ่งที่ทำให้ชาวกัมพูชามีชนชั้นกลางมากขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากค่าจ้างงานที่สูงในสาขาที่ขาดแคลนแรงงาน

โอกาสทองนักธุรกิจต่างชาติ

กัมพูชามีนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนมากขึ้น จากการเปิดให้ชาวต่างชาติลงทุนได้ 100% โดยไม่ต้องไปร่วมทุนกับนักธุรกิจในพื้นที่ และมีชาวต่างชาติเข้ามาพักอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก และจากกฏหมายของกัมพูชาอนุญาตให้ชาวต่างชาติมีสิทธิ์ในทรัพย์สินต่างๆ เช่นอสังหาริมทรัพย์ได้ และเมื่อชาวต่างชาติลงทุนในประเทศกัมพูชามากกว่า 300,000 เหรียญขึ้นไปต่อปี หรือประมาณ 1ล้านบาท หรือทำธุรกิจในกัมพูชา 7 ปี จะสามารถขอสัญชาติกัมพูชาได้ด้วยเช่นกัน โดยการขอสัญชาติกัมพูชาสำหรับนักธรกิจต่างชาติจะมีค่าใช้จ่ายเพียง 60,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 200,000 บาท ซึ่งถือว่าเป็นการลงทุนที่ค่อยข้างต่ำสำหรับนักธุรกิจที่ต้องการบุกตลาดนี้อย่างจริงจัง

โดยประเทศญี่ปุ่นถือเป็นประเทศแรกๆ ที่เข้ามาลงทุนในกัมพูชา และเป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จในการลงทุนเป็นอย่างดี เนื่องจากนักลงทุนชาวญี่ปุ่นใช้วิธีการลงทุนควบคู่ไปกับการทำ CRS จึงสามารถซื้อใจชาวกัมพูชาได้เป็นอย่างดี

 

ตลาดกัมพูชา ยังขาดไอเดีย

กัมพูชาเป็นประเทศที่มีสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานที่ดี มีไฟฟ้าเพียงพอกับความต้องการ แต่กัมพูชายังขาดด้านทรัพยากรมนุษย์ที่มีความสามารถเฉพาะด้าน รวมถึงขาดทรัพยากรด้านไอเดีย ในการออกแบบสิ่งต่างๆ เช่น Interior Design จะเห็นได้ว่างานดีไซน์ของกัมพูชาจึงเป็นงาน Copy เสียส่วนใหญ่ และเป็นโอกาสของนักออกแบบชาวไทยที่จะเข้าไปเปิดตลาดดีไซน์ผ่านไอเดียใหม่ๆ

แต่เป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่นักลงทุนชาวไทยมีเพียง 100 กว่าบริษัทเท่านั้นที่เข้ามาลงทุนในกัมพูชา จากนักลงทุนส่วนใหญ่ที่เลือกกัมพูชาเป็นประเทศท้ายๆ ในเออีซีที่จะเข้าไปลงทุน ทั้งๆ ที่กัมพูชาเป็นประเทศที่น่าสนใจอันดับต้นๆ เป็นประเทศที่ไม่มีภัยพิบัติ ผู้ก่อการร้าย และไม่แก้กฏหมายที่ออกมาบังคับใช้บ่อยเหมือนประเทศไทย

 

สื่อทีวีราคาประหยัด
ชาวกัมพูชาเข้าถึงสื่อทีวีประมาณ 80% และมีช่องรายการหลักประมาณ 12-13 ช่อง สื่อทีวีเป็นสื่อหลักในการกระจายถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างรวดเร็วและมีต้นทุนที่ไม่สูงจนเกินไป โดยเรทโฆษณาทีวีในช่วงไพร์มไทม์ของกัมพูชาตกเฉลี่ยสปอตละประมาณ 5,000-8,000บาท ส่วนประเทศไทยนาทีละ 300,000 บาท

 

Young Consumer

ประชากรกัมพูชามากกว่า 52.1% มีอายุต่ำกว่า 24 ปี มีความเหลื่อมล้ำทางรายได้สูง

กล้าซื้อ กล้าใช้ กล้าจ่าย

คนกัมพูชาเป็นคนที่กล้าซื้อ กล้าใช้ กล้าจ่าย จากการเป็นประเทศเศรษฐกิจขาขึ้น

คนกัมพูชาเชื่อว่าการมีรถยนต์ราคาแพงเป็นการบ่งบอกถึงฐานะ และหน้าในสังคม ชาวกัมพูชาจึงเลือกรถโรลส์-รอยซ์ โชว์สถานะทางสังคม ซึ่งบางครอบครัวมีรถโรลส์-รอยซ์ไว้ครอบครองถึง 5 คัน

ในประเทศกัมพูชามีรถโรลส์-รอยซ์ทั้งหมด 50 คัน เป็นรถที่นำเข้ารถมือสองจากต่างประเทศทั้งสิ้น จนบริษัทโรลส์-รอยซ์ เห็นโอกาสทางการตลาดและเข้ามาตั้งสำนักงานขายและศูนย์ซ่อมบำรุงอย่างเป็นทางการ และหวังว่าจะสามารถสร้างยอดจำหน่ายระยะยาวได้มากกว่า 20,000 คัน

 

1.อุตสาหกรรม Garment

เป็นฐานการผลิตเสื้อผ้าทั่วโลก จากโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าแรงงานราคาถูก ด้วยค่าจ้างเฉลี่ยประมาณ 128 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 4,300 บาท ซึ่งเป็นค่าจ้างที่ถูกกว่าไทยมาก

2.การท่องเที่ยว

จากนโยบายการเปิดเสรีน่านฟ้า นักท่องเที่ยวจึงเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในกัมพูชามากขึ้น โดยปีที่ผ่านมา นครวัด นครธม มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าชมความงามมากถึง 24 ล้านราย เติบโตเฉลี่ย 15% ทุกๆ ปี

3.การก่อสร้าง

จากการก่อสร้างที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ดึงดูดให้นักลงทุนหน้าใหม่ เข้าไปลงทุนอย่างต่อเนื่อง และขับเคลื่อนให้อุตสาหกรรมก่อสร้างในกัมพูชาเติบโตเฉลี่ย 15% ต่อปี โดยสิงคโปร์เป็นนักลงทุนประเทศล่าสุดที่เดินทางเข้ามาลงทุนในกัมพูชา

4.การเกษตร

มีมันสัมปหลัง ข้าวโพดและข้าว เป็นพืชเศรษฐกิจ ส่งออกมายังไทยเพื่อเป็นอาหารสัตว์

ที่มา : สัมมนา SCB First เปิดโลก AEC / เจาะลึกกัมพูชา มิถุนายน 2558

อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ 
Website : Marketeeronline.co / Facebook : www.facebook.com/marketeeronline

 

 

 


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer