แม้ธุรกิจประกันวินาศภัยจะมีมูลค่ารวมที่น้อยกว่าตลาดประกันชีวิตเกือบ 3 เท่า
แต่ธุรกิจประกันวินาศภัยกลับมีการเติบโตที่สูงกว่าธุรกิจประกันชีวิตตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา
| ประกันวินาศภัย | ประกันชีวิต | |||
| มูลค่า | เปลี่ยนแปลง | มูลค่า | เปลี่ยนแปลง | |
| 2561 | 231,990 | เติบโต 6% | 627,387 | เติบโต 4.26% |
| 2562 | 244,055 | เติบโต 5% | 610,914 | ลดลง 2.63% |
| 2563 | 252,716 | เติบโต 3.5% | 600,206 | ลดลง 1.75% |
| 2564 | 262,795 | เติบโต 4% | 614,116 | เติบโต 2.32% |
| 2565 | 272,000-274,600 | เติบโต 3.5%-4.5% | 612,000 – 629,500 | เติบโต 0%-2.5% |
| 1H /2565 | 132,741 | เติบโต 2.1% | 289,097 | ลดลง 1.94% |
*หน่วยล้านบาท
ที่มา: Marketeer รวบรวม จากรายงานสมาคมประกันวินาศภัยไทย และสมาคมประกันชีวิตไทย

การเติบโตของธุรกิจประกันวินาศภัยในช่วงหลายปีที่ผ่านมาส่วนใหญ่มาจากการเติบโตของประกันภัยยานยนต์, ประกันอัคคีภัย และประกันเบ็ดเตล็ดที่มีการเติบโตเพิ่มขึ้นทุกปี
และประกันภัยยานยนต์ยังเป็นพอร์ตที่มีสัดส่วนรายได้มากกว่า 49% ขึ้นไปเมื่อเทียบกับรายได้รวมของประกันวินาศภัยทั้งหมด
แต่ธุรกิจประกันวินาศภัยใน 1-2 ปีที่ผ่านมาเป็นปีที่ท้าทายของบริษัทประกันวินาศภัยที่ออกกรมธรรม์โควิด-19 เจอจ่ายจบ ที่ไม่สามารถจ่ายเงินค่าสินไหมทดแทน ให้กับผู้ทำประกัน จนต้องปิดกิจการไปหลายบริษัทตามข่าวที่เคยออกไปก่อนหน้านั้น
แต่ธุรกิจประกันอื่น ๆ ที่ไม่มีกรมธรรม์โควิด-19 เจอจ่ายจบ ก็ยังสามารถคงอยู่ได้ต่อไป
ส่วนในปีนี้สมาคมประกันวินาศภัยไทยคาดการณ์ว่าธุรกิจประกันวินาศภัยจะเติบโตได้มากถึง 3.5-4.5%
จากปีที่ผ่านมาเติบโต 4%
การเติบโตของธุรกิจประกันวินาศภัยในปีนี้เป็นการเติบโตจากสภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นกลับมา ทำให้ผู้บริโภคเริ่มใช้จ่ายในการซื้อรถใหม่มากขึ้น ประกอบกับรถ EV ที่เข้ามาเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้กับผู้บริโภคตัดสินใจซื้อรถใหม่แทนรถน้ำมัน
ซึ่งการเติบโตของยอดรถใหม่ ประกอบกับผู้บริโภคมีอัตราการต่อประกันยานยนต์ภาคสมัครใจเพิ่มขึ้นเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ประกันภัยยานยนต์มีการเติบโตถึง 4% ในครึ่งปีแรกของปี 2565 และส่งผลให้ประกันยานยนต์มีอัตราการเติบโตที่เพิ่มสูงขึ้นตลอดทั้งปีนี้เช่นกัน
สำหรับประกันชีวิตแม้จะเป็นธุรกิจประกันที่มีมูลค่าสูงกว่าประกันวินาศภัย แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากอัตราการเติบโตที่ลดลง
เช่น ในปี 2562 เป็นปีแรกในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา ที่ธุรกิจประกันชีวิตประสบกับสภาวะการเติบโตติดลบ
การติดลบในปี 2562 ส่วนหนึ่งมาจากการแข่งขันของผู้เล่นหน้าใหม่ที่ไม่ได้อยู่ในตลาดประกันชีวิต เช่น ธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนระดับบนที่นำเสนอแพ็กเกจความคุ้มครองให้กับลูกค้าที่ซื้อแพ็กเกจคุ้มครองและรักษาที่ออกโดยโรงพยาบาลเช่นกัน
และประกอบกับช่วง 3 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจประเทศไทยเกิดสภาวะผันผวนจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ผู้บริโภคว่างงาน สูญเสียรายได้ และเลือกที่จะประหยัดค่าใช้จ่ายด้วยการยกเลิกกรมธรรม์ประกันชีวิต หรือชะลอโครงการซื้อประกันชีวิตออกไป
ส่วนในปี 2565 สมาคมประกันชีวิตไทยคาดการณ์ว่าธุรกิจประกันชีวิตจะเติบโตที่ 0-2.5% เท่านั้น
จากครึ่งปีแรกของปี 2565 ที่ธุรกิจประกันชีวิตเติบโตลดลง 1.94% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564
เหตุผลที่ประกันชีวิตในปีนี้อาจไม่เติบโตมาจากสงครามการค้าระหว่างประเทศ ความไม่แน่นอนของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคอุบัติใหม่ การเกิดใหม่ของสงครามเทคโนโลยี และการบังคับใช้กฎหมายใหม่ เช่น พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) พ.ศ. 2562
รวมถึงสัญญาการประกันภัยสุขภาพแบบมาตรฐานใหม่ ส่งผลให้แต่ละบริษัทประกันชีวิตต้องพัฒนาแบบประกันและการบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้ามากขึ้น
–
