ทันทีที่ สาระ ล่ำซำ ขึ้นมารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เมื่อ12 ปีก่อน เป้าหมายแรกๆที่เขาทำคือทำให้แบรนด์เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตของผู้คนมากขึ้น ผ่านการทำ CRM ในเรื่องเอนเตอร์เทนต่างๆ
พร้อมๆกับการเปลี่ยนความคิดใหม่ โดยมีนโยบาย “ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง”(Customer Centric) เป็นหัวใจของการดำเนินธุรกิจเพื่อความมั่นคงและยั่งยืนที่บริษัทได้ยึดถือมาโดยตลอด
ในปี 2558 บริษัทสามารถเติบโต โดยสร้างผลงานเบี้ยประกันชีวิตรับรายใหม่ 37,938 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 8%จากปีก่อน โดยเป็นเบี้ยประกันชีวิตรับปีแรก 26,247 ล้านบาท เติบโตสูงถึง 18%และเบี้ยประกันชีวิตรับปีต่อไป 49,942 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 25% จากปีก่อน ส่งผลให้มีเบี้ยประกันชีวิตรับรวม 87,880 ล้านบาท เติบ โตเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 17%
นวัตกรรมเพื่อตอบสนองทุกความต้องการ
สาระกล่าวว่า วันนี้ การเข้าสู่ยุคดิจิตอล มีอิทธิพลอย่างมากในการใช้ชีวิต และทำให้พฤติกรรมของคนเปลี่ยนแปลงไปเร็วมาก และเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้โลกของการประกันเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วในทางที่ดีขึ้นเช่นกัน โดยความต้องการของคนจะเป็นแบบเซกเม้นต์ หรือความต้องการเฉพาะตัว มากขึ้น เรื่อยๆ และไม่ใช่เฉพาะตัวผลิตภัณฑ์เท่านั้น แต่รวมไปถึงการบริการต่างๆด้วย

การพลิกโฉมการทำตลาดประกันในรูปแบบใหม่เลยเกิดขึ้น โดยเมืองไทยประกันชีวิตมีความมุ่งมั่นสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องโดยล่าสุดได้เปิดตัววิสัยทัศน์ใหม่ ซึ่งจะเป็นเสมือนเป้าหมายสู่ความสำเร็จในอนาคต ว่า
“มุ่งมั่นเป็นคู่คิดที่ลูกค้าวางใจ ผ่านนวัตกรรมเพื่อตอบสนองทุกความต้องการด้วยการทำงานที่มีลูกค้าเป็นศูนย์กลาง”
ดิจิทัล คือตัวที่จะตอบโจทย์ความต้องการในเรื่องนี้ ถ้า เมืองไทยประกันชีวิตจับเทรนด์ในการเปลี่ยนแปลงในเรื่องนี้ไม่ได้ จะเป็นอันตรายกับองค์กรอย่างมาก
“จะเห็นว่าวันนี้คู่แข่งของเราไม่ได้มีเฉพาะธุรกิจประกันด้วยกัน แต่ยังแข่งกับสถาบันการเงิน เราไม่รู้ว่าวันข้างหน้าเราต้องแข่งกับอะไรอีก อย่างเช่นเรื่อง FinTech (Financial Technology) เป็นเรื่องที่ไม่พูดไม่ได้ เพราะกำลังรุกคืบเข้ามาอย่างแรงและเร็วมากๆด้วย โดยตัวขับเคลื่อนสำคัญคือพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของคน”
สิ่งที่เกิดขึ้นคือเหตุผลที่ทำให้บริษัทต้องจัดตั้ง “Innovation Center” ขึ้นมาเมื่อประมาณ ต้นปีที่ผ่านมา
“Innovation Center” ภาระกิจหลักเพื่ออนาคต
บทบาทสำคัญของหน่วยงาน “Innovation Center” เพื่อติดตามและศึกษาแนวโน้มความเปลี่ยนแปลงที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต เช่น พฤติกรรมผู้บริโภค เรื่องของ FinTech รวมทั้งเรื่องอื่นๆที่สามารถเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว
การจับเทรนด์ของโลกอนาคตมีความสำคัญอย่างมากสำหรับการกำหนดยุทธศาสตร์ ของบริษัทใน 1- 3 ปี หรือ 5-10 ปีข้างหน้า โดยในหน่วยงานนี้ไม่ได้เอาคนในวงการประกัน เข้ามานั่งทำงานอยู่เลย แต่มาจากคนในหลากหลายอาชีพ เช่นวงการโฆษณา มาร์เก็ตติ้ง ไอที คอนซูเมอร์โปรดักท์ ทั้งหมดประมาณ 10 คน เป็นคนรุ่นใหม่ อายุประมาณ 20ปีปลายๆไปจนถึง 30 ปี ต้นๆ
เขาย้ำว่า
“เราต้องการความเห็นของคนรุ่นใหม่ ที่อยู่ในหลากหลายอาชีพในมุม outside in ไม่ใช่ inside out อีกต่อไป เพราะเมื่อไหร่ผมเอาคนทางด้านประกันเข้ามานั่ง มันก็จะมีกรอบ ของความเป็นประกันอยู่ตลอด ความคิดนอกกรอบอาจจะเกิดขึ้นยาก”
สาระ ล่ำซำ สร้างเมืองไทยอะคาเดมี สถาบันสร้างคนเพื่อศตวรรษหน้า
จากแผนกเทรนนิ่ง ถูกขยับขยายการกลายเป็นหน่วยงานที่ใหญ่ขึ้น “เมืองไทยอคาเดมี” เพื่อการพัฒนาคนให้สอดคล้องกับการปรับองค์กรให้ทันสมัย รองรับกับสิ่งต่างๆที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยได้เปลี่ยนรูปแบบการเทรนนิ่งผ่านหลักสูตร และวิธีการต่างให้ทันสมัยขึ้น
“จากรูปแบบของ Sitdown Training เป็น On The Job Training เพื่อให้คนไม่รู้สึกว่าถูกเทรน แต่เป็นการทำงานด้วยกันซึมซับความคิดด้วยกัน โดยเอาคนรุ่นใหม่ อายุประมาณ 30 ปีต้นขึ้นมาเป็นประธานของ อนุกรรมการ เมื่อให้ได้เห็นภาพ และปรับเปลี่ยนการทำงานไปพร้อมๆกัน ”
นอกจากนั้นยังให้ความสำคัญกับการ Rotate คน ตอนแรกอาจจะเริ่มจากฝ่ายงานที่ใกล้ๆกันแต่ต่อไปอาจหมุนเปลี่ยนคนจากฝั่งยุทธศาสตร์ ไปเป็นเซล หรือมาร์เก็ตติ้งก็ได้
“ผมไม่ต้องการให้คนต้องยึดติด คนต้องมีทักษะในการทำงานที่หลากหลาย ซึ่งจะดี กับตัวเขาที่มีคุณค่ามากขึ้น และดีกับองค์กร ยิ่งเรามีแผนจะบุกเออีซี คนที่จะไปทำงานที่ต่างประเทศ การมีความสามารถหลายด้านเป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็นมาก”
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้
Website : Marketeeronline.co /

